ตอนที่ 610 มีเกียรติในโลกจอมยุทธ์ เค้าลางอาละวาด
จอมยุทธ์อันดับหนึ่งเฟิงซิว ตอนนี้ไม่มีใครรู้อายุที่แท้จริงของเขา
เพราะจอมยุทธ์รุ่นเดียวกันกับเขาต่างกลายเป็นเถ้าธุลีกันหมดแล้ว
ผู้นำตระกูลเซี่ยก็อายุน้อยกว่าเฟิงซิวหลายสิบปี
ปีนี้อิ๋งจื่อจินเพิ่งจะอายุเท่าไร
เฟิงซิวไม่มีทายาทแม้แต่คนเดียว โลกจอมยุทธ์ก็ไม่มีตระกูลเฟิง
สองคนนี้จึงไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกันได้
“แล้วก็ เป็นเพราะแกแท้ๆ ตอนนั้นไปลักพาตัวคนทำไมถึงได้เจอศาลสถิตยุติธรรมเข้าพอดี” นายใหญ่เซี่ยตวาดใส่ “ตอนนี้ศาลสถิตยุติธรรมไม่ให้ปรมาจารย์จอมยุทธ์ของตระกูลเซี่ยออกไปข้างนอกแล้ว”
เซี่ยเฟิงหุบปาก ไม่พูดอะไรแล้ว
“เอาล่ะ สองพ่อลูกพูดให้น้อยๆ หน่อยเถอะ” คุณนายเซี่ยยกถ้วยยา “หยุดทำให้คนสายอื่นหัวเราะเยาะได้แล้ว”
นายใหญ่เซี่ยเจ็บจนร้องซี้ด “เนี่ยนเนี่ยนล่ะ ออกไปเที่ยวแล้วเหรอ”
“อยู่บ้าน” คุณนายเซี่ยตอบ “เมื่อวานเพิ่งทดสอบวรยุทธ์เสร็จ วรยุทธ์ของเนี่ยนเนี่ยนเจ็ดสิบหกปีแล้ว”
นายใหญ่เซี่ยดีใจมาก “ก้าวสู่ปรมาจารย์จอมยุทธ์ไปครึ่งก้าวแล้ว!”
วรยุทธ์เกินเจ็ดสิบห้าปีก็เท่ากับก้าวสู่การเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์ครึ่งทางแล้ว
ปีนี้เซี่ยเนี่ยนเพิ่งอายุยี่สิบสี่ปีเท่านั้น!
สมกับเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของโลกจอมยุทธ์
“ใช่ค่ะ” คุณนายเซี่ยก็ยิ้ม “เนี่ยนเนี่ยนตั้งใจจริงจัง ลูกเลี้ยงของตระกูลหลินคนนั้นวรยุทธ์เพิ่งจะหกสิบกว่าปี ห่างกันเยอะมาก”
นายใหญ่เซี่ยดีใจสุดๆ “เยี่ยม เยี่ยมมาก ไว้พ่อหายดีจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้เนี่ยนเนี่ยน เชิญทุกคนในโลกจอมยุทธ์มา”
หลินชิงจยากับอิ๋งจื่อจินก็เป็นได้แค่ตัวประกอบของเซี่ยเนี่ยนเท่านั้น
…
เมืองตี้ตู
บ้านตระกูลจี้
อิ๋งจื่อจินอาบน้ำเสร็จเดินออกมา เธออยู่ในชุดนอน ผมเปียกชื้น
ฟู่อวิ๋นเซินหยิบผ้าขนหนูเริ่มเช็ดผมให้เธอ ยิ้มพลางพูดแซว “แฟนสาว นี่เป็นการอ่อยหรือเปล่า”
อิ๋งจื่อจินหันมองเขา “ฉันยังไม่ได้เริ่มเลย”
“งั้นไม่ต้องเริ่มหรอก” ฟู่อวิ๋นเซินหยุดเล็กน้อย “พี่ชายห้ามใจตัวเองไม่เก่ง เดี๋ยวจะกลายร่างเป็นสัตว์ป่าเอาได้”
พอเขาเช็ดผมให้เธอเสร็จก็นั่งดูทีวีด้วยกัน
โทรศัพท์มือถือดังขึ้นในเวลานี้ เป็นวิดีโอคอลผ่านทางวีแชท
ฟู่อวิ๋นเซินหันมามอง “ลูกชายเธอ”
“คุณรับเถอะ” อิ๋งจื่อจินลุกขึ้น “ฉันจะไปเปลี่ยนชุด”
ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้าแล้วกดปุ่มรับสาย
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาปรากฏขึ้นบนหน้าจอในระยะประชิด เล่นเอาเจียงหรานที่อยู่ปลายสายถึงกับสะดุ้งตกใจ “คะ คุณชายเจ็ด”
“อืม ฉันเอง เดี๋ยวพ่อนายมา”
เจียงหรานช็อก
หืม?
นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว
พ่อเขากับฟู่อวิ๋นเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหรอ
ส่วนเขา ยังคงเป็นชายโสดต๊อกต๋อย
คนเรามันต่างกันได้ขนาดนี้
อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกมารับโทรศัพท์ “มีเรื่องอะไร”
“อ๋อๆๆ ใช่ พ่ออิ๋ง ดูนี่สิ” เจียงหรานหยิบอุปกรณ์ทดสอบให้เธอดู “วรยุทธ์ฉันสามสิบห้าปีแล้ว เพิ่งสำเร็จได้ไม่นานมานี้”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว ครั้งนี้ไม่ได้ตอบแบบขอไปที “ใช้ได้ เก่งนี่ ก้าวหน้าเร็วมาก”
“เฮ้อ ก็ยังห่างชั้นกับพ่ออิ๋งอีกเยอะ พ่ออิ๋ง เป็นอัจฉริยะที่มีเกียรติในโลกจอมยุทธ์รู้สึกยังไงบ้าง”
“น่าเบื่อ”
“…”
ชื่อเสียงของอิ๋งจื่อจินโด่งดังไปทั่วโลกจอมยุทธ์
จอมยุทธ์หลายคนไม่รู้ว่าเธอหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเธอ
เจียงหรานพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ “พ่ออิ๋ง สุดสัปดาห์ฉันมีการประลองเลื่อนระดับ พ่ออิ๋งพอจะมาดูได้หรือเปล่า”
คนคุ้มกันของศาลสถิตยุติธรรมก็มีการแบ่งระดับ
ระดับหนึ่งสูงสุด ระดับห้าต่ำสุด
ตอนนี้เจียงหรานเป็นคนคุ้มกันระดับห้า
หากต้องการเลื่อนระดับก็ต้องเข้าร่วมการประลอง
อายุเฉลี่ยของคนคุ้มกันระดับสี่อยู่ที่หกสิบปีขึ้นไป หากเจียงหรานเลื่อนระดับได้สำเร็จ เขาก็จะทำลายสถิติของศาลสถิตยุติธรรม
“ได้” อิ๋งจื่อจินรับปาก “ฉันจะไปดู”
“งั้นก็ดีเลย” เจียงหรานถูมือ “พ่ออิ๋ง พนันข้างฉันชนะได้เลย ฉันจะทำเงินให้พ่ออิ๋งได้เยอะแน่นอน”
ฟู่อวิ๋นเซินหันไปยิ้มพลางพูด “เยาเยา ลูกชายเธอรู้ใจเธอดีนะ”
“คุณชายเจ็ดก็มาด้วยสิ” เจียงหรานกระแอมสองที พูดเสียงเบา “ผมจะบอกให้นะ มีหลายคนในโลกจอมยุทธ์อยากสู่ขอพ่ออิ๋ง แค่บ้านผมก็หลายคนแล้ว คุณชายเจ็ดต้องมาแสดงความเป็นเจ้าของ”
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “เดี๋ยวนะ นายควรเรียกฉันว่าอะไร”
“ผม…” เจียงหรานอ้าปาก พูดพึมพำ “จะให้เรียกแม่ก็ไม่ได้หรือเปล่า”
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินจ้องเขม็ง
กดดันขั้นสุด
พอเจอสายตาแบบนี้เข้าไป เจียงหรานก็พูดโดยไม่ต้องคิด “พ่อฟู่”
“เด็กดี”
เจียงหราน “…”
โว้ย หมดกัน
ถ้าพ่อเขารู้ว่าเขาไปนับถือคนอื่นเป็นพ่ออีกแล้ว ต้องเอาเขาตายแน่
เจียงหรานราวกับเห็นรอยยิ้มใจดีของหลิงฉงโหลว
