ลำแสงสีฟ้าอ่อนลำแสงหนึ่งปะทุออกมาตรงหน้ามู่เฉียนซี
เดิมทีมู่เฉียนซีคิดว่าเป็นเพียงการปกป้องเจ้านายของสุ่ยจิงอิ๋งก็เท่านั้น แต่เมื่อนางเข้าสู่อ้อมกอดอันเย็นยะเยือกที่แสนคุ้นเคยนั้นนางจึงได้รู้ว่าเขามาแล้ว!
จิ่วเยี่ยมาแล้ว!
ร่างสูงใหญ่ปกป้องมู่เฉียนซีเอาไว้ในอ้อมกอด ผู้อาวุโสสูงสุดสัมผัสได้ว่าพลังที่พัดกระโชกมานี้เป็นพลังที่ทำลายล้างมากกว่าพลังแห่งคำสาปมาก
เมื่อเขาเข้ามาใกล้ มือของเขาก็พลันกลายเป็นกระดูกขาวไร้ซึ่งรอยเลือดไปภายในชั่วพริบตาเดียว
เมื่อใบหน้าของเขาเผยความประหลาดใจออกมา จิ่วเยี่ยก็จ้องมองมาที่เขาแล้ว
ดวงตาอันเย็นยะเยือกคู่นั้นราวกับไม่ใช่ความเย็นยะเยือกของโลกใบนี้ และดูเหมือนว่าโลกทั้งใบนี้เล็กราวกับเป็นเพียงแค่ก้อนกรวดก้อนหนึ่งก็มิปาน
เขาเปรียบเสมือนเทพมารที่ไม่มีทางพ่ายแพ้ ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดหนาวสั่นไปทั้งตัว
ตุบ! เขาคุกเข่าลงอย่างรุนแรงราวกับไม่รู้จักถึงความเจ็บปวด
ทั้งหมดนี้เป็นสัญชาตญาณของร่างกายของเขา เขาไม่รู้เลยว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้
เผชิญหน้ากับคนผู้นี้ ผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกหวาดกลัวจนทำให้ส่งผลกระทบไปถึงสภาพจิตใจ
กู้ไป๋อีที่จะรีบพุ่งเข้ามาในเมื่อครู่ ตอนนี้ทั้งตัวกลับแข็งทื่ออยู่ที่เดิม!
เขามาแล้ว เมื่อซีเอ๋อร์ประสบกับอันตรายที่สุด ก็ต้องเป็นเขาที่เป็นคนปกป้องนาง
ชิงอิ่งอันตรธานหายไป แอบซ่อนตัวอยู่ในที่ลับด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึก
ส่วนเซียวเหยายืนอ้าปากค้างจ้องมองชายชุดดำที่มีกลิ่นอายอันตรายที่สุดผู้นั้นด้วยความตกใจ เห็น ๆ กันอยู่ว่าพลังที่โจมตีออกมานั้นทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะย่างกรายเข้าไปใกล้ แต่เขากลับเข้าไปปกป้องนายท่านราวกับว่านายท่านเป็นของล้ำค่าที่สุดในโลกนี้
ช่างเป็นชายที่แข็งแกร่งมาก เขาเป็นใครกันแน่
พลังมืดกำลังฉีกร่างของผู้อาวุโสสูงสุด และกำลังฉีกวิญญาณของเขา
“อ๊า ๆ ๆ!” สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดพลันเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ เขาร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างยิ่ง
“ท่าน ได้โปรดอย่าทรมานข้าเลย ให้ข้าตาย ทำให้ข้าตายไปซะเถอะ ท่าน…”
กลิ่นอายที่น่าขยะแขยงของเผ่านักสาปยิ่งทำให้จิ่วเยี่ยลงมืออย่างโหดร้ายมากขึ้น
มืออีกข้างหนึ่งของเขา เลือดแต่ละชั้นผิวค่อย ๆ หายสาบสูญไปทีละชั้น จนสุดท้ายเหลือเพียงแค่กระดูกขาว
จากนั้นก็เป็นขาสองขาของเขา!
อ๊า! ผู้อาวุโสสูงสุดร้องโหยหวนจนหมดสติไป
แต่หลังจากที่หมดสติไป เขาก็ถูกความเจ็บปวดทรมานนั้นปลุกให้ต้องฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าเฒ่า แก้คำสาปต้องห้ามให้อารองข้าเดี๋ยวนี้!”
“ฮ่า ๆ ๆ! แก้คำสาปเหรอ แก้คำสาปอย่างนั้นเหรอ…” ผู้อาวุโสสูงสุดหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“หากมันยอมเชื่อฟังข้า ไม่ทรยศข้า พลังก็คงไม่ย้อนกลับคืนทำให้มันทรมานเช่นนี้ และข้าก็ยังพอมีวิธีแก้คำสาปให้ได้ แต่ตอนนี้พลังย้อนกลับคืนไปมากแล้ว ต่อให้เป็นหัวหน้าเผ่านักสาป ก็เกรงว่าจะแก้ไม่ได้!”
