ตอนที่ 551 บดขยี้! หลินชิงจยาเห็นเวินทิงหลาน
ฮวนรู้ดีว่า อย่าว่าแต่มหาวิทยาลัยตี้ตูเลย ต่อให้เป็นมหาวิทยาลัยเฮลก้าที่อยู่อันดับสองของโลกก็ไม่มีทางเปิดสอนวิชาประกอบปืนแบบนี้
เพราะมันอันตรายเกินไป
ก็มีแค่มหาวิทยาลัยนอร์ตันที่เปิดวิชาแบบนี้
คนทั่วไปยิงปืนเป็นก็เก่งแล้ว ยังจะพูดถึงประกอบปืนอีกเหรอ
ฮวนก็ทำความรู้จักอิ๋งจื่อจินมาบ้าง รู้ว่าหลังจากผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกมาเธอก็เคยถูกมหาวิทยาลัยนอร์ตันเชิญไป แต่เธอไม่ไป
เขาก็แอบเสียดายแทนเธอ
เข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันถึงจะได้รู้ว่ามหาวิทยาลัยอื่นก็แค่ก้อนกรวดที่อยู่บนหาดทราย
ฮวนเสนอไปแบบนี้ ไม่ใช่แค่เวินทิงหลาน สีหน้าของพวกหลีหานก็แย่ลง
กลับเป็นฉินหลิงอวี๋ที่หันมองฮวน สองมือกอดอก ทำเสียงจึ๊
แบบนี้เรียกอะไร
เรียกสวรรค์เปิดทางให้เดินไม่เดิน อยากจะไปลงนรกให้ได้
เธอไม่เคยเจอใครที่อยากกระโดดเข้าไปตายขนาดนี้
“ฉันแข่งกับทิงหลานแล้วกัน ฉันก็อยู่คณะเครื่องกลเหมือนกัน” อะเดลยกมือ “แบบนี้ก็ยุติธรรมแล้ว”
นักศึกษาชายคนก่อนหน้าพูดขึ้นอีกครั้ง
“อะเดล เธออยู่ปีหนึ่ง เพิ่งเข้าเรียนได้ไม่นาน ภาคปฏิบัติจะสู้ปีสองได้ยังไง อย่าวุ่นวายน่า”
ขณะที่อะเดลยังอยากพูดอะไรต่อก็ถูกอิ๋งจื่อจินห้ามด้วยสายตา
อิ๋งจื่อจินละสายตากลับมา มือจับกล่องที่มีพวกชิ้นส่วน นิ้วเคาะเบาๆ “ไม่ถือสา เริ่มเถอะค่ะ”
ฮวนยิ้มอีกครั้ง หยิบกล่องชิ้นส่วนอีกใบ “คุณอิ๋งใจถึงมากครับ”
หลังจากทั้งสองคนพร้อม ฉินหลิงอวี๋ก็พูดขึ้น
“ฉันจะนับถอยหลังนะคะ…สาม สอง หนึ่ง เริ่มได้!”
สองฝั่งซ้ายขวาของหน้าจอยักษ์มีเครื่องนับเวลา เริ่มนับถอยหลัง
ฮวนตั้งสมาธิแล้วเริ่มประกอบ
ถึงแม้เขาจะไม่ได้อยู่คณะเครื่องกล แต่การประกอบปืนเป็นทักษะจำเป็นของตระกูลเฮอร์เชลอยู่แล้ว เขาย่อมไม่กลัว
จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงฮือฮามาจากรอบๆ
ฮวนอึ้ง เงยหน้ามองโต๊ะฝั่งตรงข้าม
พอได้เห็นสีหน้าก็เปลี่ยน
มือของอิ๋งจื่อจินเคลื่อนไหวเร็วมาก ไม่มองแม้แต่ภาพประกอบ
เห็นเธอหยิบชิ้นส่วนขึ้นมา วินาทีถัดมาก็ประกอบเสร็จแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาที่ร่วมรายการหรือชาวเน็ตที่รับชมถ่ายทอดสดต่างก็เห็นอิ๋งจื่อจินประกอบไปได้สองในสามภายในเวลาไม่ถึงสามนาที
พากันตกตะลึง
[โอ้โห เทพอิ๋งประกอบปืนเป็นจริงดิ!]
[พิมพ์เทพอิ๋งโคตรเทพขึ้นจอเดี๋ยวนี้!]
