ตอนที่ 575 ฟู่อวิ๋นเซินออกโรงปกป้อง
นายใหญ่เมิ่งไม่กังวล แพทย์แผนโบราณคนอื่นๆ ก็ไม่ได้กลุ้มใจอะไร
เดิมทียาสลายกำลังไม่ถือเป็นยาพิษ แค่จะทำให้กำลังภายในถูกผนึกชั่วคราว ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมากนัก
ด้วยระดับของอิ๋งจื่อจินที่เป็นสมาชิกระดับสี่ของสมาพันธ์โอสถสามารถทำยาสลายกำลังออกมาได้ก็ตรงกับระดับฝีมือของเธอพอดี
ผู้อาวุโสใหญ่ลูบเครา คิดในใจว่าอีกเดี๋ยวเขากลับไปที่สมาพันธ์โอสถจะเอาตำรับยาแนวๆ ยาทำลายชีพจรให้อิ๋งจื่อจินหน่อย วันหน้าจะได้มีฝีมือไว้ป้องกันตัวเอง
แพทย์แผนโบราณเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ไม่มีวรยุทธติดตัว อาศัยแค่เข็มเงินเข็มทองกับยาเป็นเครื่องป้องกันตัว
“เอ๊ะ แบบนี้คือเสมอหรือเปล่า ถ้าเสมอต้องแข่งไงต่อ”
“ดูเหมือนจะต้องตรวจความเป็นพิษของยาสองตัวนี้ว่าอันไหนสูงกว่า ของใครสูงกว่าก็ชนะ”
แต่ในเวลานี้เอง อยู่ๆ เมิ่งชิงเสวี่ยก็หน้าซีด สั่นไปทั้งตัว
รอยยิ้มบนใบหน้านายใหญ่เมิ่งยังไม่ทันหุบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมากในชั่วขณะ
“ชิงเสวี่ย!”
เมิ่งชิงเสวี่ยกระอักเลือด
“…”
พอเห็นแบบนี้คนในสนามแข่งก็ตกใจร้องเสียงหลง
ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่คาดคิดว่าแม้แต่ยาถอนพิษของยาสลายกำลัง เมิ่งชิงเสวี่ยก็ทำออกมาไม่ได้ ยังคงอึ้งไม่ได้สติ
นายใหญ่เมิ่งรีบขึ้นไปบนเวที เขารีบไปเอายาถอนพิษที่อิ๋งจื่อจินทำจากมือของผู้อาวุโสใหญ่มาให้เมิ่งชิงเสวี่ยกินทันที
แต่เวลานี้พิษได้ออกฤทธิ์แล้ว ป้อนยาถอนพิษเข้าไปก็ช้าไปหนึ่งก้าว
เมิ่งชิงเสวี่ยกระอักเลือดอีกครั้ง ใบหน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ ลมหายใจแผ่วเบา
ริมฝีปากของเธอสั่น พยายามกลืนยาถอนพิษลงไป
ยาถอนพิษตัวนี้ก็ออกฤทธิ์เร็ว พอเมิ่งชิงเสวี่ยกินเข้าไป ใบหน้าก็เริ่มกลับมามีสีเลือด แต่มือกลับยังสั่นอยู่
เห็นได้ชัดว่าด้วยสภาพร่างกายของเธอในตอนนี้ทนฤทธิ์ยาไม่ไหว การกระอักเลือดสองครั้งนั้นทำให้แก่นแท้ของร่างกายเสียหายไปมาก
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก คนที่อยู่ด้านล่างยังคิดตามไม่ทัน
“อายุเท่านี้กลับโหดเหี้ยมขนาดนี้แล้ว!” นายใหญ่เมิ่งมองด้วยสายตาเย็นชา “ก็แค่การแข่งขัน เอาแค่พอประมาณ ถึงกับต้องรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ”
