ตอนที่ 370 รางวัล
ถึงแม้พี่หลีจะไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจน แต่ไม่ว่าลู่เฉินหรือเฉินเฟยเอ๋อร์ต่างก็รู้ว่า เย็นนี้เธอเลี้ยงข้าวทั้งสองคน ไม่ใช่แค่การเลี้ยงต้อนรับง่ายๆ แบบนั้นแน่นอน
วงเสียวหู่ถวนของจางจวิ้นจื้อกำลังจะเดบิวต์แล้ว!
เสียวหู่ถวนเป็นวงบอยแบนด์ที่ลู่เฉินช่วยคิดขึ้นมา สมาชิกของวงประกอบด้วยจางจวิ้นจื้อ หูอี้หราน และเยวี่ยหยาง ทั้งหมดเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นอายุสิบกว่าปี โดยเน้นตลาดอายุต่ำกว่าสิบเจ็ดปีหรือเกิดหลังปี 2000
ดังคำกล่าวที่ว่าสงสารหัวอกคนเป็นพ่อแม่ พี่หลีทุ่มเทสร้างวงเสี่ยวหู่ถวนอย่างสุดกำลังความสามารถ เธอไม่เพียงแต่ค้นหาเด็กหนุ่มสองคนที่เข้ากันกับลูกชายของตัวเองเท่านั้น ยังยอมทุ่มเงินส่งทั้งสามคนไปเรียนที่ศูนย์ฝึกศิลปะซิงหยวนเพื่อฝึกอบรมทักษะทุกด้านอีกด้วย
แต่เด็กหนุ่มทั้งสามคนก็สู้เต็มที่เหมือนกัน เดิมทีตามแผนที่วางไว้ต้องใช้เวลาเรียนหนึ่งปีถึงจะเรียนครบทุกวิชาการฝึกหัด พวกเขาทุ่มเทตั้งใจเรียนอย่างหนักเพียงครึ่งปีก็บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับการเดบิวต์ สิ้นสุดการเรียนรู้ที่ศูนย์ฝึกศิลปะซิงหยวนอย่างราบรื่น
สำหรับศิลปินคนหนึ่ง การเดบิวต์เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้จางจวิ้นจื้อจะแสดงพรสวรรค์ในวงการบันเทิงผ่านการแสดงละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ มาแล้ว แต่สำหรับพี่หลี ตอนนี้ถึงจะเป็นการเดบิวต์ของจางจวิ้นจื้ออย่างแท้จริง
เธอทนไม่ได้หากต้องเห็นข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ของวงเสียวหู่ถวนยามที่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนครั้งแรก ดังนั้นทั้งๆ ที่รู้ว่าวิธีแบบนี้ไม่เหมาะสมนัก แต่ก็ยังอดใจทนไม่ไหวถึงได้เชิญลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศมารับประทานอาหาร
ไม่มีลู่เฉินก็ไม่มีวงเสียวหู่ถวน ไม่มีลู่เฉิน การเดบิวต์ของวงเสียวหู่ถวนก็หมดสีสัน!
“สวัสดีครับอาจารย์ลู่!”
“สวัสดีครับอาจารย์เฉิน!”
ตอนหกโมงเย็น ณ ห้องอาหารโกลเด้นโรสของโรงแรมรีเจนซี่ เด็กหนุ่มหล่อสามคนเอ่ยทักทายลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องอาหารวีไอพีอย่างพร้อมเพรียงกัน
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “สวัสดี ไม่เจอกันนานเลยนะ”
คราวก่อนที่เขาเจอวงเสียวหู่ถวนก็คือที่ศูนย์ฝึกศิลปะซิงหยวนเมื่อครึ่งปีก่อน ไม่เจอกันครึ่งปี เด็กหนุ่มทั้งสามคนยังคงอ่อนเยาว์เหมือนเดิม แต่มีบุคลิกที่โดดเด่นเฉพาะตัวของศิลปินอยู่ไม่น้อย และการพูดการกระทำก็มีกลิ่นอายของ ‘สตาร์’ เผยออกมา
ความสามารถในการฝึกเด็กหน้าใหม่ของศูนย์ฝึกศิลปะซิงหยวน มีความแข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับในวงการ!
เฉินเฟยเอ๋อร์กลับแสร้งทำหน้าบึ้งตึง “ทำไมพวกเธอเรียกฉันว่าอาจารย์ด้วย ฉันแก่มากเหรอ”
สำหรับ ‘การโวยวายอย่างไม่มีเหตุผล’ ของราชินีแห่งวงการเพลงคนนี้ เด็กหนุ่มทั้งสามต่างมองหน้ากัน…เรียกอาจารย์มันผิดเหรอ
ยังดีที่จางจวิ้นจื้อมีไหวพริบ รีบเปลี่ยนคำเรียกขาน ‘พี่เฟยเอ๋อร์!’