[ขอโม้หน่อย ไม่มีอะไรบนโลกนี้ที่เทพอิ๋งทำไม่ได้! เธอสร้างเซอร์ไพรส์ให้พวกเราได้เสมอ]
ฮวนนึกไม่ถึงอย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็อายุแค่สิบเก้า จิตใจยังไม่เข้มแข็งพอ
เขาเริ่มลนลาน เผลอประกอบผิดไปหนึ่งชิ้น
ในระหว่างที่เขากำลังรื้อประกอบใหม่ อิ๋งจื่อจินก็ใส่ชิ้นส่วนสุดท้ายเสร็จพอดี
เวลาทางด้านขวาหยุดอยู่ที่สี่นาที ยี่สิบเก้าวินาที
อิ๋งจื่อจินจับปืนที่ประกอบเสร็จแล้ว ยกมือขึ้น
ปากกระบอกปืนเล็งไปที่หน้าผากของฮวน
ฮวนสีหน้าเปลี่ยน
“ปัง!”
ไกปืนถูกเหนี่ยวในเวลานี้ เกิดเสียงดังสนั่น
หัวใจฮวนหล่นไปอยู่ตาตุ่ม หน้าผากมีเหงื่อผุดในชั่วพริบตา
เขาหน้าซีด นั่งไม่ดีหล่นไปนั่งอยู่บนพื้น
[ฮ่าๆ!]
[ท่ายิงปืนของเทพอิ๋งโคตรเท่ห์เลย ฉันยังคิดว่าเรื่องจริงเสียอีก]
[เดี๋ยวนะ แค่นี้ก็ตกใจกลัวเทพอิ๋งแล้วเหรอ]
“ไม่ต้องกลัว” อิ๋งจื่อจินวางปืนลง เงยหน้าขึ้น “ในนี้ไม่มีกระสุน คุณตื่นเต้นเกินไป”
อย่างไรเสียก็เป็นรายการที่ออกอากาศต่อหน้าสาธารณชน ห้ามเกิดเรื่องที่มีคนได้รับบาดเจ็บ
ฮวนแข้งขาอ่อนแรง ถูกนักศึกษาชายข้างๆ ประคองมานั่งบนเก้าอี้
เขายังคงเหงื่อแตก หัวใจเต้นเร็ว
เขาเป็นนักศึกษาปีสอง แน่นอนว่าเคยเรียนวิชาป้องกันตัว แต่ยังห่างชั้นกับการต่อสู้ที่แท้จริงมากนัก
ต้องขึ้นปีสามเท่านั้นถึงอาจได้ร่วมภารกิจกับหน่วยปฏิบัติการ
เป็นครั้งแรกที่ฮวนถูกปืนเล็งแบบนี้
แต่หากว่ากันตามเหตุผลเขาไม่น่าจะตกใจกลัวได้ขนาดนี้ นักศึกษาชายสงสัย
“ฮวน ทำไมนายดูกลัวขนาดนี้ล่ะ”
ฮวนหน้าบึ้ง
มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าเมื่อครู่อิ๋งจื่อจินอาจอยากฆ่าเขาจริงๆ
แรงอาฆาตโหดเหี้ยมแบบนั้นทำให้ร่างกายของเขาเย็นเฉียบ
“ทีมสองได้สิบแต้มค่ะ” ฉินหลิงอวี๋พูด “โจทย์ข้อที่สองเกี่ยวข้องกับปืนที่พวกคุณประกอบเมื่อครู่ค่ะ เราจะมีปืนปลอมให้ เพื่อให้พวกคุณโชว์ยิงปืนง่ายๆ ตอนนี้มาจับฉลากกันค่ะ”
ภาพบนหน้าจอหมุนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็แสดงสองชื่อ
อะเดล มิลตัน
อิ๋งจื่อจิน
“เมื่อครู่เทพอิ๋งของเราแข่งไปแล้ว ครั้งนี้จึงเปลี่ยนเป็นนักศึกษาเวินค่ะ”
ฉินหลิงอวี๋ได้รับแจ้งจากทีมงานด้านหลัง เธอพูด
“ทั้งสองคนเตรียมตัวนะคะ ทีมงานของเราจะเอาอุปกรณ์ขึ้นมาค่ะ”
“ฉันมีคำถามค่ะ” อะเดลยกมือ “ยอมแพ้ได้หรือเปล่าคะ”
ฉินหลิงอวี๋พยักหน้า “ตามกติกายอมแพ้ได้ค่ะ”
อะเดลดวงตาเป็นประกาย
“งั้นฉันขอยอมแพ้ค่ะ ฉันสู้อาหลานไม่ได้ พี่ฉิน เพิ่มคะแนนให้ทีมสองเลยค่ะ!”
