ตอนที่ 600 ป้อนยาปากต่อปาก บุกเข้าตระกูลเมิ่ง
ฝูซีหน้าเครียดขึ้นมาทันที
ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ หันไป ดวงตาสีอำพันขรึมลง ราวกับไม่มีประกายหลงเหลือแม้แต่น้อย
คำพูดสั้นๆ ออกมาจากปากของเขา “ตระกูลเมิ่งเหรอ”
ผู้อาวุโสใหญ่ก็รู้ว่าเป็นเรื่องด่วน เขาลำบากใจ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น “ผมทำตามที่ท่านผู้นำตระกูลบอก พาทีมคุ้มกันไปที่ร้านสมุนไพรฝั่งตะวันตก เถ้าแก่บอกว่าตระกูลเมิ่งมาเร็วกว่าผมก้าวหนึ่ง ซื้อโสมจื่อลู่ไปแล้วครับ”
“ผมรู้ว่าสมุนไพรชนิดนี้สำคัญมาก ก็เลยตามไปทันที บอกว่าต้องการขอซื้อโดยเพิ่มเงินให้อีกสิบเท่า แต่ตระกูลเมิ่งก็ปฏิเสธข้อเสนอของผม ทั้ง ทั้งยังพูดอีกว่า…”
ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้า “พูดต่อ”
ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างยากลำบาก “ทั้งยังบอกให้พวกเรารอเก็บศพคุณอิ๋ง อย่าคิดจะรักษาเลย”
พอพูดจบเขาก็คำนับฝูซี “ท่านผู้นำตระกูล ผมมันไร้ประโยชน์ ไม่มีวรยุทธ์ สู้พวกเขาไม่ได้”
ตระกูลฝูกับตระกูลเมิ่งไม่เหมือนกัน ถึงแม้ตระกูลฝูก็มีการเกี่ยวดองกับตระกูลจอมยุทธ์ แต่ไม่ได้มีความร่วมมือกัน
ด้วยเหตุนี้จอมยุทธ์ที่ปกป้องตระกูลฝูจึงไม่ได้มีเยอะเท่าตระกูลเมิ่ง และไม่เก่งกาจเท่าตระกูลเมิ่ง
ฝูซีสูดลมหายใจเข้าลึก “ออกไปก่อน”
เธอเปิดประตูห้องนอนแล้วเข้าไปกับฟู่อวิ๋นเซิน
อิ๋งจื่อจินที่นอนอยู่บนเตียงริมฝีปากซีด เปลือกตาสั่นเล็กน้อย
ผิวพรรณของเธอที่เดิมทีขาวอยู่แล้วยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ คล้ายกระจกที่เปราะบาง
สภาพอ่อนแอแบบนี้ของอิ๋งจื่อจินพบเห็นได้ยาก
เธอไม่เคยแสดงให้ใครเห็นมาก่อน
ฟู่อวิ๋นเซินโน้มตัวลงวัดไข้ที่หน้าผากของเธอ จากนั้นก็ขอชามหนึ่งใบจากคนรับใช้ที่อยู่ข้างนอก
“ฉันกำจัดพิษที่อยู่ในร่างกายอาจารย์หมดแล้ว” ฝูซีมีสีหน้าหนักใจ “แต่ถ้าไม่มีโสมจื่อลู่ก็เค้นเอาพิษที่คั่งค้างอยู่ออกมาไม่ได้”
“ถ้าขจัดพิษออกมาไม่หมดในครึ่งวันอาจเสียหายไปถึงหัวใจ หรือแม้กระทั่งวรยุทธ์ถดถอย เมื่อกี้ฉันถึงให้ผู้อาวุโสใหญ่ไปซื้อสมุนไพร”
ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้า “โสมจื่อลู่หายากเหรอครับ”
“ใช่” ฝูซีพูด “สมุนไพรชนิดนี้มีขายแค่ที่ร้านสมุนไพรเล็กๆ ฝั่งตะวันตกของโลกจอมยุทธ์ เป็นของเฉพาะของร้านนั้น ตกทอดกันมารุ่นต่อรุ่น”
“ฉันเคยไปซื้อมาหนึ่งรากเมื่อร้อยกว่าปีก่อน แต่ไม่รู้ว่าโสมจื่อลู่ต้นล่าสุดจะยังอยู่ไหม”
