ตอนที่ 606 ฟาดหน้า ฉีกหน้ากากแพทย์ผิดจรรยาบรรณ
“…”
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องนอน มีเพียงเสียงลมพัดใบไม้เสียดสีที่นอกหน้าต่าง
เงียบจนน่ากลัว
ชิวมั่นหันมาจากโต๊ะเครื่องแป้ง เธอค่อยๆ วางหวีเขาวัวลง แสดงสีหน้าสงสัย “ว่าไงนะ ฉันจะเอาป้ายแทนตัวของเธอไปได้ยังไง”
ขณะพูดเธอก็ยิ้มใจดี “เธอเผลอทำป้ายแทนตัวหล่นหายจนถูกแพทย์ผิดจรรยาบรรณเก็บได้ไม่ใช่เหรอ”
“มือขวาของคุณ” อิ๋งจื่อจินสุขุมใจเย็น ไม่ลนลาน “ลองดูว่ามีรอยดำปรากฏหรือยัง”
ชิวมั่นมองมือขวาของตัวเองทันที แต่กลับไม่พบอะไร
สองวินาทีต่อมาเธอก็เอะใจ สีหน้าเย็นชา “เธอหลอกฉัน!”
“อ่อ โทษทีค่ะ” คำขอโทษของอิ๋งจื่อจินไม่มีความจริงใจแม้แต่น้อย น้ำเสียงแบบขอไปที “คำนวณพลาดไปสามวินาที สาม สอง หนึ่ง”
พอสิ้นสุดเสียงพูด ความเจ็บปวดดุจถูกทิ่มแทงก็แผ่มาจากมือขวา ชิวมั่นสีหน้าเปลี่ยน
ต่อมาแขนขวาของเธอก็ชาหมดทั้งแขน
แต่ชิวมั่นก็ตั้งสติได้เร็ว
เธอหยิบเข็มทองสามเล่มออกมา ผนึกจุดลมปราณของแขนขวา สกัดกั้นไม่ให้พิษแพร่กระจาย
แต่ฝ่ามือขวาของเธอกลับขึ้นริ้วสีดำเต็มไปหมด สภาพน่ากลัวมาก
ชิวมั่นค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ เธอยิ้ม “เก่งมาก เก่งจริงๆ เด็กรุ่นใหม่เก่งจริงๆ ฉันไม่สังเกตเห็นพิษที่อยู่บนป้ายของเธอแม้แต่น้อย”
“ฉันเองก็ไม่คาดคิดว่าเธอจะจงใจวางป้ายแทนตัวไว้ตรงนั้น”
ความผิดพลาดเล็กน้อยสองข้อทำให้เธอเปิดเผยตัวเอง
ซ่อนตัวมาร้อยปี พังหมดก็วันนี้
“เธอรู้ว่าฉันเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ อีกทั้งยังรู้ว่าฉันเป็นทั้งแพทย์แผนโบราณและจอมยุทธ์ ก็ยังจะกล้ามาที่นี่คนเดียวอีกนะ” ชิวมั่นชักสนใจ “มั่นใจสินะว่าฉันไม่มีทางทำอะไรเธอ”
“อิ๋งจื่อจิน ฉันขอยอมให้กับความกล้าของเธอเลยจริงๆ”
“ใช่ ฉันเป็นตัวบงการแพทย์ผิดจรรยาบรรณ แพทย์ผิดจรรยาบรรณที่เป็นลูกน้องฉันมีร่วมพันคน พวกเธอคาดไม่ถึงแน่ว่าเป็นใคร”
เธอพูดออกมาแบบนี้ก็คือไม่ต้องการปกปิดตัวเองอีกต่อไปแล้ว
อิ๋งจื่อจินมองชิวมั่น สีหน้าเรียบเฉย
“อันที่จริงฉันก็แอบเสียดายไม่อยากกำจัดเธอนะ” ชิวมั่นถอนหายใจเบาๆ “เธอรู้หรือเปล่า หลังจากกำจัดเฟิ่งหลาน เธอก็คือนักปรุงยาที่มีพรสวรรค์ที่สุดเท่าที่ฉันเจอมา”
แววตาของอิ๋งจื่อจินเย็นชาลง
เฟิ่งหลานก็คือลูกศิษย์ฝีมือยอดเยี่ยมที่ฝูซีรับไว้คนนั้น
