ตอนที่ 372 นิวสตาร์โชว์
รายการ ‘นิวสตาร์โชว์’ เป็นรายการของช่องวาไรตี้หรือช่องสองของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง ในปี 2010 เปิดตัวเป็นรายการทอล์กโชว์ ส่วนใหญ่จะเชิญเด็กใหม่ที่มีความสามารถในวงการศิลปะการแสดง ศิลปะวรรณกรรม และบันเทิง
เมืองหลวงมีชื่อเสียงไปทั่วหล้า เมืองหลวงเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของประเทศ ผู้มีสติปัญญาปราดเปรื่องได้มาชุมนุมกันอยู่ ณ ที่นี้ เด็กใหม่ที่มีพรสวรรค์และเก่งรอบด้านโผล่ขึ้นมาทุกชั่วขณะ แน่นอนว่าศิลปินหน้าใหม่ในวงการบันเทิงก็เกิดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
ดังนั้นรายการนี้ของช่องวาไรตี้สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งจึงไม่มีวันขาดตัวเอกที่สามารถทำให้ดวงตาของผู้ชมเป็นประกายได้ นับตั้งแต่ที่ออนแอร์เป็นต้นมาได้เชิญศิลปินหน้าใหม่ในวงการมาออกรายการแล้วนับร้อยคน และมีเรตติ้งที่ดีมาตลอด
ด้วยเหตุนี้ การที่จะขึ้นเวทีของ ‘นิวสตาร์โชว์’ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก หนึ่งสัปดาห์ออกอากาศเพียงหนึ่งเทปเท่านั้น เป็นจำนวนที่น้อยมากจริงๆ
แต่พี่หลีก็ทุ่มสุดตัว วงเสียวหู่ถวนจึงได้เดบิวต์ในรายการ ‘นิวสตาร์โชว์’
ซึ่งเหมือนกับรายการวาไรตี้ส่วนใหญ่ ‘นิวสตาร์โชว์’ ไม่ใช่รายการถ่ายทอดสด ต้องบันทึกเทปล่วงหน้าหนึ่งวัน และเวลาออกอากาศของสัปดาห์นี้ก็คือวันที่ 28 ดังนั้นลู่เฉินในฐานะแขกรับเชิญพิเศษของรายการจึงกลับมาเมืองหลวงในวันที่ 27
อันที่จริงวงเสียวหู่ถวนสามารถออกรายการ ‘นิวสตาร์โชว์’ ได้อย่างราบรื่น สาเหตุที่สำคัญมากอย่างหนึ่งเป็นเพราะพี่หลีสามารถเชิญลู่เฉินให้มาปรากฏตัวได้ ตอนนี้ลู่เฉินกับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งมีความสัมพันธ์เป็นผู้ร่วมงานและทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี
รายการเริ่มบันทึกเทปตอนบ่ายโมงของวันที่ 27 สถานที่คือห้องอัดรายการ T2 ของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง
ห้องอัดรายการ T2 ของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งไม่ใหญ่เหมือนห้องอัดรายการ T1 ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว สามารถบรรจุผู้ชมได้เพียงเจ็ดร้อยที่นั่ง เวทีและฉากก็เล็กกว่ามาก แต่เหมาะสมกับรายการประเภททอล์กโชว์แบบนี้มากที่สุด
สำหรับจางจวิ้นจื้อที่เป็นหัวหน้าวงเสียวหู่ถวน จากห้องอัดรายการ T2 เดินมุ่งหน้าไปยังห้องอัดรายการ T1 คือเส้นทางเดบิวต์ของพวกเขานั่นเอง
เพราะตามธรรมเนียมแล้ว ห้องอัดรายการ T1 จะเป็นสถานที่ถ่ายทอดสดรอบชิงชนะเลิศของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ในเมืองหลวง!
“ต่อไปขอเชิญพบกับเด็กหนุ่มหน้าตาดีทั้งสามคน พวกเขาคือวงเสียวหู่ถวน!”