โสมจื่อลู่ไม่ถือเป็นสมุนไพรล้ำค่าอะไร เพราะสรรพคุณบางอย่างของมันใช้สมุนไพรชนิดอื่นทดแทนได้ ไม่จำเป็นต้องใช้มันอย่างเดียว
สรรพคุณที่ซ่อนอยู่ก็มีแค่ฝูซีกับพวกแพทย์แผนโบราณที่สูงส่งไม่กี่คนที่รู้ แต่ส่วนใหญ่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเก็บสำรองไว้ในคลังสมุนไพรของตระกูลฝู
และที่สำคัญที่สุดคือ โสมจื่อลู่ต้องใช้เวลาสิบปีกว่าจะโตมาได้สักต้น ราคาจึงสูงมาก
อีกทั้งในสิบปีนี้ที่โสมจื่อลู่เจริญเติบโตก็ต้องมีได้แค่ต้นเดียว
หากปรากฏสองต้นขึ้นไปก็จะไม่รอดแม้แต่ต้นเดียว
ฉาเซิ่งก็เคยลองปลูกโสมจื่อลู่ สุดท้ายก็ยังคงไม่สำเร็จ
ฟู่อวิ๋นเซินตอบอืม “คุณบอกว่าครั้งล่าสุดที่โสมจื่อลู่ถูกปลูกคือเมื่อสิบสามปีก่อน ครั้งนี้เพิ่งผ่านมาสามปี หากไม่มีก็ต้องรออีกเจ็ดปี”
เจ็ดปี นี่เป็นตัวเลขที่เป็นไปไม่ได้
ในเมื่อตระกูลเมิ่งเอาโสมจื่อลู่ไปแล้ว ทั้งยังพูดแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางยกให้
มีความเป็นไปได้ว่าเอาไปใช้แล้ว
อิ๋งจื่อจินสำคัญกว่า ตอนนี้เขาไม่มีเวลาไปเสียให้กับตระกูลเมิ่ง
เลือดไหลออกจากปลายนิ้วของเขา ฟู่อวิ๋นเซินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่มีสมุนไพรอื่นที่ใช้แทนได้เลยเหรอครับ”
“มันก็มีอยู่หรอก” ฝูซีหยุดเล็กน้อย “แต่หายากมาก อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ถ้าได้มา สรรพคุณของมันดีกว่าโสมจื่อลู่ ทั้งยังช่วยเพิ่มวรยุทธ์”
“สมุนไพรอะไร”
“หั่วเสวี่ยฉาน”
ฟู่อวิ๋นเซินให้อิ๋งจื่อจินดื่มเลือด จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาติดต่อคนสนิทที่อยู่ศาลสถิตยุติธรรม “ค้นข้อมูลของหั่วเสวี่ยฉานหน่อย”
หลังจากดื่มเลือดเข้าไป สีหน้าของอิ๋งจื่อจินก็ดีขึ้นในระดับที่ตาเปล่าสังเกตได้
สีหน้าของฝูซีเปลี่ยนไป “เลือดนี่…”
เธอย่อมเคยเจอคนที่เลือดมีสรรพคุณพิเศษ ซึ่งคนแบบนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย
แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะกินสมุนไพรหายากบางชนิดตั้งแต่เด็ก เมื่อร่างกายดูดซึมสมุนไพรนั้น เลือดก็พลอยมีสรรพคุณไปด้วย
แต่เธอยังไม่เคยเจอเลือดที่มีสรรพคุณมหัศจรรย์แบบนี้อย่างเลือดของฟู่อวิ๋นเซิน
ไม่กี่นาทีต่อมาฟู่อวิ๋นเซินก็ได้รับข้อมูล
ข้อมูลระบุว่าทีมค้นหาเคยพบร่องรอยของหั่วเสวี่ยฉานบนทะเลทรายแห่งหนึ่งในโลกจอมยุทธ์
แต่มีหมาป่าสองตัวที่เทียบเท่าปรมาจารย์จอมยุทธ์เฝ้าอยู่ จึงไม่มีคนเข้าไปเก็บ
พิกัดชัดเจนมาก
ฝูซีตกใจมาก
สมกับเป็นศาลสถิตยุติธรรม รู้ข่าวกรองทั้งหมดในโลกจอมยุทธ์