หูอี้หรานกับเยวี่ยหยางก็รีบพูดตาม
“ดีมาก!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มพราย “มีของขวัญให้พวกเธอคนละหนึ่งชิ้น!”
เมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มทั้งสามคนก็อยู่ด้วย เธอจึงตั้งใจเตรียมของขวัญมาสามชิ้น ซึ่งเป็นของที่ระลึกที่ซื้อกลับมาจากเกาหลี
“ขอบคุณครับพี่เฟยเอ๋อร์”
เมื่อเอ่ยทักทายและให้ของขวัญกันแล้ว จากนั้นก็ถึงเวลาพูดเรื่องจริงจัง
พี่หลีไม่ได้เร่งรีบนัก เธอเอ่ยทักทายและให้ทั้งสองคนนั่งลงก่อน จากนั้นก็พยายามพูดชมลู่เฉิน “ลู่เฉิน นายไปเกาหลีครั้งนี้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศจีนมากเชียวนะ ตอนนี้เวลาทุกคนพูดถึงนายต้องยกนิ้วโป้งให้กันทั้งนั้น บอกว่านายเยี่ยมมากๆ!”
จางจวิ้นจื้อพยักหน้าหงึกๆ “ใช่ครับ เพื่อนนักเรียนของผมก็ดูวิดีโอแล้ว บอกว่าอยากเรียนศิลปะการต่อสู้บ้าง!”
หูอี้หรานกับเยวี่ยหยางมองลู่เฉินตาเป็นประกาย
ในใจของพวกเขา ลู่เฉินคือไอดอลที่แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่งเพลงได้ร้องเพลงเป็น สามารถถ่ายละคร แถมยังเป็นวิชาป้องกันตัวอีก เก่งทั้งบู๊และบุ๋นยอดเยี่ยมที่สุด
มีเด็กวัยรุ่นคนไหนไม่มีฮีโร่ในดวงใจบ้าง
ลู่เฉินยิ้มพลางเอ่ยว่า “พี่หลี พี่ไม่ต้องชมผมแล้วครับ จวิ้นจื้อพวกเขาจะเดบิวต์เมื่อไรครับ”
พี่หลีตอบด้วยรอยยิ้มว่า “วันที่ 28 รายการ ‘นิวสตาร์โชว์’ ของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งช่องสอง และเตรียมเข้าร่วมรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เดือนมิถุนายน!”
ลู่เฉินแค่ฟังก็เข้าใจแล้ว
ศิลปินเดบิวต์เป็นนิยามที่กว้างมาก การปล่อยซิงเกิลเปิดตัวครั้งแรก การแสดงนำในภาพยนตร์โทรทัศน์ การออกรายการวาไรตี้ กระทั่งการออกงานโชว์ตัว ขอแค่ปรากฏตัวหรือโปรโมตเป็นครั้งแรกต่อหน้าสาธารณชน ก็จัดว่าเป็นการเดบิวต์
แต่ศิลปินนั้นไม่เหมือนกัน บริษัทเอเจนซี่ก็แตกต่างกัน กลยุทธ์ของการเดบิวต์จึงต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ศิลปินหน้าใหม่ธรรมดาทั่วไปกับดาวดวงใหม่ที่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษนั้น เป็นสองนิยามที่ไม่เหมือนกันเลย
พี่หลีมีเพียงจางจวิ้นจื้อลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และเธอก็เปิดบริษัทเอเจนซี่แห่งหนึ่ง มีเส้นสายในแวดวงของเมืองหลวงกว้างขวางนัก ดังนั้นจึงใช้ทั้งแรงกายแรงใจ ทุ่มเททุกอย่างโดยไม่เสียดาย!