มีพรสวรรค์สูงมากในด้านปรุงยาและฝังเข็ม เลือดก็มีสรรพคุณพิเศษ
เธอกลับมาโลกมนุษย์ครั้งนี้ ได้เจอฝูซี เรื่องที่ฝูซีคุยกับเธอมากสุดก็คือเฟิ่งหลาน
ฝูซีนึกเสียใจและตำหนิตัวเองมาตลอดที่ไม่ได้ปกป้องลูกศิษย์ของตัวเองให้ดี
“พูดถึงเฟิ่งหลาน นั่นก็ตายอย่างน่าเวทนาจริงๆ” ชิวมั่นหัวเราะ “มันก็เรื่องเกือบร้อยปีมาแล้ว ตอนนั้นพวกเราอายุยี่สิบกว่า เป็นเพื่อนกัน เฟิ่งหลานได้เป็นลูกศิษย์ของฝูซี แต่ฉันไม่ได้”
“เฟิ่งหลานจะเอาสิ่งที่ได้เรียนมาสอนฉัน ดังนั้นจนจะตายแล้วเธอก็ยังไม่เชื่อว่าฉันจะเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ”
ชิวมั่นพูดอยู่คนเดียว “ฉันวางยาให้เธอพูดไม่ได้ก่อน ตัดลิ้นของเธอมาทำยา จากนั้นก็ถอนผมทีละเส้น สุดท้ายก็ใส่เลือด”
“ฉันใช้เลือดของเธอปรุงยาชนิดใหม่ ยาตัวนี้มีประโยชน์มาก แก้ได้สารพัดพิษ”
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “คุณรับช่วงต่อสมาพันธ์โอสถก็เพื่อจะได้ทำร้ายอัจฉริยะของโลกแพทย์แผนโบราณได้มากขึ้น”
ต่อมาเธอก็เพิ่งรู้จากผู้อาวุโสใหญ่ว่าสมาชิกของสมาพันธ์โอสถมักทยอยหายไปทีละคน ล้วนเป็นคนที่มีชื่อเสียงติดอันดับทั้งนั้น
แต่ด้วยความที่มีจำนวนไม่มาก จึงไม่มีคนคิดว่าเป็นเพราะแพทย์ผิดจรรยาบรรณ
“ถูกต้อง” ชิวมั่นทำเสียงจึ๊ “ใช่ ยังมีผู้อาวุโสสี่ด้วย ฉันรู้ก่อนแล้วว่าครอบครัวของผู้อาวุโสสี่จะมาที่สมาพันธ์โอสถ ก็เลยไปชิงดักหน้า เขาก็น่าสงสารจริงๆ นะ ลูกชายเขาคุกเข่าขอร้องฉันให้ปล่อยเมียกับลูกเขาไป”
“แต่มีเหรอที่ฉันจะปล่อย ฉันฆ่าเมียของเขาก่อน สุดท้ายถึงฆ่าเขา ต่อมาฉันยังปลอบใจผู้อาวุโสสี่ ให้เงินทำขวัญเขาไปไม่น้อย เขาซาบซึ้งน้ำใจของฉันจนร้องไห้ แต่กลับไม่รู้ว่าฉันนี่แหละคนฆ่าครอบครัวเขา”
ชิวมั่นหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา “น่าตลกใช่ไหมล่ะ”
อิ๋งจื่อจินกำมือ “มิน่าล่ะ”
คนคุ้มกันที่ผู้อาวุโสสี่ส่งไปเป็นคนของสมาพันธ์โอสถ หรือก็คือลูกน้องของชิวมั่น มีแค่ชิวมั่นลงมือถึงจะสะดวกที่สุด
แต่ชิวมั่นก็มีบารมีสูงมากในสมาพันธ์โอสถ ไม่มีคนสงสัยเธอเลย
“เอาล่ะ พูดมาถึงตรงนี้แล้ว อิ๋งจื่อจิน เธอยังมีโอกาส” ชิวมั่นพูดจาอวดดี “แพทย์ผิดจรรยาบรรณกับแพทย์แผนโบราณจะต่างอะไรกัน สิ่งที่แพทย์ผิดจรรยาบรรณอย่างพวกเรามุ่งมั่นก็คือวิชาการรักษาขั้นสุดยอด!”
