ตอนที่ 368 ควันหลง
กลางดึก ในเมืองหลวง
วั่นเสี่ยวเฉวียนลากฝีเท้าที่หนักอึ้งกลับมาบ้านที่อยู่ติดวงแหวนรอบที่ห้าของเขา
อพาร์ตเมนต์สองห้องนอนขนาดเจ็ดสิบตารางเมตร ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่พักของวั่นเสี่ยวเฉวียนในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดเพียงชิ้นเดียวของเขา เดิมทีปล่อยให้คนอื่นเช่า แต่หลังจากที่ออกมาจากคุกก็กลายเป็นบ้านเพียงหลังเดียวของเขาแล้ว
วั่นเสี่ยวเฉวียนเดิมมีบ้านหลังใหญ่ที่ตกแต่งสวยงามอยู่ในวงแหวนรอบที่สาม พอหย่าแล้วก็แบ่งทรัพย์สินให้กับอดีตภรรยา
สำหรับอดีตภรรยานั้น วั่นเสี่ยวเฉวียนยอมรับว่าติดค้างเธอมากจริงๆ
บ้านที่แสนเรียบง่ายหลังนี้ ไม่มีแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ที่ดูดี บนพื้นปูด้วยแผ่นลามิเนตราคาถูก หลอดไฟเหนือเพดานสาดแสงไฟที่เย็นชา ราวกับกำลังเยาะเย้ยเขาอย่างไร้สุ้มเสียง
ทันทีที่ปิดประตู ความรู้สึกอยากอาเจียนรุนแรงก็พุ่งขึ้นมาจากกระเพาะ อดีตผู้กำกับคนนี้จึงวิ่งพุ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่างอดทนไม่ไหว กระโจนไปที่ชักโครกแล้วอาเจียนออกมาอย่างแรง
อาเจียนเหล้าและอาหารที่กินเข้าไปเมื่อตอนเย็นออกมา แม้แต่กรดในกระเพาะก็ยังอาเจียนออกมาด้วย ในที่สุดเขาก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย กดชักโครกแล้วล้างหน้าล้างตา เดินโซเซไปชงน้ำชาเข้มๆ ให้ตัวเอง
จากนั้นก็กินยารักษากระเพาะสองสามเม็ดไปพร้อมกับน้ำชา วั่นเสี่ยวเฉวียนพลันนั่งลงบนโซฟาที่ทั้งเก่าและสกปรก ใบหน้ากระตุกเล็กน้อย
ออกมาจากคุกสักพักแล้ว เขาก็ยังหางานที่เหมาะสมไม่ได้สักที
เดิมทีวั่นเสี่ยวเฉวียนมีชื่อเสียงและประสบการณ์การทำงานอยู่ในวงการภาพยนตร์โทรทัศน์ ถ้าอยากจะหานักลงทุนมาร่วมงานก็มีถมไป แต่เรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ครั้งที่แล้ว ไม่เพียงแต่ทำให้เขาต้องใส่โซ่ตรวนเข้าไปอยู่ในคุก แม้แต่อนาคตของเขาก็ดับวูบ
ไม่มีใครอยากจ้างวั่นเสี่ยวเฉวียนเป็นผู้กำกับในเวลานี้
เพราะเขาเสียชื่อเสียงในวงการ และยังถูกแขวนป้ายตีตราเอาไว้ข้างบน แต่ละคนหลบแทบไม่ทัน!
และไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะอาศัยสายสัมพันธ์ไหว้วานให้คนช่วยติดต่อบริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ได้แห่งหนึ่ง เขากัดฟันเอาเงินเก็บในบัญชีที่มีอยู่ไม่มากมอบให้กับผู้รับผิดชอบของอีกฝ่าย เพื่อขอตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับเท่านั้น
ผลสรุปคือเงินจ่ายไปแล้ว เหล้าก็ดื่มจนอ้วกแตกอ้วกแตน แต่กลับไม่ได้การตอบรับที่ชัดเจน
วั่นเสี่ยวเฉวียนรู้ว่าหมดหวังแล้ว
แต่ถ้าไม่ถ่ายหนัง แล้วเขาจะทำอะไรได้อีก ต้องไปที่ไซต์งานก่อสร้างแบกอิฐแบกปูนเหรอ
วั่นเสี่ยวเฉวียนยิ้มมุมปากอย่างขมขื่น พร้อมกับรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปอย่างสุดซึ้ง
ถ้าหากเขาไม่วู่วาม ถ้าหากเขาฟังคำเตือนของเพื่อนมากพอ ถ้าหากเขาสามารถ…
ตอนนี้พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว!