“เห็นแก่ที่นายว่านอนสอนง่ายแบบนี้ ฉันกับพ่ออิ๋งจะไปดูนาย” ฟู่อวิ๋นเซินพิงโซฟา “ทำให้ดี เลื่อนระดับได้มีรางวัลให้ไม่น้อย”
เจียงหรานอึ้ง “ทำไมผมไม่เห็นรู้เลยว่าเลื่อนระดับผ่านมีรางวัลด้วย ศาลสถิตยุติธรรมไม่เห็นบอก”
ฟู่อวิ๋นเซินสีหน้าเรื่อยเปื่อย “ฉันจะให้รางวัลนาย”
เจียงหราน “…”
เขาก็คิดว่าศาลสถิตยุติธรรมมีรางวัลให้เสียอีก
แต่ฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจินมาดูเขาประลองได้เขาก็ดีใจมากแล้ว
เจียงหรานวางสายแล้วไปฝึกต่อ
…
สองวันต่อมา
ศาลสถิตยุติธรรม
บริเวณพื้นที่ของทีมคุ้มกัน
เจียงหรานกำลังตั้งใจฝึกอย่างจริงจัง ระหว่างนั้นได้รับข้อความวีแชทจากหลิงเหมียนซี
พี่สาวที่น่ากลัว : [ไฮ น้องหรานหราน ตอนเย็นพี่ไปรับ อยากกินอะไร]
เจียงหรานรู้สึกแปลกใจ กำลังคิดอยู่ว่าทำไมอยู่ๆ หลิงเหมียนซีก็ใจดี
ทันใดนั้นก็มีมือของใครคนหนึ่งมาจับโทรศัพท์มือถือของเขาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงยิ้มเยาะ “โอ๊ะ ไอ้หนุ่ม มีมือถือด้วย ขอฉันเล่นหน่อยสิ”
เจียงหรานกำโทรศัพท์มือถือแน่น มองจอมยุทธ์คนตรงหน้าด้วยสายตาหวาดระแวง “คิดจะทำอะไร”
เขารู้จักเฉียวตง
การประลองในสุดสัปดาห์นี้ เฉียวถิงที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาก็คือหลานชายของเฉียวตง
เฉียวตงเป็นคนคุ้มกันระดับสองของศาลสถิตยุติธรรม ปีนี้อายุแปดสิบปี อยู่ในช่วงวัยฉกรรจ์ของจอมยุทธ์ วรยุทธ์หกสิบปีแล้ว
ส่วนตระกูลเฉียวก็เป็นตระกูลขนาดกลางของโลกจอมยุทธ์ ศักยภาพโดยรวมไม่ด้อยไปกว่าตระกูลหลิง
“ฉันอยากทำอะไรน่ะเหรอ” เฉียวตงหัวเราะ “ฉันอยากให้นายเข้าร่วมการประลองไม่ได้ ฉันมีทางเลือกให้ นายจะยอมถอนตัวไปเอง หรืออยากให้ฉันกำจัดออก”
เจียงหรานทำหน้าดุดัน “ฝันไปเถอะ”
“ไอ้หนุ่มแซ่เจียง อย่าคิดว่าเข้าทีมคุ้มกันได้แล้วก็จะได้เสวยสุข” เฉียวตงมีสีหน้าเย็นชา “นายมันก็เป็นแค่เด็กหน้าใหม่ของที่นี่ รู้จักที่ต่ำที่สูงหรือเปล่า”
ขณะพูดเขาก็ตบมือ หัวเราะ “อายุยังไม่ถึงยี่สิบก็มีวรยุทธ์สามสิบห้าปีแล้ว เก่งจริงๆ เลยนะ”
โดยทั่วไปจอมยุทธ์ที่จะถูกเรียกว่าเป็น ‘อัจฉริยะ’ ได้จะมีมาตรฐานกำหนดอยู่
ก็คือความแตกต่างระหว่างอายุกับวรยุทธ์จะต้องน้อยกว่าห้าปี
อย่างไรเสียจอมยุทธ์ส่วนใหญ่กว่าจะฝึกรวบรวมกำลังภายในสำเร็จได้ก็ตอนอายุสิบกว่าปี