“เจ้าตัดใจซะเถอะ! หากข้าตาย อารองของเจ้าก็ต้องตายไปกับข้าแน่นอน ถึงยังไงเขาก็เป็นผลงานชิ้นเอกที่สมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิตของข้า”
“เจ้า…”
มู่เฉียนซีโกรธเกรี้ยวขึ้นจริง ๆ แล้ว นางไม่มีเวลามากที่จะมาเสียเปล่าได้ แต่นางก็ไม่อยากให้ผู้อาวุโสสูงสุดตายไปง่าย ๆ เช่นนี้
เขาไม่ได้โกหก!
ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มยาสองเข็มพุ่งแทงไปที่ดวงตาคู่นั้นของผู้อาวุโสสูงสุด
ดวงตาเป็นหนึ่งในอวัยวะของมนุษย์ที่เปราะบางที่สุด ถูกเข็มยาที่อาบยาพิษรุนแรงทิ่มแทงเข้าไปเช่นนี้ ไม่ได้เจ็บปวดทรมานน้อยไปกว่าพลังที่จิ่วเยี่ยทำร้ายเขาเลย
เข็มอันแหลมคมทิ่มแทงดวงตาคู่นั้นของผู้อาวุโสสูงสุด ผู้อาวุโสสูงสุดกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวดทรมานจนร่างชักกระตุกขึ้น
และในตอนนี้เอง น้ำเสียงอันมีเสน่ห์เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “หยุดเผาได้แล้ว หยุดเผาเดี๋ยวนี้! มังกรเพลิงน้อยเจ้าบังอาจยิ่งนัก ข้านึกไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ข้าเจ้าก็กล้าเผา”
น้ำเสียงนี้เป็นน้ำเสียงที่ไพเราะมาก และความมีเสน่ห์นั้นเปรียบเสมือนเหล้าหอมกรุ่นชั้นดี และเต็มไปด้วยรสชาติที่ยังคงติดอยู่อย่างมีไม่รู้ลืม
กู้ไป๋อีกับเซียวเหยาต่างก็ตกใจผงะไป เสียงใครกัน?
กระบี่มังกรเพลิงรีบไปหลบที่ด้านหลังของมู่เฉียนซีราวกับเป็นภรรยาที่ถูกคนอื่นทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บก็มิปาน “ฮือ ๆ ๆ! นายท่าน นายท่านต้องปกป้องข้านะ”
มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วก็รีบโผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
“ยอดดวงใจของข้าคิดถึงข้ามากเช่นนี้ ข้าก็ต้องตื่นขึ้นมาสิ”
ในหม้อวิญญาณนิรันดร์ปรากฏเงาร่างสีขาวขึ้น แต่เงาร่างสีขาวนี้ยังคงเบลอไม่ชัดเจน ทำให้มองไม่ออกว่ารูปร่างหน้าตาของเขาเป็นเช่นไร
ทว่า ในตอนนี้พลังดำมืดอันโหดร้ายกลับพุ่งโจมตีไปที่เงาร่างสีขาวนั้น กักขังร่างสีขาวนั้นเอาไว้และต้องการที่จะฆ่าเขา
นิรันดร์กล่าวขึ้นว่า “ยอดดวงใจของข้า นี่เจ้าจะฆ่าข้าเหรอ! รีบบอกให้เจ้าตัวประหลาดข้างกายเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้”
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้ในอ้อมอกราวกับประกาศให้รู้ว่าเขามีสิทธิ์ที่จะกระทำเช่นนี้
ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยเหลือบมองไปที่ร่างของนิรันดร์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร “ในฐานะที่เจ้าเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ ในเมื่อเจ้ายอมรับซีเป็นเจ้านายแล้ว เจ้าก็ต้องเคารพซีสักหน่อย”
คำเรียกขานที่สนิทสนมของนิรันดร์ทำให้จิ่วเยี่ยอยากจะฆ่าเจ้าหม้อที่อยู่ตรงนี้มาก
ไม่ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่เศษเหล็กหรือจะเป็นมหาศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ก็ตาม!
นิรันดร์เองก็โกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าตัวประหลาดนี่จะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับเขา
แต่พลังอำนาจนั้นช่างน่าหวาดกลัวจนทำให้ต้องก้มหัวให้ ตอนนี้เขายังไม่มีร่างที่แท้จริง เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าตัวประหลาดนี่
นิรันดร์ยิ้มพลางกล่าวว่า “นายท่าน มีสิ่งใดให้ข้าช่วยเหรอ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย ช่วยอารองก่อน เสร็จแล้วหากเจ้าอยากจะฆ่าเจ้าหมอนี่ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
ครั้งนี้หม้อหยินหยางสองขั้วเล่นใหญ่เกินไปแล้ว และมูลเหตุก็มาจากนิรันดร์
กรรมใดใครก่อ ผู้นั้นต้องรับผิดชอบ ตอนนี้มู่เฉียนซียังโกรธอยู่ นิรันดร์อย่าคิดที่จะอยู่อย่างสงบสุขเลย
มู่เฉียนซีเดินไปข้างกายมู่เฟิงหลิงและกล่าวกับนิรันดร์ว่า “เจ้ารีบมาดูอาการของอารองข้าเร็วเข้า มีวิธีใดฟื้นฟูร่างกายของเขาได้บ้างหรือไม่?”