ไม่แปลกที่หลายตระกูลอย่างตระกูลเซี่ยจะอยากฆ่าเงา
อำนาจขนาดนี้ใครบ้างไม่อยากมี
ฟู่อวิ๋นเซินอ่านจบก็หันมองอิ๋งจื่อจิน พูดด้วยเสียงที่อ่อนลง “ผมจะไปเอาสมุนไพร อย่างช้าสุดอีกสามชั่วโมงกลับมา”
ฝูซีพยักหน้าตอบ
พอฟู่อวิ๋นเซินยืนขึ้นเตรียมตัวเดินออก ทันใดนั้นได้ถูกคว้ามือไว้
เขาตกใจ หันไปมอง
อิ๋งจื่อจินยังไม่ฟื้น มือที่จับเขาเป็นเพียงปฏิกิริยาที่อยู่ในจิตใต้สำนึก
เขาเงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายก็อุ้มเธอขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง
ก็จริง
ถึงแม้จะมีฝูซีอยู่ที่นี่ แต่ทิ้งเธอไว้คนเดียวเขาก็ไม่วางใจ
พาเธอไปด้วยจะดีกว่า
หลังจากที่ฝูซีส่งฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจินออกไปแล้วเธอก็หลับตา เรียกนายใหญ่ฝูที่ร้อนใจไม่แพ้กันเข้ามา
นายใหญ่ฝูทำความเคารพ “ท่านผู้นำตระกูล”
“ไปเตรียมตัว” ฝูซีพูด “ตรวจสอบทุกคนในตระกูลฝู”
นายใหญ่ฝูตะลึง “ท่านผู้นำตระกูลหมายความว่า”
ฝูซีพูดเสียงขรึม “แพทย์ผิดจรรยาบรรณอยู่ในพวกเรา”
แม้นายใหญ่ฝูจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอได้ฟังฝูซีพูดออกมาเอง เขาก็ยังคงรู้สึกช็อก
ถ้าแพทย์ผิดจรรยาบรรณแทรกซึมอยู่ในอิทธิพลใหญ่ของโลกแพทย์แผนโบราณทั้งหมด พวกเขาควรทำอย่างไร
แค่การฝึกครั้งนี้ก็ทำพวกหนุ่มสาวเก่งๆ บาดเจ็บไปมากขนาดนี้แล้ว
หากมีอีกครั้งใครจะรับไหว
สายตาของฝูซีดุดัน “ห้ามปล่อยไปแม้แต่คนเดียว รวมถึงคณะผู้อาวุโสด้วย”
นายใหญ่ฝูสีหน้าเคร่งเครียด “ครับท่านผู้นำตระกูล”
…
โลกจอมยุทธ์
พื้นที่ทะเลทรายแห่งนี้ไม่ค่อยมีคนมา จะมีก็แค่ทีมสำรวจที่มาบ้างเป็นครั้งคราว
ตรงเท้าของฟู่อวิ๋นเซินมีศพหมาป่าตัวใหญ่สองตัว เลือดไหลนองเต็มพื้น
ชวนสยดสยอง
เขาเช็ดใบหน้าและมือ จากนั้นก็เด็ดหั่วเสวี่ยฉานมา
เนื่องจากไม่ค่อยมีคนมาที่นี่ หั่วเสวี่ยฉานต้นนี้ก็เลยเจริญเติบโตมานาน อายุอย่างต่ำก็สองร้อยปีแล้ว
ฟู่อวิ๋นเซินมองหั่วเสวี่ยฉาน
เขากัดออกมาหนึ่งราก ก้มหน้าแนบริมฝีปากอิ๋งจื่อจิน ค่อยๆ ป้อนยา
หลังจากกินหั่วเสวี่ยฉานทั้งหมดเสร็จ อิ๋งจื่อจินก็ขยับ มือกำเสื้อของเขาแน่น หลังยืดตรง
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง จับมือเธอ “เป็นอะไรไป”
“เปล่า” อิ๋งจื่อจินหลับตาลงอีกครั้ง พูดเสียงเบา “แค่อยากแน่ใจว่าคุณยังอยู่ ฉันรู้สึกร้อนนิดหน่อย”
“สมุนไพรมีฤทธิ์ร้อน พี่ชายอยู่ตลอด” ฟู่อวิ๋นเซินจูบริมฝีปากเธอ “นอนไปก่อน วางใจได้ เรื่องที่เหลือพี่ชายจัดการเอง”
พอได้ยินคำตอบอิ๋งจื่อจินก็หลับไปอีกครั้ง ลมหายใจแผ่วเบา