“หรือว่าเธอกลัวชิงเสวี่ยชนะเธอจริงๆ จะทำให้เธอไม่มีที่ยืนในโลกแพทย์แผนโบราณ เธอจะขายหน้าต่อหน้าแฟนตัวเอง เลยไม่ยอมงั้นสิ”
“ใช่ ก็แค่การแข่งขัน” ฟู่อวิ๋นเซินเดินเข้ามายืนตรงหน้าอิ๋งจื่อจิน สายตาของเขาเย็นชาแต่กลับยิ้ม
“ถ้าวันนี้คนที่เกิดเรื่องกลับกัน คุณยังจะพูดแบบนี้อยู่ไหม”
นายใหญ่เมิ่งพูดไม่ออก
คนที่เกิดเรื่องกลับกันงั้นเหรอ
แน่นอนว่าเขาก็จะพูดว่าทำตามกติกาแข่งขัน ฝีมือสู้ไม่ได้จะให้โทษใคร
“ส่วนเรื่องขายหน้า” ฟู่อวิ๋นเซินหันไป “อืม ไม่หรอก แฟนผม ไม่ว่ายังไงผมก็ชอบ ผมยังอยากให้เธออ่อนแอหน่อยด้วยซ้ำ เธอจะได้มาพึ่งพาผม ต้องการแบบนั้นอยู่พอดี”
คำพูดนี้ทำให้เมิ่งชิงเสวี่ยที่สีหน้าเริ่มดีขึ้นแล้วกลับซีดลงไปอีกครั้ง มีเลือดทะลักตรงมุมปาก
เธอกระอักเลือดครั้งที่สาม ไม่ใช่สาเหตุเพราะยา แต่เป็นเพราะสะเทือนใจอย่างรุนแรง
พอเห็นเมิ่งชิงเสวี่ยเป็นแบบนี้ คนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าอยู่ต่อแล้ว พากันหาข้ออ้างเดินออก
เกิดอีกเดี๋ยวนายใหญ่เมิ่งพาลมาโกรธพวกเขาจะทำยังไง
นายใหญ่เมิ่งกำหมัดแน่น แสยะยิ้ม “ผู้อาวุโสใหญ่ พวกคุณยังไม่ตรวจพิษของยาสองตัวนี้อีกเหรอครับ ยาทำลายชีพจรมีตำรับยาอยู่แล้ว แต่ยาที่เธอทำเม็ดนี้ล่ะครับ”
เขาชี้อิ๋งจื่อจิน “ผมคิดว่าเธอนี่แหละแพทย์ผิดจรรยาบรรณ! ไม่อย่างนั้นยาสลายกำลังปกติจะทำให้กระอักเลือดได้อย่างไร”
ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างเย็นชา “นายใหญ่เมิ่ง ระวังคำพูดด้วย วันนั้นสอบสวนจนชัดเจนแล้ว ผู้อาวุโสฝูซีก็บอกแล้ว คุณจื่อจินไม่ใช่แพทย์ผิดจรรยาบรรณ ถ้าเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ เธอยังจะทำยาถอนพิษทำไมครับ”
นายใหญ่เมิ่งพูดไม่ออก
แต่ก็ต้องตรวจความเป็นพิษของยาสองตัวนี้จริงๆ
ผู้อาวุโสสี่เอาเศษยาที่เหลือไปตรวจ
ผลตรวจออกมาอย่างรวดเร็ว
“ยาตัวนี้เป็นยาสลายกำลังจริงๆ ก็แค่มีฤทธิ์เย็น ส่วนเรื่องพิษ ไม่มีเลยครับ แม้แต่ยาตัดชีพจรก็ยังเทียบไม่ได้” ผู้อาวุโสสี่ของสมาพันธ์โอสถพูดขึ้น
“ถ้าคุณชิงเสวี่ยทำยาถอนพิษออกมาถูกต้องก็จะไม่เป็นไรแม้แต่น้อยครับ”
สรุปสั้นๆ ได้ว่า ก็แค่ฝีมือของเมิ่งชิงเสวี่ยสู้ไม่ได้ ไม่ใช่อิ๋งจื่อจินเจตนาทำร้ายคน
นายใหญ่เมิ่งสีหน้าเปลี่ยนอีกครั้ง
เป็นยาสลายกำลังจริงเหรอ
อีกทั้งยังไม่มีพิษด้วย
