ตอนที่ 601 มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายไป อิ๋งจื่อจินฟื้น
มือของเขาไม่ได้ออกแรงอะไรมากมายก็สามารถทำให้คนคุ้มกันหมดสติไปอย่างง่ายดาย
คนคุ้มกันของตระกูลเมิ่งหมดสติเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น
อย่างไรเสียตระกูลเมิ่งก็ไม่ใช่ตระกูลจอมยุทธ์ วรยุทธ์ของคนคุ้มกันเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณสามสิบปี
ต่อให้ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้แสดงวรยุทธ์ที่แท้จริงก็ยังจัดการเก็บคนคุ้มกันทั้งหมดของตระกูลเมิ่งได้ไม่ยาก
กล้ามเนื้อบนใบหน้านายใหญ่เมิ่งกระตุก พูดเสียงลอดตามไรฟัน “ฟู่อวิ๋นเซิน มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”
เหตุการณ์นี้ได้พาเขาย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน
ตอนนั้นฟู่อวิ๋นเซินยังเป็นเด็กวัยรุ่น ใช้แค่หมัดก็สามารถจัดการสมาชิกสายตรงของตระกูลเมิ่งคนนั้นให้ล้มหมอนนอนเสื่อได้
จากนั้นฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่เคยมาเหยียบบ้านตระกูลเมิ่งอีกเลย ตระกูลเมิ่งก็ไม่รู้ว่าตอนนี้วรยุทธ์ของฟู่อวิ๋นเซินสูงถึงขั้นไหนแล้ว
นายใหญ่เมิ่งคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าฟู่อวิ๋นเซินจะกล้าเข้ามาทำการอุกอาจแบบนี้ในบ้านตระกูลเมิ่ง
แพทย์แผนโบราณมีน้อย จึงได้รับการปกป้องจากทั้งโลกจอมยุทธ์
ต่อให้เป็นอิทธิพลที่เป็นศัตรูต่อกันก็ไม่มีทางลงไม้ลงมือกับแพทย์แผนโบราณ
เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แพทย์ก็สำคัญเสมอ
ฟู่อวิ๋นเซินไม่กลัวโลกจอมยุทธ์เอาเรื่องหรือไง!
ฟู่อวิ๋นเซินปล่อยมือ หัวหน้าคนคุ้มกันหล่นลงบนพื้น
เขาเดินขึ้นหน้า เข้าใกล้นายใหญ่เมิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
บุคลิกท่าทางชวนหวาดกลัว
แข้งขาของนายใหญ่เมิ่งอ่อนแรง ล้มลงไปนั่งบนพื้น “แก แกคิดจะทำอะไร”
เขายังจะมีท่าทีกดดันเอาเรื่องแบบเมื่อครู่อีกที่ไหนกัน ตะโกนเรียกด้วยความตื่นตระหนก “ใครก็ได้! รีบเข้ามาที!”
ไม่นานก็มีกลุ่มคนคุ้มกันเข้ามาอีกกลุ่มหนึ่ง
คนที่นำมาคือเมิ่งจิ่งอวี้
“ฟู่อวิ๋นเซิน!” เมิ่งจิ่งอวี้สีหน้าเปลี่ยน “นายอย่าลืมนะว่าที่นี่คือบ้านตระกูลเมิ่ง!”
“แม้แต่คนของตระกูลเซี่ยยังไม่กล้าทำตัวเหิมเกริมในบ้านตระกูลเมิ่ง นายล่วงเกินตระกูลเมิ่ง วันหน้ายังจะมีแพทย์แผนโบราณคนไหนกล้ารักษาให้นายอีก”
พอได้ยินแบบนั้นฟู่อวิ๋นเซินก็หันไป “เกือบลืมนายไป”
วินาทีถัดมาเมิ่งจิ่งอวี้ยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกดันตัวไปติดกำแพง สองเท้าลอยเหนือพื้น ลำคอถูกล็อกไว้แน่น
ขัดขืนไม่ได้แม้แต่น้อย
ถึงขั้นที่แม้แต่กำลังภายในก็ใช้ไม่ได้
แบบนี้คือถูกล็อกไว้อย่างสิ้นเชิง!