วั่นเสี่ยวเฉวียนไม่อยากไปรบกวนอาจารย์ที่เกษียณแล้วของตัวเองอีกจริงๆ ถึงแม้อาศัยหน้าตาของจางเหวินเทียน เขาจะสามารถหางานทำที่ไหนได้สักแห่ง แต่ในสายตาที่แปลกไปของคนอื่น เขาก็เป็นแค่คนที่ดิ้นทุรนทุรายเอาชีวิตรอดไปวันๆ เท่านั้นเอง
ศักดิ์ศรีเพียงน้อยนิดของเขาไม่อนุญาตให้เขาทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด
นั่งอยู่ที่โซฟานานพักหนึ่ง วั่นเสี่ยวเฉวียนจึงกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง ล้มตัวลงนอนแต่กลับข่มตานอนไม่หลับ
ปวดกระเพาะมากเหลือเกิน
ทนอยู่พักหนึ่ง เขาจึงลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง ตัดสินใจลงจากเตียงแล้วเปิดคอมพิวเตอร์
ค่ำคืนที่แสนยาวนาน ก็อาศัยเจ้านี่ฆ่าเวลาที่นอนไม่หลับก็แล้วกัน!
วั่นเสี่ยวเฉวียนค่อยๆ ดูข้อมูลข่าวสารในอินเทอร์เน็ตอย่างช้าๆ โดยเฉพาะส่วนของภาพยนตร์โทรทัศน์เขาจะดูอย่างละเอียดเป็นพิเศษ
ในบล็อกล่างฉาว เขาเห็นชื่อของลู่เฉิน
และพาดหัวข่าวที่อยู่ในหน้าแรกของบล็อก!
วั่นเสี่ยวเฉวียนจำลู่เฉินได้ เขาเจอลู่เฉินครั้งแรกและครั้งเดียวที่บ้านของจางเหวินเทียน ชายหนุ่มตัวสูงรูปหล่อมีมารยาทคนนี้ทิ้งความประทับใจที่ลึกซึ้งให้เขาค่อนข้างมาก
วั่นเสี่ยวเฉวียนรู้ว่าลู่เฉินเป็นนักร้อง และก็เป็นนักแสดงด้วย ล่าสุดเพิ่งถ่ายละครที่ได้รับความนิยมมากจบไปหมาดๆ
ดังนั้นตอนนี้เมื่อเห็นชื่อของลู่เฉินในบล็อกล่างฉาว เขาจึงอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ เลยคลิกเข้าไปดู
เขาทำความเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดของลู่เฉินอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ดูคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์เป็นล้านครั้งคลิปนั้นไปด้วย
วิดีโอไม่กี่นาที วั่นเสี่ยวเฉวียนดูนานกว่าครึ่งชั่วโมง ดูซ้ำไปซ้ำมา เลื่อนไปข้างหน้าและถอยหลัง จุดโฟกัสล้วนจับจ้องไปที่ตัวของลู่เฉิน
ดวงตาของเขาส่องประกายมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับค้นพบสมบัติอันล้ำค่า!
เขาให้ความสนใจที่แตกต่างไปจากคนอื่น วั่นเสี่ยวเฉวียนไม่ได้สนใจทักษะที่ยอดเยี่ยมและพลังในการต่อสู้ของลู่เฉินที่แสดงอยู่ในวิดีโอเลย เขามองเห็นพลังบางอย่างที่อยู่ในตัวของลู่เฉิน หรือไม่ก็ออร่าบางอย่าง
ความสงบเยือกเย็น ความมั่นใจ และความยิ่งใหญ่ทรงพลัง!
มาดแบบนี้ถ้าหากปรากฏขึ้นในตัวของศิลปินคนหนึ่ง นั่นหมายความว่ามีศักยภาพแฝงที่จะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์
ซูเปอร์สตาร์ตัวจริง ล้วนมีบุคลิกลักษณะที่คล้ายคลึงหรือเป็นแบบนี้ทุกคน!
วั่นเสี่ยวเฉวียนคาดคิดไม่ถึงว่า ลู่เฉินที่ยังดูหนุ่มกลับมีออร่าเช่นนี้
ในหัวของเขาเกิดความคิดต่างๆ นานา เหมือนกับหญ้าป่าที่เติบโตอย่างบ้าคลั่งหลังฝนตก!