เป็นไปได้อย่างไร
ผู้อาวุโสสี่พูดต่อ “อีกอย่าง ถ้าคุณชิงเสวี่ยร่างกายแข็งแรง ต่อให้กินยาถอนพิษไม่ทัน อย่างมากสุดก็แค่แขนขาขยับไม่ได้ ไม่มีความเจ็บปวดแน่นอนครับ”
อันหลิงตะลึง “แค่เปลี่ยนลำดับการใส่สมุนไพร ฤทธิ์ยาก็ไม่เหมือนกัน แม้แต่ยาถอนพิษก็ต้องเปลี่ยนด้วยงั้นเหรอ”
“นี่แหละครับความหลักแหลมของคุณจื่อจิน” ผู้อาวุโสสี่พยักหน้า “เธอรู้ลึกเรื่องหลักการของยา รู้ว่าแค่เปลี่ยนลำดับการใส่สมุนไพรก็จะทำให้ยาสลายกำลังที่มีฤทธิ์ร้อนกลายเป็นฤทธิ์เย็นได้”
“เวลาที่พวกอาจารย์ในสมาพันธ์โอสถสอนปรุงยาก็จะบอกพวกสมาชิกถึงจุดนี้โดยเฉพาะ แต่ก็ประยุกต์ใช้ได้ยากมาก พวกคุณต้องรู้จักดัดแปลง อย่ายึดติด ความรู้ในตำราก็เป็นแค่เครื่องชี้ทาง”
การแข่งขันปรุงยาแบบนี้ในงานล่าสัตว์ฤดูหนาวสามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการปรุงยาของแพทย์แผนโบราณได้มากจริงๆ
เพราะในระหว่างปรุงยา ไม่เพียงแต่จะต้องสนใจหม้อยาของตัวเอง ยังต้องสังเกตอีกฝ่ายด้วย
ต่อให้พลาดเพียงขั้นตอนเดียวก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำยาถอนพิษผิดตำรับ
นี่ไม่ใช่การเล่นตุกติก แต่เป็นการไล่บี้ด้วยความสามารถที่แท้จริง
เมิ่งชิงเสวี่ยย่อมสังเกตเห็นแล้วว่าอิ๋งจื่อจินเปลี่ยนลำดับการใส่สมุนไพร แต่ก็ไม่คาดคิดจริงๆ ว่าฤทธิ์ยาจะเปลี่ยนด้วย
เมิ่งชิงเสวี่ยริมฝีปากสั่น กลิ่นคาวเลือดในลำคอรุนแรงมาก พูดอย่างยากลำบาก “ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณ ยาถอนพิษอยู่ที่ผู้อาวุโสใหญ่ คุณไม่มีทางเป็นอะไร ฉันไม่ได้…”
เธอแค่อยากพิสูจน์ว่าเธอเก่งกว่าอิ๋งจื่อจินในด้านการปรุงยา
สายตาของอิ๋งจื่อจินเย็นชา สีหน้าเรียบเฉย “แต่ฉันไม่ชอบความเจ็บปวด”
เธออดทนต่อความเจ็บปวดได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอชอบ
เธอไม่ทำร้ายคนอื่น รู้จักป้องกันตัว
ถ้าเป็นแค่ยาตัดชีพจร ตอนแรกจะไม่มีทางเจ็บปวดอะไร
แต่ยาทำลายชีพจรไม่เหมือนกัน พอกินเข้าไปก็จะเจ็บปวดมาก
ถ้าไม่สังเกตดูดีๆ ก็จะไม่พบว่าแท้จริงแล้วยาที่เมิ่งชิงเสวี่ยทำคือยาทำลายชีพจร
เพราะปริมาณสมุนไพรที่ยาสองชนิดนี้ใช้แตกต่างกันไม่มาก
เมิ่งชิงเสวี่ยเห็นเธอสลับลำดับการใส่สมุนไพร แต่ก็ยังคงทำยาถอนพิษที่ถูกต้องออกมาไม่ได้
ฟู่อวิ๋นเซินจับมืออิ๋งจื่อจินที่เริ่มกำมือแน่นทีละนิด ฝ่ามือเย็นเฉียบ หัวใจเจ็บปวดราวกับแหลกสลาย
เขาไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเธอตายยังไง และทำไมถึงยังมีความทรงจำหลงเหลืออยู่
แต่เห็นได้ชัดว่าความทรงจำของเธอก็เพิ่งฟื้นคืนมาได้ไม่นานตอนเขาเจอเธอครั้งแรก ถึงได้มีความสามารถในการปกป้องตัวเอง
แต่ลำพังแค่ปีนั้น อิ๋งจื่อจินถูกตระกูลอิ๋งบังคับบริจาคเลือด กินไม่ดีนอนหลับไม่สบาย สภาพจิตใจยังถูกกดดันอย่างหนัก
ทุกข์ทรมานมากพอแล้ว
เขาเคยเจ็บปวด เขารู้ว่ามันทรมานขนาดไหน
“เธอเจ็บ ผมก็เจ็บ” เป็นครั้งแรกที่สายตาของฟู่อวิ๋นเซินมองไปยังเมิ่งชิงเสวี่ย “คุณเจ็บ ย่อมได้”
ไม่มีคำพูดไหนเสียดแทงใจได้เท่านี้อีกแล้ว
เมิ่งชิงเสวี่ยรับไม่ได้ เลือดไหลออกจากมุมปากของเธอไม่หยุดราวกับสร้อยมุกที่ขาดสะบั้น
“ฟู่อวิ๋นเซิน!” นายใหญ่เมิ่งโมโหหนักกว่าเดิม “พูดจาเป็นหรือเปล่า นายรู้ทั้งรู้ว่าแค่ชิงเสวี่ยเห็นนายก็สะเทือนใจจนร่างกายอ่อนแอ นายจงใจเหรอ”
“ใช่ จงใจ” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ เขาลูบศีรษะอิ๋งจื่อจิน “ไปเถอะ”
เนื่องจากมีประสบการณ์เยอะมาก แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่มีทางพูดรุนแรงกับคนอื่น
ชอบคนคนหนึ่งไม่ผิด คนที่ชอบเขามีอยู่ไม่น้อย
คนที่มาสารภาพรัก เขาล้วนปฏิเสธอย่างสุภาพ นี่เป็นการให้เกียรติผู้หญิง
เมิ่งชิงเสวี่ยนำพาความยุ่งยากมาให้เขาอยู่ไม่น้อยในโลกแพทย์แผนโบราณ ถึงขั้นที่ว่ามีหลายครั้งที่ถูกบีบจนใกล้เฉียดความตาย หากประมาทแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่มีชีวิตรอดแล้ว
ฟู่อวิ๋นเซินไม่แคร์ คิดว่าเป็นการฝึก
แต่ถ้าเรื่องเกี่ยวพันถึงอิ๋งจื่อจิน แบบนั้นก็ไม่เหมือนกันแล้ว
สีหน้าของเมิ่งชิงเสวี่ยเริ่มซีดลงทีละนิด แม้แต่ริมฝีปากก็ไร้สีเลือด พูดเสียงสั่น “ฉันไม่ได้คิดทำร้ายเธอจริงๆ ฉันแค่อยากให้เธอเห็นว่า ฉันก็ยังมีจุดที่เก่งกว่าเธอ…”
ฝูเฉินฟังอยู่ข้างๆ ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่ามันเรื่องอะไร
หลายปีมานี้คนที่มาสู่ขอเมิ่งชิงเสวี่ยกับตระกูลเมิ่งมีอยู่ไม่น้อย แต่เมิ่งชิงเสวี่ยไม่แต่งมาตลอด
ด้านหนึ่งเป็นเพราะสุขภาพของเธอไม่ดี อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะเธอปฏิเสธหมด
ที่แท้เมิ่งชิงเสวี่ยก็ชอบแฟนท่านปรมาจารย์ของเขาเหรอ