ฤทธิ์สมุนไพรหั่วเสวี่ยฉานค่อยๆ ดูดซึม ใบหน้าของเธอเริ่มกลับมามีเลือดหล่อเลี้ยง ชีพจรจากที่อ่อนมากก็เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ
ในที่สุดฟู่อวิ๋นเซินก็โล่งใจ
เขาอุ้มอิ๋งจื่อจินขึ้นมาแล้วกลับบ้านตระกูลฝูด้วยความเร็วสูงสุด
…
อีกด้านหนึ่ง
ตระกูลเมิ่งก็กลุ้มใจมากไม่แพ้กัน
ในบรรดาสี่อิทธิพลใหญ่ ตระกูลเมิ่งเสียหายมากที่สุด
คนที่ออกไปฝึกมีทั้งหมดแปดสิบสี่คน คนที่กลับมามีไม่ถึงสิบคน
คนที่เหลือถ้าไม่ตายด้วยเงื้อมมือของสัตว์ป่าก็ยอมพลีชีพเพื่อช่วยเมิ่งชิงเสวี่ย
แน่นอนว่าแบบหลังมีกี่คนกันแน่ก็ไม่มีใครรู้
สมาชิกสายอื่นต่างโมโหแต่ก็ไม่กล้าพูด
ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เมิ่งชิงเสวี่ยเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลเมิ่งล่ะ
นายใหญ่เมิ่งข่มความโกรธ “ชิงเสวี่ยยังไม่ฟื้นอีกเหรอ”
ผู้อาวุโสใหญ่ส่ายหน้า “ยังครับ สะเทือนใจอย่างหนัก เดิมสุขภาพก็ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว ป่วยซ้ำเติมเข้าไปอีก ต้องรอดูอาการไปก่อนครับ”
“โสมจื่อลู่ก็กินเข้าไปแล้ว ถือว่าเริ่มดีขึ้นครับ”
นายใหญ่เมิ่งขมวดคิ้ว “เรื่องวันนี้เป็นแผนชั่วแน่ จงใจเล่นงานตระกูลเมิ่ง ก็มีแค่ตระกูลฝูที่ทำได้”
ก็แค่เพราะเมิ่งชิงเสวี่ยข่มฝูเฉินกับแพทย์แผนโบราณรุ่นเดียวกันคนอื่นได้ไม่ใช่เหรอ
ไม่อย่างนั้นคนของตระกูลเมิ่งจะตายเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร
เด็กหนุ่มคนหนึ่งเพิ่งฟื้นได้ยินคำพูดนี้พอดีก็เม้มริมฝีปากแน่น
คำพูดบางอย่างเขาไม่กล้าพูดออกมา
มีคนในตระกูลเมิ่งอย่างน้อยแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ตายเพราะเมิ่งชิงเสวี่ย
โชคดีที่เขาคิดทัน ไปซื้อโสมจื่อลู่มาก่อน
อิ๋งจื่อจินเป็นคนแซ่อื่น ไม่มีทางอยู่เหนือคนทั้งตระกูลฝูในสายตาของฝูซี
แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องที่ว่าเขาซื้อสมุนไพรมา ไม่ได้ปล้นชิง
ตระกูลฝูยังจะทำอะไรเขาได้
เมิ่งชิงเสวี่ยเจ็บหนักแค่ไหนเขาก็ต้องทำให้อิ๋งจื่อจินตายให้ได้
นายใหญ่เมิ่งขี้เกียจคิดเรื่องพวกนี้ “ผมจะไปดูชิงเสวี่ยหน่อย”
เท้าของเขายังไม่ทันขยับก็มีคนคุ้มกันเข้ามารายงาน
“แย่แล้วครับนายใหญ่!”
นายใหญ่เมิ่งชะงัก “อะไรแย่”
เขาออกไปดูก็เห็นฟู่อวิ๋นเซินยกตัวหัวหน้าทีมคุ้มกันขึ้นมา
เท้าลอยเหนือพื้นแล้ว
นายใหญ่เมิ่งตะลึง พูดด้วยความโมโห “ฟู่อวิ๋นเซิน นายกล้าเหรอ!”
ฟู่อวิ๋นเซินหันไป ดวงตาดอกท้อที่มีรอยยิ้มมาแต่กำเนิดฉายแววอาฆาต “ทำไมจะไม่กล้าล่ะ”