สิ้นเสียงของพิธีกรรายการ ดนตรีจังหวะสนุกสนานก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์สามคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ได้รับเสียงปรบมือต้อนรับจากผู้ชมในห้องส่งอย่างครึกครื้น
รายการวาไรตี้ประเภททอล์กโชว์หรือประเภทอื่นที่คล้ายกัน สมัยก่อนผู้ชมในห้องส่งส่วนใหญ่จะเป็น ‘หน้าม้า’ ที่ถูกสถานีโทรทัศน์จ้างมา หรือไม่ก็เป็นทีมงานของสถานีโทรทัศน์โดยตรง
ดังนั้นบรรยากาศในการให้ความร่วมมือจึงไม่มีปัญหาอย่างสิ้นเชิง การถามตอบของผู้ชมในห้องส่งล้วนถูกจัดเรียงก่อนหลังไว้เรียบร้อยแล้ว กระทั่งสีหน้าและการเคลื่อนไหวของผู้ชมก็ถูกจัดไว้เป็นฉากๆ
แต่ผู้ชมที่นั่งดูอยู่หน้าจอโทรทัศน์ไม่ใช่ไอ้งั่ง ตอนแรกทุกคนยังมองไม่ออก แต่มุกเดิมๆ เมื่อเล่นบ่อยเข้า ผู้ชมก็รู้สึกถึงความผิดปกติ…ทำไมดูเหมือนจะเป็นพลังงานจอมปลอม
จากนั้นในอินเทอร์เน็ตก็ปรากฏภาพเปรียบเทียบมากมาย กระชากหน้ากากของหน้าม้าในรายการวาไรตี้ออกมาได้จำนวนไม่น้อย ส่งผลให้ผู้ชมโทรทัศน์จำนวนมากเกิดความไม่พอใจ
เพราะฉะนั้นตอนนี้สถานีโทรทัศน์ส่วนใหญ่จึงไม่กล้าเล่นไม้นี้แล้ว ผู้ชมรายการที่ถูกเชิญมามีที่มาหลากหลาย ถึงแม้จะมีการ ‘จ้างวาน’ อยู่บ้าง แต่ก็น้อยมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
วันนี้ผู้ชมในห้องส่ง มีแฟนคลับของวงเสียวหู่ถวนนับร้อยคน
แม้ว่าวงเสียวหู่ถวนจะยังไม่ได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการ แต่บล็อกทางการและกลุ่มแฟนคลับได้ถูกสร้างขึ้นนานแล้ว บริษัทเอเจนซี่ของพี่หลีมีคนรับผิดชอบงานโปรโมตด้านนี้โดยเฉพาะ
เนื่องจากหัวหน้าวงเสียวหู่ถวนเดิมทีก็มีแฟนคลับอยู่ไม่น้อย บวกกับภาพลักษณ์ของเด็กหนุ่มทั้งสามคนที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ดังนั้นแค่อาศัยการโพสต์รูปในชีวิตประจำวันหรือรูปภาพการฝึกซ้อม ก็มีแฟนคลับในบล็อกเป็นจำนวนมากแล้ว
แฟนคลับเหล่านี้เป็นกลุ่มเด็กที่เกิดหลังปี 2000 เป็นหลัก ดังนั้นพวกที่มาเชียร์และให้กำลังใจ ล้วนเป็นหนุ่มสาววัยรุ่นอายุสิบกว่าปี และส่วนมากจะเป็นสาวๆ
เมื่อเห็นสมาชิกวงเสียวหู่ถวนปรากฏตัว พวกเธอก็รีบชูป้ายส่งเสียงเชียร์ขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าส่วนใหญ่จะเรียกชื่อของจางจวิ้นจื้อ
บรรยากาศในรายการเปลี่ยนเป็นคึกคักและอบอุ่นขึ้นมาในทันใด เป็นกลิ่นอายของเด็กวัยรุ่นที่น่ารักสดใส
เมื่อพวกจางจวิ้นจื้อทั้งสามคนนั่งลงแล้ว พิธีกรจึงยิ้มและเอ่ยว่า “ดูแล้วเสียวหู่ถวนของพวกเราจะได้รับการต้อนรับที่ดีมาก แต่ฉันคิดว่าตอนนี้ยังมีหลายคนที่ไม่รู้จักพวกคุณ พวกคุณสามารถแนะนำตัวได้ไหมคะ”
จางจวิ้นจื้อ “สวัสดีครับคุณพิธีกร สวัสดีครับทุกคน ผมคือเสือหล่อจางจวิ้นจื้อครับ!”
หูอี้หราน “สวัสดีครับทุกคน ผมคือเสือสายฟ้าหูอี้หรานครับ!”
เยวี่ยหยาง “สวัสดีครับทุกคน ผมคือเสือเชื่อฟังเยวี่ยหยางครับ!”
ทั้งสามคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน “พวกเราคือเสียวหู่ถวนครับ!”