เวินทิงหลานขมวดคิ้ว “อะเดล แบบนี้ไม่ดี แข่งดีกว่า”
เขาจะยอมให้ผู้หญิงยอมแพ้แจกแต้มให้ทีมสองได้อย่างไร
“อะไรเล่า นี่เป็นการแสดงออกว่าชอบนายไงล่ะ” มือข้างหนึ่งของอะเดลเท้าคาง อีกมือตบโต๊ะ
“ขนาดฉันยังไม่ถือสา แล้วนายจะแคร์ทำไม”
เวินทิงหลานกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หันไปมองอิ๋งจื่อจิน
“พี่ ผมไม่ได้…”
อิ๋งจื่อจินเล่นปืนที่ประกอบเสร็จในมือ พูดอย่างใจเย็น
“ไม่เป็นไร นายหน้าแดงแล้ว พี่ไม่เห็น จริงๆ นะ”
เวินทิงหลาน “…”
เขารู้แล้วว่าพี่สาวของเขาไปเอาตัวอย่างไม่ดีมาจากใคร
อยู่ใกล้ใครก็เป็นแบบคนนั้น
[หูย น้องคนนี้จะน่ารักเกินไปแล้ว อยากอุ้มมาฟัด]
[เทพอิ๋ง เร็วเข้า จับหมั้นเลย ไม่ต้องกลุ้มเรื่องหาน้องสะใภ้แล้ว]
[ว้าว น้องชายมีคู่แล้ว เทพอิ๋งล่ะ สู้ๆ อย่าแพ้น้องชายนะ!]
พวกนักศึกษาย่อมไม่เห็นข้อความเหล่านี้ที่เลื่อนบนหน้าจอ
แต่การกระทำของอะเดลทำให้ใบหน้าของฮวนบูดบึ้งอย่างสิ้นเชิง
เขากัดฟันกรอด ข่มความโมโหในใจ
ถึงแม้ทักษะการยิงปืนของอะเดลจะด้อยกว่าเวินทิงหลานอยู่หน่อย แต่ยอมแพ้แบบนี้ได้อย่างไรกัน
เขาไม่เห็นมองออกว่าหมอนั่นมีดีตรงไหน
การแข่งขันต่อมาทีมของฮวนได้ไปแค่หนึ่งคะแนน
หนึ่งคะแนนนี้ยังเป็นเพราะเวินทิงหลานขอยอมแพ้ก่อนหลังจากที่ต้องแข่งกับอะเดลอีกครั้ง
ในทีมสอง หลีหานกับนักศึกษาอีกสองคนไม่ได้แสดงฝีมือ นั่งดูสองพี่น้องลุยกันอย่างสนุกสนาน
สุดท้ายคะแนนอยู่ที่สิบต่อหนึ่งร้อยสี่สิบ
ต่างกันลิบลับ
“การแข่งขันทางวิชาการในวันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ค่ะ” ฉินหลิงอวี๋หันไปทางกล้อง
“อีกเดี๋ยวทีมงานจะพาอัจฉริยะเหล่านี้ไปตามสถานที่ท่องเที่ยวในตี้ตู ถ่ายการใช้ชีวิตของพวกเขา ทุกท่านจะแยกย้ายระหว่างโฆษณาไม่กลับมาก็ได้นะคะ”
…
ระยะเวลาถ่ายทอดคือสี่ชั่วโมง ตั้งแต่แปดโมงถึงเที่ยง
ฮวนกินข้าวกลางวันเสร็จก็กลับโรงแรม สีหน้ายังคงแย่มาก
ทั้งๆ ที่ก่อนออกจากมหาวิทยาลัยนอร์ตันเขาได้พยากรณ์มาดิบดีแล้ว
แอสโตรแลบบอกว่า เขาเดินทางมาประเทศจีนครั้งนี้ราบรื่นมาก ไม่มีทางพบเจออุปสรรคใดๆ
งั้นวันนี้มันเรื่องอะไรกัน
ฮวนหน้าบึ้งเปิดคอมพิวเตอร์แล้วโทรออก
ปลายสายเป็นเลขาของตระกูล “คุณชายฮวน เลือกสถานที่ให้คุณได้แล้วครับ”
ฮวนมองภาพที่ถูกส่งเข้าคอมพิวเตอร์ หรี่ตามอง “ที่นี่มีความพิเศษอย่างไร”
ทะเลสาบบนเขาลูกเดี่ยว เป็นสถานที่ที่เหมาะจะให้คนหายสาบสูญจริงๆ
แต่ฮวนก็ไม่สังเกตเห็นความพิเศษอะไร
“ผู้อาวุโสของคุณชายทำนายให้แล้วครับ ภูเขาลูกนี้อยู่ทางตอนเหนือของตี้ตูในประเทศจีน” เลขายิ้ม