นิรันดร์มาอยู่ตรงหน้ามู่เฟิงหลิง เก็บกิริยาท่าทางที่เล่น ๆ ของเขาและแผ่ซ่านพลังจิตออกมาตรวจอาการของมู่เฟิงหลิงก่อนจะกล่าวว่า “ไร้หนทาง คำสาปของเผ่านักสาปมันชั่วร้ายมาก พลังย้อนกลับลึกมาก แม้แต่ตัวข้าก็ไร้หนทางที่รักษาได้ แต่หากสามารถแก้คำสาปนี้ได้ อาการบาดเจ็บของพลังย้อนกลับนี้ก็ยังพอมีวิธีหนึ่งที่สามารถรักษาได้”
“แก้คำสาปเหรอ?”
มู่เฉียนซีมองไปที่ผู้อาวุโสสูงสุด ในตอนนี้เลือดสีแดงสดกำลังไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้นของเขา สภาพของเขาในตอนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าผีเสียอีก
มู่เฉียนซีกล่าว “แก้คำสาปเดี๋ยวนี้!”
“ไร้ประโยชน์ อันที่จริงข้าแก้คำสาปไม่ได้! คำสาปต้องห้ามของเผ่านักสาปที่ข้าสาปมู่เฟิงหลิง ข้าขโมยมาจากคัมภีร์ที่ขาดในเผ่า ในนั้นมีเพียงวิธีสาป ไม่มีวิธีแก้ เจ้าตัดใจซะเถอะ!” ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายราวกับผีชั่ว
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ามันเป็นเจ้าเฒ่าที่ไร้ประโยชน์จริง ๆ”
เจ้าเฒ่าผู้นี้ไม่สามารถพึ่งพาได้แล้ว มีเพียงอย่างเดียวที่พอจะพึ่งพาได้ นั่นก็คือคัมภีร์หมื่นคำสาปนั้นที่ได้มา
ก่อนที่ผู้อาวุโสสูงสุดจะลงมือ นางหาเบาะแสเจอเล็กน้อยแล้ว ตอนนี้นางต้องรีบหาให้เจอให้เร็วที่สุด
จิ่วเยี่ยคุ้มกันอยู่หลังนาง “ซี ไม่ต้องกังวลใจไป เจ้ามีของล้ำค่าอย่างคัมภีร์หมื่นคำสาปอยู่ในมือ ของสิ่งนี้จะต้องมีทางออกให้เจ้าแน่นอน”
น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยทำให้ความความกังวลและความร้อนใจในใจของมู่เฉียนซีสงบลง จากนั้นนางก็ค่อย ๆ หาวิธีในคัมภีร์หมื่นคำสาปนั้น
ไม่นานนักดวงตาของมู่เฉียนซีก็เปล่งประกายขึ้น เจอแล้ว!
คำสาปต้องห้ามนี้มันโหดร้ายมาก และวิธีแก้คำสาปก็โหดร้ายทารุณมากเช่นกัน
ดึงดวงวิญญาณของผู้สาปออกมา และใช้เปลวไฟแห่งราชาแผดเผาเป็นเวลาสี่สิบเก้าวัน แผดเผาจนกลายเป็นไข่มุกวิญญาณ
จากนั้นบดไข่มุกวิญญาณนั้นให้กลายเป็นผุยผง วาดอักขระสาปบนร่างของผู้ที่โดนคำสาปต้องห้ามนั้นเพื่อแก้คำสาป
อักขระสาปนั้นซับซ้อนมาก มู่เฉียนซีไม่เคยสัมผัสกับวิชาคำสาปมาก่อน และไม่เคยเรียนรู้มาก่อน นางไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้หรือไม่
แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องดึงดวงวิญญาณของผู้อาวุโสสูงสุดออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ทำให้เจ้าเฒ่าผู้นี้ได้ลิ้มรสกับความเจ็บปวดทรมานที่มากกว่านี้ แต่การช่วยชีวิตอารองก็เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า เช่นนั้นก็ให้เจ้าเฒ่านี่ตายไปง่าย ๆ เช่นนี้ก็แล้วกัน!
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย ฆ่าเจ้าเฒ่านั่น และกักขังดวงวิญญาณของเขาเอาไว้ ข้าจำเป็นต้องใช้ดวงวิญญาณของเขา”
.
.