เมิ่งจิ่งอวี้มีสีหน้าตื่นตกใจ พูดเสียงหลง “วรยุทธ์ของนาย…”
อย่างเขาไม่ถือว่ามีพรสวรรค์จอมยุทธ์ แต่ก็ไม่ด้อย ไม่อย่างนั้นไม่มีทางถูกตระกูลจอมยุทธ์ส่งมาที่ตระกูลเมิ่ง
ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม รอยยิ้มเย็นชา สายตาอาฆาต “ตอนนั้นในงานประมูล นายส่งคนไปแย่งสมุนไพรจากเธอใช่ไหม หืม?”
เขายกหมัดหวดเข้าที่ใบหน้าของเมิ่งจิ่งอวี้
ความเจ็บปวดถึงกระดูกแล่นไปทั่วทั้งร่างกาย ราวกับถูกบดละเอียด
เมิ่งจิ่งอวี้กระอักเลือด “ฟู่อวิ๋นเซิน นาย…”
เขาพูดได้ไม่จบ เพราะถูกหมัดของฟู่อวิ๋นเซินอีกครั้ง
หมัดแล้วหมัดเล่า
อย่างไรเสียตระกูลเมิ่งก็เป็นตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีจอมยุทธ์ไม่มาก ไม่มีใครสามารถขัดขวางได้
ถูกรัวหลายสิบหมัด เมิ่งจิ่งอวี้ก็พูดอะไรไม่ได้แล้ว มีเพียงเลือดที่ไหลออกจากมุมปากไม่หยุด ดุจไข่มุกที่สายขาดสะบั้น
ศีรษะของเขาเอียงคล้อย ทนไม่ไหวหมดสติไป
สลบไปอีกหนึ่ง
ภาพเหตุการณ์นี้เหมือนตอนนั้นมาก
นายใหญ่เมิ่งตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม สั่นไปหมดทั้งตัว
“ถึงตาแกแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินพับแขนเสื้อขึ้น เดินเข้าไปหา “ฉันจำได้ว่าตอนนั้นฉันเคยพูดไว้ก่อนไป อย่ามาหาเรื่องฉัน”
เขาก้มตัวเล็กน้อย เอามีดปอกผลไม้ที่หยิบจากบนโต๊ะมาตบหน้านายใหญ่เมิ่ง หัวเราะเสียงเบา “คิดดูนะ แกเองก็แก่ขนาดนี้แล้วทำไมถึงคิดไม่ได้ อยากจะเล่นงานแฟนฉันให้ได้งั้นเหรอ”
นายใหญ่เมิ่งตัวสั่นอีกรอบ
สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินเย็นชา “วางใจได้ เธอไม่มีทางตาย แต่ตระกูลเมิ่งเตรียมเก็บศพแกได้เลย”
เขายกมือขึ้น มีดปอกผลไม้ที่อยู่ในมือปักเข้าที่สะบักของนายใหญ่เมิ่ง
นายใหญ่เมิ่งส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด “ฟู่อวิ๋นเซิน!”
ฟู่อวิ๋นเซินดึงมีดปอกผลไม้ออกแล้วปักเข้าไปอีกครั้ง
สะบักซ้ายถูกแทงทะลุ
เลือดไหลอาบ
นายใหญ่เมิ่งกระอักเลือด “แก แกจบเห่แน่ โลกจอมยุทธ์ไม่มีทางปล่อย โอ๊ย!”
ถูกแทงเข้าอีกครั้ง
นายใหญ่เมิ่งเจ็บจนแม้แต่จะสลบก็ทำไม่ได้
เขาเบิกตาโพลง สีหน้าราวกับจะขาดใจ
ฟู่อวิ๋นเซินดึงมีดปอกผลไม้ออกแล้วโยนเล่น ราวกับกำลังหาตำแหน่งเหมาะๆ อีก
ทันใดนั้นได้มีเสียงตะโกนด้วยความร้อนใจ
“อวิ๋นเซิน หยุดนะ!”