“ทำไมเธอต้องแข่งด้วย ต่อให้เธอแข่งชนะแล้วไงล่ะ เขาไม่ชอบเธอก็ยังคงไม่ชอบเธออยู่ดี” ฝูเฉินงง แต่พูดแทงใจดำ
“พูดตามตรง ต่อให้คุณอิ๋งทำยาไม่เป็น คนที่พี่ฟู่ชอบก็ยังเป็นคุณอิ๋งอยู่ดี”
“เธอคงไม่ได้คิดว่าถ้าเธอแข่งชนะ พี่ฟู่ก็จะชายตามองเธอหรอกนะ”
เมิ่งชิงเสวี่ยถูกประคบประหงมอยู่ในตระกูลเมิ่งมานาน ไม่รู้สินะว่าความรักมันเป็นอย่างไร
เลือดในอกเมิ่งชิงเสวี่ยกำลังพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง เลือดสีแดงทะลักออกมาจากมุมปากอีกครั้ง
ในที่สุดก็ทนไม่ไหว หมดสติไป
นายใหญ่เมิ่งหน้าเขียว
คนที่พูดคำพูดนี้คือฝูเฉิน
หากว่ากันด้วยเรื่องสถานะและตัวตน ฝูเฉินเป็นสมาชิกสายตรงของตระกูลฝู เหมือนเมิ่งชิงเสวี่ย
โดยเฉพาะการที่ช่วงนี้ดูเหมือนฝูซีจะเลิกเก็บตัวและออกมาข้างนอกแล้ว
ผู้นำตระกูลเมิ่งไม่ใช่รุ่นที่บุกเบิกตระกูลแล้ว เทียบชั้นกับฝูซีไม่ได้
นายใหญ่เมิ่งทำได้เพียงกลืนความโกรธนี้ลงไป ไม่กล้าแม้แต่จะสั่งสอน
เขาเองก็ไม่มีเวลาอยู่ที่นี่นาน รีบส่งตัวเมิ่งชิงเสวี่ยกลับตระกูลเมิ่งเพื่อให้พวกผู้อาวุโสช่วยตรวจรักษา
เมิ่งจิ่งอวี้กลับยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้สติกลับมา
เพราะในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ถึงปัญหาเมื่อนานมาแล้ว
เขาคิดมาตลอดว่า จอมยุทธ์ที่ตอนนั้นเขาส่งไปปล้นสมุนไพรจากอิ๋งจื่อจิน บังเอิญไปเจอกับนักล่าของทางยุโรป
แต่ดูจากตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่
จอมยุทธพวกนั้นเป็นเพียงจอมยุทธฝึกหัด วรยุทธไม่สูง ถ้าเป็นแพทย์แผนโบราณ แค่ใช้ยาก็สามารถจัดการจอมยุทธระดับล่างได้แล้ว
เมิ่งจิ่งอวี้สูดลมหายใจเข้าลึก
ผิดแผนแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าไปข้างนอกไม่มีทางเจอแพทย์แผนโบราณ นึกไม่ถึงว่าอิ๋งจื่อจินจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้
แต่ที่น่าเสียดายคือ เวลานี้มันเลยเวลาที่จะกำจัดอิ๋งจื่อจินแล้ว
มีสมาพันธ์โอสถปกป้อง ตระกูลเมิ่งก็แตะต้องไม่ได้
เมิ่งจิ่งอวี้ขมวดคิ้ว เขาเองก็กลับบ้านตระกูลเมิ่ง
…
ตอนเย็น
อิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินไปลอยโคมที่ริมน้ำ
ลอยเสร็จอิ๋งจื่อจินก็เอาตูตูออกมาจิ้มพุงน้อยๆ ของมัน
“ฉันเตรียมเก็บตัวแล้ว ช่วยฉันดูแลหมูหน่อยจนกว่าจะหมดปิดเทอมหน้าหนาว”
ฟู่อวิ๋นเซินหันมา “หืม? ถ้าไม่ได้เป็นปรมาจารย์จอมยุทธจะไม่ออกมาเหรอ”