วั่นเสี่ยวเฉวียนพลันนึกขึ้นได้ วันที่เจอลู่เฉินที่บ้านของจางเหวินเทียน ลู่เฉินได้ให้นามบัตรหนึ่งใบกับเขา
นามบัตรใบนั้นอยู่ที่ไหนแล้ว
วั่นเสี่ยวเฉวียนคลำหาในกระเป๋าเงินโดยสัญชาตญาณ ผลปรากฏว่าหาไม่เจอ
เขาร้อนใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ค้นในลิ้นชักและหัวเตียง กระทั่งวิ่งไปหาในกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาที่ห้องรับแขกด้านนอก
ความรู้สึกโดยตรงบอกอดีตผู้กำกับคนนี้ว่า เขาทำผิดพลาดมาเยอะเกินไป ครั้งนี้จะทำผิดไม่ได้อีก!
จะต้องหานามบัตรใบนี้ให้เจอให้ได้
…
เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้
ถึงแม้จะเกิดอุปสรรคที่คาดไม่ถึง งานถ่ายทำของกองละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ ในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ตอนเช้าวันถัดมาก็ถ่ายฉากที่เหลือเสร็จอย่างราบรื่น
ตอนบ่าย กองละครได้ย้ายจากเกาะเชจูมุ่งหน้าไปยังโซล เพื่อถ่ายทำฉากในเกาหลีต่อไป
ทว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเรื่องตรงจุดชมวิวทะเล กลับไม่ได้หายไปพร้อมกับการจากไปของกองถ่ายละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นประเด็นร้อนที่ระเบิดขึ้นในโลกออนไลน์
คนญี่ปุ่นที่ปะทะกับลู่เฉิน เป็นศิลปินที่มาถ่ายภาพโฆษณา และศิลปินคนนี้ก็คือฝ่ายที่มีบอดี้การ์ดปกป้องเยอะมาก เขาก็คือโคจิ คิตากาวะจากญี่ปุ่น!
โคจิ คิตากาวะเป็นดาราไอดอลที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นที่ญี่ปุ่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อายุของเขาน้อยกว่าลู่เฉินหนึ่งปีนับตั้งแต่ที่เดบิวต์บนเส้นทางดวงดาวก็ราบรื่นมาตลอด ร้องเพลงเล่นละครได้หมด ไม่เพียงแต่มีแฟนคลับในประเทศอย่างล้นหลาม ที่เกาหลีก็มีอิทธิพลระดับหนึ่ง
เขามาถ่ายแบบที่เกาะเชจู หลักๆ ก็เพื่อเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาให้กับแบรนด์เสื้อผ้าของเกาหลีแบรนด์หนึ่ง
ผลสรุปคือวิดีโอที่โคจิ คิตากาวะปะทะกับลู่เฉินถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ไซเวิลด์ ซึ่งเป็นเว็บไซต์สังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี จึงมีคนจำดาราคนนี้ได้ทันที จากนั้นชาวเน็ตของเกาหลีก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะแฟนคลับของโคจิ คิตากาวะที่ให้ความสนใจมากที่สุด
และที่น่าสนุกก็คือ ในไซเวิลด์ก็มีแฟนคลับชาวเกาหลีของลู่เฉินอยู่ไม่น้อยเช่นกัน!
แต่แฟนคลับของลู่เฉินได้เปรียบในสงครามการวิจารณ์อย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงเพราะโคจิ คิตากาวะเป็นชาวญี่ปุ่นเท่านั้น มากไปกว่านั้นคือการแสดงออกของเขายามที่อยู่ต่อหน้าลู่เฉินนั้นดูไม่ได้ สภาพสะบักสะบอมจนทำให้คนรู้สึกว่าน่าขัน
คนเกาหลีกับคนญี่ปุ่นมีลักษณะนิสัยประจำชาติที่คล้ายคลึงกัน นั่นก็คือเคารพนับถือผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเป็นพิเศษ ดังนั้นลู่เฉินจึงมีแฟนคลับในโลกออนไลน์ของเกาหลีเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวด้วยสาเหตุนี้
ไม่ช้าก็มีข่าวว่า แบรนด์เสื้อผ้าเกาหลีแบรนด์นั้นอยากจะทิ้งโคจิ คิตากาวะ และให้ลู่เฉินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาแทน
ไม่ว่าข่าวนี้จะจริงหรือไม่ ลู่เฉินก็ดังที่เกาหลีอีกครั้ง และข้อมูลกับข่าวลือเหล่านี้ก็แพร่กระจายไปยังประเทศจีน ทำให้ภาพลักษณ์ของเขามีอิทธิพลในแง่บวกขึ้นมาไม่น้อย
แต่บนโลกนี้ไม่มีเรื่องดีที่สมบูรณ์เพอร์เฟกต์ทุกอย่าง ผลเสียที่มาจากแง่ลบก็มีอยู่ แฟนคลับชาวญี่ปุ่นของโคจิ คิตากาวะจะต้องมองลู่เฉินเป็นศัตรูอย่างแน่นอน!
…………………………………………………………………………