เป็นชายชรา รีบเดินเข้ามาจากประตูหลัง ผมและหนวดเคราขาวโพลนหมดแล้ว
ผู้นำตระกูลเมิ่ง เมิ่งสยง
เมิ่งสยงไม่ใช่คนก่อตั้งตระกูลเมิ่ง เป็นเพียงคนที่อายุมากที่สุดในตระกูลเมิ่งตอนนี้
ปีนี้เขาอายุหนึ่งร้อยสี่สิบปี ถือว่าอายุมากสำหรับแพทย์แผนโบราณ
แต่ก็เป็นเพียงแพทย์แผนโบราณ
สมาชิกสายตรงของตระกูลเมิ่งไม่มีสักคนที่เป็นจอมยุทธ์ ถึงได้ร่วมมือกับตระกูลจอมยุทธ์เพื่อหาเกราะป้องกัน
พอเห็นสภาพอเนจอนาถแบบนี้มือของเมิ่งสยงก็สั่น
เขาปลีกวิเวกมาหลายสิบปีแล้ว
ครั้งล่าสุดที่เขาออกมาก็เพราะฟู่อวิ๋นเซินทำร้ายสมาชิกสายตรงคนหนึ่งของตระกูลเมิ่งจนนอนเป็นผัก
สมาชิกสายตรงคนนี้จวบจนทุกวันนี้ก็ยังไม่ฟื้น อาศัยยาราคาแพงช่วยพยุงชีวิตไว้
แต่หลังจากได้ฟังต้นสายปลายเหตุ เป็นเพราะสมาชิกสายตรงคนนั้นผิดก่อน หาเรื่องใส่ตัวเอง
เขาก็เลยให้ตระกูลเมิ่งหยุดลงมือ ปล่อยฟู่อวิ๋นเซินกลับไปโดยไม่เป็นอะไร
ไม่อย่างนั้นฟู่อวิ๋นเซินในตอนนั้นเพิ่งจะอายุสิบห้าปี ไม่มีทางที่จะไปจากบ้านตระกูลเมิ่งได้ง่ายๆ
เมิ่งสยงสูดลมหายใจเข้าลึก มองนายใหญ่เมิ่งที่ถูกซ้อมจนไม่เหลือสภาพ จากนั้นก็เบนสายตาไปมองผู้อาวุโสใหญ่แล้วถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกนายทำอะไรกันอีก”
ผู้อาวุโสใหญ่เข่าทรุด ตอบด้วยความหวาดกลัว “ท่านผู้นำตระกูล ผมไม่ได้ทำอะไรเลย เมื่อกี้แค่ตรวจร่างกายชิงเสวี่ยแล้วก็ป้อนยาให้”
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมอยู่ๆ นายใหญ่เมิ่งก็หาโสมจื่อลู่มาได้
แต่โสมจื่อลู่ก็มีประโยชน์ต่อชิงเสวี่ยจริงๆ
เมิ่งสยงมองผู้อาวุโสใหญ่ด้วยสายตาสำรวจเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้โกหก จากนั้นก็ถามนายใหญ่เมิ่ง “พูด!”