หากก้าวหน้ายิ่งกว่านั้นก็ย่อมเป็นอัจฉริยะ
แต่เจียงหรานเร็วกว่าแบบหลายเท่า
อัจฉริยะเหนืออัจฉริยะ
แต่ประเด็นสำคัญที่สุดคือ แม่ของเขาไม่ใช่จอมยุทธ์ แต่เขากลับมีพรสวรรค์จอมยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้
เดิมทีตระกูลขนาดกลางขึ้นไปในโลกจอมยุทธ์ไม่ได้เห็นเจียงหรานอยู่ในสายตา ในรายชื่ออัจฉริยะก็ไม่มีชื่อของเขา
เพราะพวกเขารู้ว่ากำลังภายในของเจียงหรานแปรปรวน จะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหนก็ยังเป็นปัญหา
ใครจะไปรู้ว่าเจียงหรานกลับมาเป็นปกติแล้ว แถมวรยุทธ์ยังเพิ่มขึ้นเร็วด้วย
“แต่แล้วไงล่ะ” เฉียวตงจับเจียงหรานยกขึ้น “นายก็ยังต้องอ้อนวอนขอชีวิตจากฉันหรือเปล่า เก่งนักก็เอาชนะฉันให้ได้สิ จริงสิ นายจะขอร้องฉันก็ได้ พูดสิ”
เจียงหรานกัดฟัน ไม่พูดแม้แต่คำเดียว
เฉียวตงเห็นเขาไม่ยอมร้องขอชีวิต สายตาก็ขรึมลงในทันที
เขากระชากผมเจียงหรานแล้วยกตัวดันไปติดกับกำแพง
ตึง หัวของเจียงหรานกระแทกกำแพง
แรงกระแทกหนักมาก กำแพงเกิดรอยร้าว
เฉียวตงไร้ความปรานี จับอัดเข้ากำแพงหลายรอบ
เลือดไหลออกจากศีรษะของเจียงหราน สภาพชวนสะพรึง
ไม่นานเขาก็อยู่ในอาการสลบไสล
แต่เขาไม่ตะโกนแม้แต่คำเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
พอเห็นแบบนี้คนคุ้มกันอีกคนที่อยู่ข้างๆ ก็ยกมือห้าม “พี่ตง อย่าทำตายนะ ถ้าพี่ทำมันตายเดี๋ยวจะถูกลงโทษ”
ระหว่างคนคุ้มกันด้วยกันมีกระทบกระทั่งบ้างไม่เป็นไร แต่ถ้าตายจะเป็นเรื่อง
เจียงหรานเป็นคนคุ้มกันระดับห้า ระดับความสำคัญในศาลสถิตยุติธรรมสู้เฉียวตงไม่ได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเฉียวตงยังรู้จักกับฮู่ฝ่าซ้ายด้วย
“ไม่ตายหรอก ไปเถอะ น่าเบื่อ” เฉียวตงไม่แคร์ “อ่อนแอจริงๆ ถุย ยังจะมาพูดว่าวรยุทธ์สามสิบห้าปี ต่อหน้าฉันมันก็แค่ไอ้กระจอก”
เขาก็อยากจะรอดูว่าสุดสัปดาห์นี้เจียงหรานยังจะขึ้นประลองได้อีกหรือเปล่า
…
เวลาเย็น
บ้านตระกูลหลิง
อิ๋งจื่อจินรับปากเจียงหรานว่าจะไปดูเขาขึ้นประลองจึงมาล่วงหน้าหนึ่งวัน
แตกต่างจากเมื่อก่อน บรรยากาศในตระกูลหลิงตึงเครียด
พ่อบ้านหลิงวิ่งออกมา ดวงตาแดงก่ำ แต่เขาก็ยังพยายามฉีกยิ้ม “คุณอิ๋งมาแล้วเหรอครับ ทำไมไม่บอกล่วงหน้าก่อน พวกเราไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย”
สายตาของอิ๋งจื่อจินเย็นชา “เกิดอะไรขึ้นคะ”