“ฉันมั่นใจว่าจะบ่มเพาะเธอให้เก่งกว่าฝูซีได้ อีกอย่างถ้าเธอมาเข้าร่วมกับฉัน วันหน้าพวกเราจะไปในที่ที่ดีกว่านี้ได้”
ขณะพูดสายตาของชิวมั่นก็วูบไหวเล็กน้อย “เธอจะต้องคาดไม่ถึงแน่ ที่นั่นเป็นเมืองที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า เงินทองกองเป็นภูเขา โลกแพทย์แผนโบราณเมื่อเทียบกับที่นั่นก็เป็นแค่แหล่งผลิตยาเท่านั้นแหละ”
“คนของที่นั่นต่างหากที่เป็นตัวบงการที่แท้จริงของโลกมนุษย์!”
แววตาของอิ๋งจื่อจินเปลี่ยนไปทันที “ที่ไหน”
เธอแน่ใจได้ว่าสถานที่ที่ชิวมั่นพูดถึงก็คือที่ที่นอร์ตันอยู่
เธอสันนิษฐานได้ว่าชิวมั่นเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ แต่เธอไม่คาดคิดว่าชิวมั่นจะเกี่ยวข้องกับสถานที่ลึกลับแห่งนั้นด้วย
“ฉันจะบอกเธอทำไม” ชิวมั่นหุบยิ้ม สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ท่าทีแบบนี้ของเธอเห็นได้ชัดว่าไม่อยากเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ”
“ฉันไม่อยากเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณจริงๆ” อิ๋งจื่อจินพูด “ยาพวกนั้นที่คุณทำก็น่าขยะแขยงสิ้นดี”
“ดีมาก น่าเสียดายนะอิ๋งจื่อจิน ฉันให้โอกาสเธอได้เลือกแล้ว” ชิวมั่นสายตาเย็นชา แสยะยิ้ม “ฉันพูดไว้ตรงนี้เลยนะ ต่อให้ฉันออกไปบอกว่าฉันเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณก็ไม่มีใครเชื่อหรอก”
“เธอคิดว่าสถานะของเธอในโลกแพทย์แผนโบราณจะสู้ฉันได้เหรอ”
คำพูดนี้เป็นเรื่องจริง
สมาพันธ์โอสถมีประวัติมาร้อยกว่าปี ชิวมั่นเป็นประธานสมาพันธ์คนที่สอง
แพทย์แผนโบราณหลายพันของสมาพันธ์โอสถล้วนให้ความเคารพนับถือชิวมั่นจากใจจริง
ยามปกติชิวมั่นก็คือผู้อาวุโสใจดีที่เป็นห่วงคนรุ่นหลัง
“ใครก็ได้เข้ามาหน่อย!” ชิวมั่นตะโกน “ฉันมองคนผิดไป แพทย์ผิดจรรยาบรรณก็คืออิ๋งจื่อจิน เธอซ่อนตัวเก่งมาก แต่สุดท้ายก็ถูกฉันจับได้ รีบเข้ามาเร็ว!”
ไฟด้านนอกสว่างขึ้นมาทันที มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบ
ผู้อาวุโสใหญ่มาถึงก่อน เขาเปิดประตูเข้ามาก็ตกใจ “ท่านประธาน ว่าไงนะครับ คุณอิ๋งเธอ?”
ชิวมั่นจับแขนตัวเอง พูดเสียงเย็นชา “เมื่อกี้เธอเข้ามาขอคำชี้แนะจากฉัน แต่ในความเป็นจริงต้องการฆ่าปิดปาก โชคดีที่ฉันมีวิชาเหนือกว่าก็เลยหลอกให้เธอเปิดเผยตัวตนได้”
ผู้อาวุโสใหญ่เห็นมือที่เปลี่ยนเป็นสีดำของชิวมั่น ตกใจหน้าถอดสี “ท่านประธานถูกพิษ!”