เขารู้จักฟู่อวิ๋นเซินดีว่าไม่มีทางใช้กำลังส่งเดช
“ผมก็แค่พูดรุนแรงไปไม่กี่ประโยค ผมก็แค่บอกให้เขารอเก็บศพคนในครอบครัวได้เลย!” นายใหญ่เมิ่งสีหน้าดุดัน “ทำไม แค่พูดก็ไม่ได้เหรอ”
ถึงแม้เขาจะรู้ความเคลื่อนไหวของตระกูลฝู จงใจชิงตัดหน้าซื้อโสมจื่อลู่มาก่อน ทั้งยังให้พูดไปแบบนั้น
รักษาเมิ่งชิงเสวี่ยไม่จำเป็นต้องใช้สมุนไพรแค่ชนิดเดียว
แต่อิ๋งจื่อจินจำเป็นต้องใช้สมุนไพรชนิดนี้เท่านั้น
มิฉะนั้นตระกูลฝูไม่มีทางส่งผู้อาวุโสใหญ่ไปซื้อด้วยตัวเอง
เขาจงใจทำแบบนั้น แต่คนอื่นก็จะจับผิดเรื่องนี้ไม่ได้
แต่ใครจะไปรู้ว่าฟู่อวิ๋นเซินจะมาเอาเรื่องถึงบ้าน
แม้แต่เหตุผลก็ไม่มีพูดถึง
พอฟังถึงตรงนี้เมิ่งสยงก็หมดความอดทน
เขายกมือขึ้น ตบไปที่หน้านายใหญ่เมิ่งอย่างแรงหนึ่งที
นายใหญ่บาดเจ็บสาหัสจากฟู่อวิ๋นเซินเมื่อครู่ เดิมก็อ่อนแออยู่แล้ว
พอถูกเมิ่งสยงตบโดยไม่ออมแรงเข้าไปอีกหนึ่งทีก็กระอักเลือด ลมหายใจรวยริน
เมิ่งสยงโมโหมาก ตวาดเสียงใส่ “นายจะซื้อสมุนไพรก็ซื้อสิ ทำไมถึงต้องทำปากดีขนาดนี้ ไม่ปากดีมันจะตายเหรอ”
มิน่าล่ะ
นี่ก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่สมาชิกสายตรงคนนั้นถูกทำร้ายจนนอนเป็นผัก
“ท่านผู้เฒ่าเมิ่ง ท่านเคยช่วยชีวิตผมไว้” ฟู่อวิ๋นเซินยืดตัวตรง “เรื่องของตระกูลเมิ่งผมไม่ขอยุ่งด้วย ผมจะกลับไปเฝ้าคนป่วยแล้ว”
แพทย์ผิดจรรยาบรรณอยู่ในที่ลับ จะประมาทไม่ได้
เมิ่งสยงถอนหายใจ “ฉันจะส่งคนไปช่วยตามหาโสมจื่อลู่ แล้วจะเอาไปให้นายโดยเร็วที่สุด ต้องขอโทษจริงๆ”
“ท่านผู้เฒ่าเมิ่งมีจิตใจที่เมตตา” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “แต่ไม่ต้องแล้วครับ ไม่มีประโยชน์แล้ว”
เมิ่งสยงอึ้ง ยังไม่ทันพูดต่อฟู่อวิ๋นเซินก็ออกไปแล้ว
นายใหญ่เมิ่งที่ล้มกองอยู่บนพื้นได้ยินแบบนี้กลับแอบดีใจมาก
แบบนี้แสดงว่าอิ๋งจื่อจินตายไปแล้ว
หรือไม่ก็ถึงขั้นรักษาไม่ได้อีก
ไม่อย่างนั้นทำไมฟู่อวิ๋นเซินจะไม่ต้องการสมุนไพรแล้ว
เมิ่งสยงพูดด้วยเสียงเย็นชา ไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย “ไสหัวไปคุกเข่าในหอบรรพชน ใครก็ห้ามรักษาให้ ทนไม่ไหวตายไปก็ดี ดูซิตระกูลเมิ่งที่มีนายเป็นคนดูแลมันเละเทะขนาดไหน!”