“อันที่จริงในนั้นมีสัตว์ป่าชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ คุณชายน่าจะรู้ว่า สัตว์หลายชนิดที่เราคิดว่าสูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว อันที่จริงอาจยังมีอยู่”
ฮวนพยักหน้า
โลกกว้างใหญ่ อย่างน้อยตอนนี้มนุษย์ก็ยังไม่สามารถสำรวจในส่วนลึกที่สุดของใต้ท้องทะเลได้
“ถ้าหาโอกาสฆ่าคนไม่ได้ ทางตระกูลได้จ้างพวกนักล่าบนเว็บบอร์ดเอ็นโอเคไว้ให้โดยเฉพาะแล้ว”
เลขาส่งรายชื่อมาให้หนึ่งแผ่น
“นักล่าพวกนี้จะช่วยคุณชายจัดการทิ้งเวินทิงหลานไว้ที่ประเทศจีนเองครับ”
ฮวนมองรายชื่อแล้วคิดหนัก ทันใดนั้นก็นึกถึงปัญหาข้อหนึ่ง
“ไหนว่าประเทศจีนมีจอมยุทธ์ไม่ใช่เหรอ นักล่าพวกนี้สู้จอมยุทธได้เหรอ”
ได้ยินว่าโลกจอมยุทธอยู่ที่ตี้ตู นี่ไม่เท่ากับรุกรานดินแดนของพวกเขาเหรอ
“คุณชายฮวนวางใจได้ครับ” เลขาตอบ “จอมยุทธอยู่แต่ในโลกจอมยุทธ พวกเขามีกฎผูกมัดไว้ ไม่มีทางออกมาได้ตามใจชอบครับ”
“อีกอย่าง คุณชายว่าเวินทิงหลานเหมือนคนที่รู้จักจอมยุทธเหรอครับ”
ถ้าเป็นคนของโลกจอมยุทธไม่มีทางส่งลูกหลานไปอยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน พวกเขามีโรงเรียนของตัวเอง
คราวนี้ฮวนวางใจแล้ว
“คุณชายฮวนครับ คุณชายคือความหวังของตระกูลเฮอร์เชล และเป็นผู้สืบทอดด้วย” สุดท้ายเลขาได้พูดว่า “ว่าที่ภรรยาของคุณชายก็ควรมาจากนามสกุลมิลตัน คุณหนูอะเดลต้องแต่งกับคุณชายเท่านั้น ขอให้โชคดีครับ”
พวกตระกูลท้องถิ่นที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนอร์ตันต่างให้ความสำคัญกับสายเลือดและตระกูล
นักเล่นแร่แปรธาตุกับนักทำนายมีส่วนที่คล้ายกับจอมยุทธ
ต่างเกี่ยวข้องกับการสืบทอดทางพันธุกรรม
ดังนั้นเพื่อคงความชั้นสูงของสายเลือดไว้ ตระกูลเหล่านี้จึงต้องเกี่ยวดองกันเอง
ตระกูลมิลตันเหลือแค่อะเดลคนเดียวแล้ว ถ้าเธอมีพี่สาวหรือน้องสาว ตระกูลเฮอร์เชลคงไม่มีทางจับจ้องเธอไม่ปล่อยแบบนี้
เวินทิงหลานไม่มีความรู้เรื่องดาราศาสตร์กับเล่นแร่แปรธาตุ ย่อมจับคู่ให้อะเดลไม่ได้
ต่อให้พวกเขามีลูก สายเลือดก็ไม่มีทางสูงส่งได้ถึงไหน
พรสวรรค์ทางด้านเล่นแร่แปรธาตุกับทำนายก็อาจจะหายไป
ฮวนเข้าใจหลักการนี้ดี
เขาจดสถานที่ไว้แล้วปิดคอมพิวเตอร์
…
โลกแพทย์แผนโบราณ
อิ๋งจื่อจินพาเวินทิงหลานไปที่สวนของฉาเซิ่ง
พอคุ้นเคยกันแล้วหญิงชราก็ไม่แสร้งเล่นละครอีก
แต่อิ๋งจื่อจินก็ยังคงช่วยเธอถอนวัชพืช
วันนี้เด็กน้อยผู้ช่วยก็อยู่ด้วย วิ่งดุ๊กๆ เข้ามา ดวงตาเป็นประกาย “พี่สาว!”