ขนาดชิวมั่นยังถูกพิษได้ ฝีมือการทำพิษของอิ๋งจื่อจินต้องสูงขนาดไหน
แต่ในเวลาแค่ครึ่งนาทีคนคุ้มกันกับคณะผู้อาวุโสก็มาถึงกันแล้ว
ผู้อาวุโสสี่เกลียดแพทย์ผิดจรรยาบรรณเข้าไส้ เขาเองก็ไม่เคยสงสัยในตัวชิวมั่น
พอเห็นชิวมั่นถูกพิษ เขาก็แค้นมาก “อิ๋งจื่อจิน ที่แท้ก็เป็นเธอจริงๆ! เธอใจดำลงมือกับเด็กทารกได้ยังไง!”
ผู้อาวุโสใหญ่สงสัย “ท่านประธานครับ เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเปล่า เห็นๆ อยู่ว่าในที่ประชุม…”
“ไม่มีการเข้าใจผิด พวกคุณไม่เชื่อคำพูดของฉันเหรอ” ชิวมั่นขัดจังหวะคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ เธอมองต่ำ “จับตัวไว้ ส่งไปที่ศาลสถิตยุติธรรม ที่นั่นมีการลงโทษหลากหลายแบบ เค้นให้เธอพูดเบาะแสของแพทย์ผิดจรรยาบรรณคนอื่นออกมา”
“ครับ!”
คนคุ้มกันเดินเข้าไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ท่านประธานชิวมั่นทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้วนะคะ” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันมาหาคุณคนเดียวจะไม่เตรียมการอะไรเลยล่ะคะ”
ชิวมั่นชะงัก
“อย่าพูดมาก!” ผู้อาวุโสสี่ตวาดเสียงใส่ “จับไว้!”
ชิวมั่นเป็นประธานสมาพันธ์ มีสถานะที่สูงมากสำหรับพวกเขา ใช่ว่าใครจะมาเทียบได้
อิ๋งจื่อจินพับแขนเสื้อขึ้น หว่างนิ้วหนีบวัตถุสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำเอาไว้ชิ้นหนึ่ง
มันคือปากกาอัดเสียง
เธอกดให้เล่นเสียง
บทสนทนาที่คุยกันเมื่อครู่ก็ถูกปล่อยให้ทุกคนได้ฟัง
‘ใช่ ฉันเป็นตัวบงการแพทย์ผิดจรรยาบรรณ แพทย์ผิดจรรยาบรรณที่เป็นลูกน้องฉันมีร่วมพันคน พวกเธอคาดไม่ถึงแน่ว่าเป็นใคร’
‘ยังมีผู้อาวุโสสี่ด้วย ฉันรู้ก่อนแล้วว่าครอบครัวของผู้อาวุโสสี่จะมาที่สมาพันธ์โอสถ ก็เลยไปชิงดักหน้า เขาก็น่าสงสารจริงๆ นะ ลูกชายเขาคุกเข่าขอร้องฉันให้ปล่อยเมียกับลูกเขาไป แต่มีเหรอที่ฉันจะปล่อย’
ผู้อาวุโสสี่ตัวแข็งขึ้นมาทันที เขานิ่งอึ้ง มองชิวมั่นอย่างงงๆ ประหนึ่งถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ
ริมฝีปากสั่น “ท่านประธาน!”
ผู้อาวุโสใหญ่ตั้งสติได้เร็วสุด “ผู้อาวุโสสี่ ยังจะเรียกว่าประธานอีกเหรอ นั่นแพทย์ผิดจรรยาบรรณนะ!”
คนอื่นๆ ก็ตะลึงมาก
สีหน้าของชิวมั่นจากที่ตกใจก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง พูดเสียงลอดตามไรฟัน “ดีมาก อิ๋งจื่อจิน หลอกเล่นงานฉันอีกแล้ว ครั้งนี้ถือว่าเธอโชคดี!”
เธอใช้กำลังภายใน เกิดลมตรงใต้เท้า
เธอเร่งออกไปจากห้องนี้ด้วยความเร็วสูงสุด
ในขณะเดียวกัน แจกันกับข้าวของอื่นๆ ภายในห้องก็ลอยขึ้นเพราะกำลังภายใน เคลื่อนเข้าไปหาทุกคนที่อยู่ละแวกนั้น
ไม่มีทางทำร้ายพวกเขาได้ แต่ก็เพียงพอประวิงเวลาให้ชิวมั่นหนีไปได้ไกล
ผู้อาวุโสใหญ่แทบหยุดหายใจ “กำลังภายในสำแดงภายนอก ปรมาจารย์จอมยุทธ์!”