ในเมื่อผู้นำตระกูลออกมาแล้ว คำสั่งย่อมได้ผลกว่านายใหญ่เมิ่ง
นายใหญ่เมิ่งอ้าปากค้าง ถูกคนคุ้มกันสองคนลากตัวไปที่หอบรรพชน
ผู้อาวุโสใหญ่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น ตัวสั่น
“สืบให้ละเอียด ไปถามคนของตระกูลฝู ตระกูลอัน สมาพันธ์โอสถ” เมิ่งสยงหยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ถามพวกเขาดูว่าทำไมตระกูลเมิ่งของเราถึงได้มีคนตายเยอะแบบนี้”
ถึงแม้ครั้งนี้แพทย์ผิดจรรยาบรรณจะเล่นงานโดยที่ทุกคนตั้งตัวไม่ทัน
แต่เมื่อเทียบกับสามอิทธิพลอื่น คนของตระกูลเมิ่งก็ตายเยอะเกินไป
ทำให้เมิ่งสยงจำเป็นต้องสงสัยว่าในบรรดาคนที่ขึ้นไปฝึกครั้งนี้มีแพทย์ผิดจรรยาบรรณปนอยู่ด้วยหรือเปล่า
แบบนั้นจะยิ่งเป็นเรื่องใหญ่
แพทย์แผนโบราณเดินทางผิดเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณได้ง่ายๆ
หากมีแพทย์ผิดจรรยาบรรณปรากฏหนึ่งคน ไม่นานก็จะพาแพทย์แผนโบราณคนอื่นๆ รอบตัวเดินทางผิดไปด้วย
ผู้อาวุโสใหญ่โล่งอก “รับทราบครับ”
“จากนั้นก็ไปเตรียมตัวเลือกนายใหญ่ตระกูลเมิ่งคนใหม่ด้วย” เมิ่งสยงพูด “ระยะนี้ฉันจะดูแลเรื่องทุกอย่างในตระกูลเมิ่งไปก่อนชั่วคราว”
…
สองวันต่อมา
บ้านตระกูลฝู
อิ๋งจื่อจินค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เธอเอามือบังแดดที่ส่องเข้ามา รู้สึกราวกับอยู่อีกโลกหนึ่ง
“ดื่มน้ำหน่อยไหม” มีมือข้างหนึ่งประคองหลังเธอให้ลุกขึ้น “เป็นไงบ้าง มือยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”
“พอไหว” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง มองข้อมือซ้ายที่ถูกพันไว้ “ฝันยาวด้วย”
“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินยื่นแก้วน้ำให้เธอ “ฝันว่าอะไร”
อิ๋งจื่อจินดื่มน้ำแล้วตอบอย่างไม่รีบร้อน “ฝันเห็นคุณแกล้งฉันจนร้องไห้”
ฟู่อวิ๋นเซินงอนิ้วเขกหน้าผากเธอ ยิ้มพลางพูด “คำพูดที่ว่าฝันในสิ่งตรงกันข้ามท่าจะจริง ดูเอานะ พวกเราสองคนใครกันแน่ที่ถูกแกล้ง”
อิ๋งจื่อจินดื่มน้ำเสร็จก็ขมวดคิ้ว “ช่วงสองวันนี้ที่ฉันสลบมีความเคลื่อนไหวอะไรไหม”
เธอไม่ค่อยสนใจเรื่องอื่นเท่าไร
ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือแพทย์ผิดจรรยาบรรณ
แม้แต่ลูกศิษย์ของฝูซียังถูกแพทย์ผิดจรรยาบรรณจับไปทำยาได้ ก็แสดงให้เห็นว่าโหดเหี้ยมเพียงใด
“ยังไม่มี” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “ตอนนี้โลกแพทย์แผนโบราณต่างป้องกันอย่างเข้มงวด แพทย์ผิดจรรยาบรรณไม่มีทางบุกเข้ามาก่อน”
“ฉันรู้แล้วว่าแพทย์ผิดจรรยาบรรณคือใคร” อิ๋งจื่อจินพูดเสียงขรึม “ถ้าไม่เหนือความคาดหมาย มีความเป็นไปได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ยังต้องการหลักฐานอีกหน่อย”
แววตาของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง “หาไม่ง่าย”
ฝูซีหามาเกือบร้อยปีแล้วก็ยังไม่พบตัวการใหญ่ของแพทย์ผิดจรรยาบรรณ
“ใช่ หาไม่ง่าย” อิ๋งจื่อจินหาว “ก็เลยต้องอาศัยบางอย่าง”
เธอจับฟู่อวิ๋นเซินเพื่อขยับตัว เอื้อมไปหยิบกระเป๋าที่อยู่ตรงหัวเตียง จากนั้นก็ล้วงสติกเกอร์ในกระเป๋าออกมาหลายแผ่น
ฟู่อวิ๋นเซินรับมาดู “ชอบหมูขนาดนี้เลยเหรอ มีแต่สติกเกอร์หมูเหรอ”
“ไม่ใช่ มันเป็นกล้องวงจรปิดขนาดจิ๋วที่ฉันซื้อมาจากหนุ่มหน้าเด็ก ทำรูปหมูเพื่อพรางไว้”
พอเธอพูดแบบนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็เข้าใจแล้ว
เขาหลุดขำเล็กน้อย พูดลากเสียง “เด็กน้อย ฉลาดจริงๆ เลยนะ”
เทคโนโลยีขั้นสูงมักเป็นจุดบอดจุดใหญ่ที่โลกแพทย์แผนโบราณกับโลกจอมยุทธ์มองข้าม
พวกเขาอาจใช้โทรศัพท์มือถือกับคอมพิวเตอร์เป็น แต่กล้องวงจรปิดขนาดจิ๋วแบบนี้ย่อมไม่เคยเห็นมาก่อน
กล้องวงจรปิดเป็นวิธีง่ายๆ แต่ก็ได้ผลดีที่สุด
“ติดที่ไหน”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย “จะมีคนช่วยเอาไปติดแทนพวกเรา”
ขณะพูดเธอก็หาวออกมาอีกครั้ง ดวงตาหงส์ขมุกขมัว พูดเสียงเนือย “ง่วงอีกแล้ว”
“หมอดูกำมะลอ” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะเธอ “พักต่ออีกหน่อยนะ พี่ชายจะอยู่ข้างนอก”
เขาปิดประตูแล้วออกไป
…
อีกด้านหนึ่ง
บ้านตระกูลเมิ่ง
เมิ่งชิงเสวี่ยสะลึมสะลือฟื้นขึ้นมา
เนื่องจากได้สมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลเมิ่งช่วยปกป้อง เธอจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
ที่กระอักเลือดออกไปเยอะเป็นเพราะเดิมทีสุขภาพแย่อยู่แล้ว แถมยังไปลำบากขึ้นเขา
อิ๋งจื่อจินน่าจะตายแล้วหรือเปล่า
เธออดทนต่อความเจ็บปวดบนร่างกาย จงใจรอที่ล่างเขาอยู่นาน
ต่อมาคนอื่นๆ ออกมากันแล้ว แต่กลับไม่เห็นอิ๋งจื่อจิน
เมิ่งชิงเสวี่ยสับสน
เธอบอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร แต่กลับโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก
เมิ่งชิงเสวี่ยนั่งบนเก้าอี้รถเข็น เตรียมออกไป
แต่ประตูถูกเปิดออกก่อน
เมิ่งสยงเดินเข้ามา ด้านหลังมีคนคุ้มกันสองคน
เมิ่งชิงเสวี่ยอึ้ง “ท่านผู้นำตระกูล?”
ในบรรดารุ่นอาวุโส เธอสนิทกับเมิ่งหว่านมาก
เธอเคยเจอเมิ่งสยงแค่ไม่กี่ครั้ง
“เมิ่งชิงเสวี่ย บอกฉันมาตามตรง” เมิ่งสยงมองเธอ สีหน้าไม่ใจดีเหมือนเมื่อก่อน “เธอไปทำอะไรไว้บนเขา”
เมิ่งชิงเสวี่ยหน้าซีด “ท่านผู้นำตระกูลหมายความว่าไงคะ”
เมิ่งสยงน้ำเสียงเย็นชา “ฉันถามเธออยู่”
เมิ่งชิงเสวี่ยก้มหน้า เริ่มไอ “ขอโทษค่ะท่านผู้นำตระกูล หนูสุขภาพไม่ดี เลยไม่ได้สนใจเรื่องอื่นนัก”
“ไม่ยอมรับใช่ไหม” เมิ่งสยงพยักหน้า สีหน้าขรึมลง “ได้”