การเก็บตัวเป็นเรื่องปกติมากสำหรับจอมยุทธ์ หนึ่งปีถือว่าสั้นมาก
เย่ว์ฝูอีเก็บตัวฝึกตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมา
พวกรุ่นผู้นำตระกูลเก็บตัวกันทีก็สิบปี
เพียงแต่เขาไม่ใช่ เพราะวรยุทธ์ของเขาก้าวหน้ามาจากการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย
อิ๋งจื่อจินโยนตูตูให้ฟู่อวิ๋นเซิน “อาจจะยังไม่ถึง แต่คงถึงเก้าสิบปีได้ไม่มีปัญหา”
ตอนนี้วรยุทธของเธอประมาณเจ็ดสิบแปดปี
แต่วรยุทธร้อยปีของปรมาจารย์จอมยุทธก็ยากเกินกว่าจะบรรลุ มีหลายคนที่ติดอยู่ที่เก้าสิบเก้าปีก้าวข้ามไม่ผ่านสักที
เธอเงยหน้า “ทำไมเหรอ”
“เปล่า” ฟู่อวิ๋นเซินจับตูตูที่ส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจยัดเข้ากระเป๋าเสื้อ เขาเลิกคิ้ว “เริ่มรักทางไกลอีกแล้ว”
“ยังเหลืออีกหนึ่งวัน” อิ๋งจื่อจินพิงบ่าของเขา “งั้นจะให้จูบนานหน่อยแล้วกัน”
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินโค้งมน “ทำไงดีล่ะแฟนสาว ชักชอบเธอมากขึ้นทุกวันแล้วสิ”
แฟนสาวที่น่ารักขนาดนี้จะไปหาได้จากไหนอีก
อิ๋งจื่อจินดันหน้าของเขาออก สีหน้าเรียบเฉย “ฉันบอกแล้วว่าอย่ามาปล่อยกระแสไฟใส่”
ฟู่อวิ๋นเซินตอบรับทันที “ได้”
หยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ช่วยไม่ได้ เป็นมาแต่เกิด”
“…”
…
วันต่อมา
อิ๋งจื่อจินไปสมาพันธ์โอสถเอาสมุนไพรที่ต้องใช้ช่วงเก็บตัว
บรรยากาศในนั้นผิดแปลกไป
มีหญิงสูงวัยคนหนึ่งนั่งอยู่ ผมขาวโพลน แต่ใบหน้ากลับดูมีอายุแค่ประมาณสี่สิบ
“คุณอิ๋งครับ” อาจารย์หลี่เดินเข้ามา ขมวดคิ้วเสร็จก็พูด
“นี่คือผู้นำตระกูลเมิ่งครับ นามว่าเมิ่งหว่าน ปีนี้อายุหนึ่งร้อยยี่สิบปี”
อายุเท่านี้หากเป็นในโลกแพทย์แผนโบราณก็ถือว่ายืนยาวแล้ว
แพทย์แผนโบราณหลายคนก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ตายตอนอายุประมาณเจ็ดสิบแปดสิบ
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจ เอาใบสั่งสมุนไพรให้อาจารย์หลี่
อาจารย์หลี่รับไปแล้วพูดต่อ “น่าจะเป็นเพราะเรื่องเมื่อวานครับ”
ตระกูลเมิ่งต้องการมาหา อีกทั้งคนที่มายังเป็นผู้นำตระกูล ทางสมาพันธ์โอสถก็ห้ามไม่ได้
“อิ๋งจื่อจิน เก่งเหลือเกินนะ” เมิ่งหว่านทำสายตาเอาเรื่อง เธอพูดขึ้น “ชนะชิงเสวี่ยได้มันไม่เท่าไรหรอก ไม่สู้มาแข่งกับฉันหน่อยเป็นไง”