อิ๋งจื่อจินยื่นโค้กหนึ่งขวดกับมันฝรั่งทอดกรอบหนึ่งห่อให้เขา
เด็กน้อยนั่งกินพลางหลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้ง
เขาอยากออกจากโลกแพทย์แผนโบราณแล้ว เพราะอยู่ที่นี่ไม่ได้กินของอร่อยพวกนี้
เมื่อก่อนพี่ชายมาหาเขา บอกว่าของพวกนี้เป็นอาหารขยะ ห้ามกิน
พี่สาวต่างหากที่เป็นคนดี
หญิงชราสังเกตเห็นเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างอิ๋งจื่อจิน “อาอิ๋ง นี่ใครเหรอ”
“น้องชายหนูค่ะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “เสี่ยวหลาน เรียกยายฉาสิ”
เวินทิงหลานพยักหน้าเข้าใจ หยิบของขวัญที่เตรียมไว้ออกมา
“สวัสดีครับยายฉา”
หญิงชรามองกล่องก็รู้ว่าเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ดวงตาฉายแววดีใจ
“หนุ่มน้อย รู้ใจยายจริงนะ ยายดีใจมาก”
หญิงชราไม่พูดอะไรมาก ให้ผลไม้สีขาวหนึ่งตะกร้าแก่เวินทิงหลาน
เวินทิงหลานไม่เคยคลุกคลีกับพวกสมุนไพร เขามองอิ๋งจื่อจิน
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “มันปกป้องชีวิตได้ในช่วงเวลาสำคัญ เอาเป็นว่ามันอร่อย”
เวินทิงหลานครุ่นคิด ตัดสินใจจะแบ่งให้อะเดลครึ่งหนึ่ง
อย่างไรเสียก็เคยมีมิตรภาพที่ร่วมกันระเบิดห้องทดลองหนึ่งครั้ง
“อาอิ๋ง สมุนไพรแปลงนี้ใกล้โตได้ที่แล้ว” หญิงชราเงียบไปชั่วครู่
“ไว้ถึงเวลาอยากได้สมุนไพรอะไรก็มาเก็บเอานะ”
อิ๋งจื่อจินไม่ได้พยักหน้า แค่พูดว่า “หนูรักษาให้คุณยายถึงจะเอาสมุนไพรค่ะ”
สำหรับนักพยากรณ์แบบเธอแล้วนั้น เรื่องเวรกรรมสำคัญมาก
ห้ามรับของคนอื่นมาเฉยๆ
พอได้ยินแบบนี้หญิงชราก็เงียบไป
ผ่านไปสักพักเธอก็ถอนหายใจ “ก็ได้ รอหมดปีนี้ก่อนแล้วกัน”
อิ๋งจื่อจินอยู่เป็นเพื่อนหญิงชราสักพักก็เอายาไปให้อาจารย์หลี่ที่สมาพันธ์โอสถ
เวินทิงหลานไม่ใช่สมาชิกของสมาพันธ์โอสถ ไม่ใช่แพทย์แผนโบราณ เขาจึงรออยู่ด้านนอก
ขายาวของเขางอเล็กน้อย พิงกำแพง มือข้างหนึ่งกดดูโทรศัพท์มือถือ
[อะเดล : (หมุนติ้ว)]
[อะเดล : พี่สาวชอบฉันไหม เมื่อไรฉันจะได้เจอพ่อของเราล่ะ ชอบประเทศจีนจัง ไว้เรียนจบฉันจะย้ายมาอยู่ที่นี่!]
เวินทิงหลาน “…”
กลายเป็นเราได้อย่างไร
อีกด้านหนึ่ง
หลินชิงจยาเดินตามอาจารย์หลิวเข้าไปด้านใน
อาจารย์หลิวพูดอย่างนอบน้อม “คุณชิงจยา ด้านนี้ครับ ช่วยดูให้ผมหน่อยครับ”
หลินชิงจยาพยักหน้า “ได้ค่ะ”
เธอหันมองอย่างไม่ตั้งใจ เห็นเด็กหนุ่มที่อยู่ไม่ไกล
ใบหน้านั้นเรียกได้ว่างดงาม สีหน้าเย็นชา แต่ดูดี
และที่สำคัญที่สุดคือ ใบหน้าของเด็กหนุ่มคล้ายเธอหกสิบเปอร์เซ็นต์
เท้าของหลินชิงจยาหยุดอยู่ที่เดิม