รายการ ‘นิวสตาร์โชว์’ ของช่องวาไรตี้หรือช่องสองของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง เป็นรายการวาไรตี้ที่มีเรตติ้งสูง ส่วนใหญ่จะแนะนำศิลปินหน้าใหม่ในวงการบันเทิง โดยมีสองรูปแบบคือการสัมภาษณ์และแสดงควบคู่กัน
รายการนี้จะออกอากาศช่วงเวลาทองของวันเสาร์ หนึ่งตอนต่อสัปดาห์ โดยทั่วไปแล้วผู้ที่สามารถร่วมรายการ ‘นิวสตาร์โชว์’ ล้วนเป็นศิลปินวัยรุ่นที่แสดงพรสวรรค์ของตัวเองในวงการมาบ้างแล้ว และศิลปินที่สามารถร่วมรายการได้ก็ไม่มีใครธรรมดาเลย
วงน้องใหม่เหมือนอย่างเสียวหู่ถวน ถึงแม้หัวหน้าวงอย่างจางจวิ้นจื้อจะมีชื่อเสียงเล็กน้อย แต่ถ้าพี่หลีไม่ได้ประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่ เกรงว่าถึงแม้จะได้ออกรายการ ก็ไม่แน่ว่าจะได้ออกอากาศในช่วงเวลาที่เหมาะสม
การเดบิวต์อย่างเป็นทางการในรายการ ‘นิวสตาร์โชว์’ ทั้งจุดเริ่มต้นและระดับล้วนสูงมาก จากนั้นก็ไปออกรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ อีกที พี่หลีจัดวางเส้นทางแห่งการมีชื่อเสียงไว้ให้วงเสียวหู่ถวนอย่างชัดเจนเป็นที่สุด
ส่วนลู่เฉิน เขาสามารถเป็นแท่นยืนให้กับวงเสียหู่ถวนในรายการ ‘นิวสตาร์โชว์’ ได้เช่นกัน
พี่หลีไม่กังวลเลยสักนิดเดียว และก็ไม่กลัวว่าจะติดหนี้น้ำใจของลู่เฉิน ถึงขนาดดึงเฉินเฟยเอ๋อร์เข้ามาร่วมด้วย
เพราะรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ซีซันสอง เฉินเฟยเอ๋อร์ยังคงเป็นหนึ่งในคณะกรรมการเช่นเคย!
รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ซีซันแรกปีที่แล้วได้เรตติ้งดีมาก ถึงกับบดขยี้รายการ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ ของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานได้ การผลิตรายการเรียลลิตี้โชว์เป็นครั้งแรกประสบความสำเร็จมาก สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งเมื่อได้ลิ้มรสชาติของความหวานแล้วจะหยุดทำก็ไม่ได้
ดังนั้นรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ของปีนี้ ระดับการโปรโมตจะต้องสูงกว่าปีที่แล้วเท่านั้น!
เดิมทีสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งได้เชิญลู่เฉินมาเป็นคณะกรรมการในช่วงออดิชั่น สำหรับลู่เฉินในตอนนั้นถือว่าเป็นการไว้หน้ามากแล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่เข้ากับฐานะในปัจจุบัน ไม่คู่ควรกับตำแหน่งซูเปอร์สตาร์ของลู่เฉิน
ถ้าหากไม่ใช่เพราะคณะกรรมการทั้งสี่ได้เซ็นสัญญาล่วงหน้า ไม่อย่างงั้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์จะปรากฏตัวบนแท่นคณะกรรมการพร้อมกัน
สำหรับคำขอร้องของพี่หลี ลู่เฉินตอบตกลงโดยไม่ลังเล
พี่หลีช่วยทั้งสองคนดูแลมูลนิธิกองทุนการกุศลเฉินเฟยมาตลอด บริหารอย่างจริงจังจนมีชื่อเสียง ตอนนี้มูลนิธิได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลระดับสามเกรดเอในประเทศหลายแห่ง ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ต้องการความช่วยเหลือ ทำให้ใช้เงินบริจาคได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมเหตุสมผล
ด้วยเหตุนี้ ลู่เฉินจึงไม่อาจผลักภาระไปให้คนอื่นได้
อาหารเย็นมื้อนี้เจ้าภาพและแขกกินกันอย่างมีความสุข
เมื่อกลับถึงบ้านที่จื่อเฉิงย่วน ลู่เฉินปิดประตูแล้วจึงโอบเฉินเฟยเอ๋อร์ไว้ในอ้อมกอด
เฉินเฟยเอ๋อร์นัยน์ตาสวยดุจแพรไหม หัวเราะหึๆ แล้วเอ่ยว่า “อาบน้ำก่อน…”
ลู่เฉินหัวเราะพลางส่ายหน้า แล้วถามว่า “รู้ไหมครับว่าวันนี้เป็นวันอะไร”
เฉินเฟยเอ๋อร์ตกตะลึงทันที “วันอะไร”
ลู่เฉินถอนหายใจ “วันนี้เป็นวันอะไรเดือนอะไรครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์พึมพำ “เดือน 5…วันที่ 20?”
ในที่สุดเธอก็เข้าใจ “520 วันแห่งการบอกรักออนไลน์!”
“ตอบถูกแล้วครับ!”
ลู่เฉินยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเอ่ยว่า “มีรางวัลครับ!”
เขาเหมือนกับเล่นมายากลร่ายเวทมนต์แล้วปรากฏกล่องเครื่องประดับขนาดเล็กใบหนึ่ง เป็นกล่องผ้ากำมะหยี่สีม่วง
เฉินเฟยเอ๋อร์หน้าแดงระเรื่อ นัยน์ตาสุกสกาวเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความเสน่หา
ความรักละมุนไร้ขีดจำกัด
…………………………………………………………………………