เสียงปรบมือ เสียงหัวเราะ เสียงกรี๊ดดังขึ้นพร้อมกันบนที่นั่งผู้ชม ไม่ว่าในอนาคตพวกเขาจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่แท้จริงได้หรือไม่ อย่างน้อยการปรากฏตัวครั้งแรกบนจอแก้วก็ได้ทิ้งร่องรอยความประทับใจอย่างสุดซึ้งไว้ให้แก่ผู้ชมแล้ว
รายการ ‘นิวสตาร์โชว์’ เริ่มต้นการสนทนา
คำถามของพิธีกรกับคำตอบของสมาชิกวงเสียวหู่ถวน ถูกออกแบบอย่างประณีตมาก่อนแน่นอน แต่เนื่องจากไม่ใช่การถ่ายทอดสด ดังนั้นเพื่อประสิทธิภาพของรายการ คำถามที่พิธีกรถามมีบางส่วนคิดขึ้นมาสดๆ เช่นกัน นั่นทดสอบความสามารถในการพลิกแพลงของ ‘ดางดวงใหม่’ อย่างพวกเขาเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าถ้าหากพวกเขาแสดงออกไม่ดีหรือเกิดปัญหาอะไร ทีมตัดต่อเบื้องหลังก็ต้องตัดออกอยู่แล้ว แต่ผลกระทบด้านลบกลับยากที่จะหลีกเลี่ยง…เพราะในรายการยังมีแฟนคลับอีกเยอะ!
โชคดีที่พวกจางจวิ้นจื้อทั้งสามคนแสดงออกได้ดีมาก ถึงแม้จะไม่ได้โดดเด่นจนเป็นที่น่าตกใจ แต่เมื่อเทียบกับอายุของพวกเขา ถือว่าน่าชื่นชมอย่างยิ่ง
พิธีกรถามอีก “พวกคุณเลือกเดินเส้นทางนี้ แถมดูจากตอนนี้ก็เหมือนจะประสบความสำเร็จแล้ว ถ้างั้นพวกคุณอยากจะขอบคุณใครมากที่สุดคะ”
สายตาของเธอมองไปทางจางจวิ้นจื้อ
จางจวิ้นจื้อครุ่นคิด แล้วตอบอย่างจริงจัง “คนแรกที่ผมอยากขอบคุณคือ แม่ของผมครับ เพราะแม่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนให้ผมเดินทางสายนี้ ให้ผมได้เลือกทำในสิ่งที่ตัวเองชอบครับ”
“ณ ที่นี้ ผมอยากจะพูดกับแม่ว่า ผมรักแม่ครับ!”
คำถามนี้ไม่ได้เตรียมเอาไว้ล่วงหน้า พิธีกรได้ยินยังตกตะลึง จากนั้นจึงยิ้มพราย แล้วปรบมือเอ่ยว่า “พูดได้ดีมากๆ ค่ะ คนที่อยากขอบคุณมากที่สุดก็คือแม่!”
จริงๆ แล้วพี่หลีในเวลานี้ยืนอยู่ด้านหลังเวทีกับลู่เฉิน เมื่อได้ยินคำพูดของลูกชายตัวเอง เธอจึงเบ้าตาแดง แต่กลับยิ้มออกมา และยิ้มอย่างมีความสุขมาก
ลู่เฉินใช้สองมือแตะไปที่ไหล่ของหลีเพื่อปลอบใจ เรื่องราวของเธอถือว่าเป็นตำนานในวงการนี้
พิธีกรถามต่อ “คนที่คุณอยากขอบคุณมากที่สุดก็คือแม่ แล้วยังมีคนที่อยากขอบคุณอีกไหมคะ”
จางจวิ้นจื้อพยักหน้าและเอ่ยว่า “ยังมีอีกหนึ่งคนครับ นั่นก็คืออาจารย์ลู่ ลู่เฉิน ถ้าหากไม่มีเขา ก็ไม่มีพวกเราวงเสียวหู่ถวนครับ!”
พิธีกรอุทานด้วยท่าทางที่ดูเกินจริงเล็กน้อย “ที่แท้ลู่เฉินก็คืออาจารย์ของพวกคุณเหรอ!”
ทั้งสามคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน “ใช่ครับ!”
พิธีกรยิ้มกล่าวว่า “วันนี้โชคดีมากๆ พวกเราได้เชิญอาจารย์ท่านนี้มาในรายการด้วย ขอเชิญลู่เฉินค่ะ!”
ท่ามกลางเสียงเพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ลู่เฉินออกมาจากด้านหลังเวทีแล้วเดินมาด้านหน้า
เสียงเชียร์และเสียงปรบมือต้อนรับในรายการพลันดังขึ้นอย่างคึกคัก!
…………………………………………………………………………