ตอนที่ 611 อยากอัดก็อัด ต้องดูฤกษ์ยามด้วยเหรอ
พอได้ยินแบบนี้พ่อบ้านก็ลังเล
ถ้าเป็นอิ๋งจื่อจินคนก่อน เรื่องแบบนี้ไม่ควรดึงเธอเข้ามาเกี่ยวด้วย
แต่ตอนนี้เธอเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งของโลกแพทย์แผนโบราณ ตระกูลหลิงเท่ากับปีนขึ้นที่สูงแล้ว
“คุณชายน้อยได้รับบาดเจ็บตอนฝึกกับคนคุ้มกันคนอื่นในศาลสถิตยุติธรรมครับ” สุดท้ายพ่อบ้านหลิงก็ยอมบอก “แต่นายใหญ่กับคุณนายได้เชิญแพทย์แผนโบราณมาตรวจดูแล้ว ไม่เป็นไรแล้วครับ”
“ดูจากท่าทางของคุณน่าจะไม่ได้แค่เจ็บนิดหน่อย” อิ๋งจื่อจินพูด “ฉันจะไปดูหน่อย”
“คุณอิ๋ง!” พ่อบ้านร้อนใจ ยกมือห้าม
แต่ชั่วขณะนั้นเขารู้สึกว่าร่างกายชาไปทั้งตัว กำลังภายในก็ปล่อยออกมาไม่ได้
กว่าเขาจะกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง อิ๋งจื่อจินก็เดินผ่านห้องโถงใหญ่เข้าห้องด้านในไปแล้ว
พวกคนรับใช้ของฝ่ายหลิงฉงโหลวต่างรู้จักอิ๋งจื่อจิน ย่อมไม่มีทางขวางเธอ
พ่อบ้านหลิงตามไปติดๆ ไม่มีเวลาคิดว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกับเขา
ตระกูลหลิงแตกต่างจากตระกูลจอมยุทธ์ตระกูลแพทย์แผนโบราณตระกูลอื่น การออกแบบภายในบ้านค่อนไปทางสมัยใหม่ เป็นสไตล์เรียบง่ายติดหรูนิดหน่อย ให้ความรู้สึกที่สบายตา
ภายในห้องนอนของเจียงหราน
หลิงฉงโหลว เจียงฮว่าผิง หลิงเหมียนซี อยู่กันหมด
ทั้งสามคนนั่งอยู่ขอบเตียง สีหน้าหนักใจ
เจียงหรานนอนอยู่บนเตียง มีผ้าก๊อซพันอยู่บนศีรษะหลายชั้น
เลือดหยุดไหลแล้ว แต่ยังคงมองเห็นเลือดแดงสดที่ซึมออกมา
“นายใหญ่ คุณนาย ผมประคองอาการบาดเจ็บของคุณชายน้อยให้อยู่ตัวได้แล้วครับ” แพทย์แผนโบราณเช็ดเหงื่อ ดึงเข็มทองออก “แต่ส่วนศีรษะของเขาได้รับการกระแทกรุนแรงเกินไป จะฟื้นได้ไหมก็ยังไม่รู้ครับ”
เจียงฮว่าผิงพูดเสียงเบา น้ำตาร่วงในทันที “ยังไม่รู้เหรอคะ”
“นี่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของเขาด้วยครับ” แพทย์แผนโบราณลำบากใจ “คุณนายครับ ความสามารถผมมีเท่านี้ ขอโทษด้วยครับ”
แพทย์แผนโบราณมีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของจอมยุทธ์ แพทย์แผนโบราณที่ฝีมือดีล้วนถูกตระกูลใหญ่ๆ ในโลกจอมยุทธ์ดึงตัวไปหมดแล้ว
ตระกูลขนาดกลางอย่างตระกูลหลิงมีแพทย์แผนโบราณมาประจำอยู่บ่อยครั้งได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
ถ้าเป็นแพทย์แผนโบราณของสำนักเทียนอีคงทำให้เจียงหรานฟื้นได้ไม่ยาก
เจียงฮว่าผิงเป็นคนที่เข้มแข็งขนาดไหน ทั้งๆ ที่ไม่มีวรยุทธ์ แต่ก็กล้าที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูเพียงลำพัง
อิ๋งจื่อจินเคยเจอเจียงฮว่าผิงหลายครั้ง เธอมักมีรอยยิ้มอยู่เสมอ แม้จะบาดเจ็บก็ตาม
แต่ตอนนี้เธอกำลังร้องไห้
อิ๋งจื่อจินเดินขึ้นหน้าเข้าไปถาม “เกิดอะไรขึ้น”
“ตอนเย็นฉันไปรับเขาที่ทีมคุ้มกันศาลสถิตยุติธรรม” หลิงเหมียนซีถอนหายใจ “คนคุ้มกันระดับห้าที่สนิทกับเขาบอกว่า หลังกินข้าวกลางวันเสร็จก็ไม่เห็นเขาอีกเลย”
ศาลสถิตยุติธรรมมีให้กินให้อยู่ และมีวันหยุดให้
คนคุ้มกันทุกคนจะได้หยุดอาทิตย์ละหนึ่งวัน
พรุ่งนี้ถึงวันหยุดของเจียงหรานพอดี เธอจึงไปรับเขา
“ฉันถามอยู่หลายคน สุดท้ายไปถามคนดูแล บอกว่าเขาไปฝึกอยู่ที่ภูเขาด้านหลัง ฉันก็เลยไปดู” หลิงเหมียนซีพูดเสียงเบา “เขานอนสลบอยู่บนพื้น เลือดบนหัวแข็งตัวแล้ว”
“ฉันไม่กล้าแตะต้องเขา กลัวจะยิ่งทำให้เจ็บหนัก เลยเรียกแพทย์แผนโบราณสองคนในบ้านไปหามเขากลับมา”
แค่ฟังดูอิ๋งจื่อจินก็รู้แล้วว่าเจียงหรานบาดเจ็บสาหัสขนาดไหน
มือของเธอชะงัก พับแขนเสื้อขึ้นแล้วนั่งลง “ป้าเจียง ลุงหลิงคะ เดี๋ยวหนูลองดูค่ะ”
เจียงฮว่าผิงถึงได้เอะใจว่ามีคนเพิ่มเข้ามาในห้อง เธอเงยหน้าทันที พูดด้วยความตะลึง “จื่อจิน เธอ…”
พอได้ยินแบบนี้แพทย์แผนโบราณที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจ “คุณอิ๋งเหรอ? คุณก็คือคุณอิ๋งเหรอครับ!”
เขามีบุญขนาดไหนที่ได้เจออัจฉริยะอันดับหนึ่งของโลกแพทย์แผนโบราณที่นี่
หลังจากอิ๋งจื่อจินใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อที่มือเสร็จก็พูดขึ้น “เข็ม”
แพทย์แผนโบราณรีบหยิบกล่องเข็มทองกับเข็มเงินยื่นให้
เขามองอิ๋งจื่อจินปักเข็มอย่างไม่ละสายตา เข็มแล้วเข็มเล่า อยากดูว่ามีจุดไหนบ้าง
แต่จนถึงสุดท้าย ด้วยความที่อิ๋งจื่อจินปักเข็มเร็วมาก แพทย์แผนโบราณคนนี้มองจนตาลาย
วิธีฝังเข็มแบบนี้กลับทำให้เขานึกถึงบันทึกในหนังสือ
เขาตกใจ “คุณอิ๋งใช้วิชาศาสตร์มืดสิบสามเข็มเหรอครับ”
ศาสตร์มืดสิบสามเข็มเป็นสุดยอดวิชาของสำนักเทียนอี
“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินตอบ “ไม่ได้ใช้นานแล้ว ไม่คล่องเท่าไร”
พอเธอปักเข็มเสร็จก็หยิบยาออกมาสองเม็ด ให้หลิงฉงโหลวป้อนเจียงหราน
สามสิบนาทีต่อมาอิ๋งจื่อจินก็ดึงเข็มออก
ผ่านไปไม่กี่นาทีเจียงหรานก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
พอได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง เขายังรู้สึกเหมือนฝันอยู่
เจียงหรานมองหลิงฉงโหลวแล้วมองอิ๋งจื่อจิน เขาอึ้ง “พ่อทั้งสองของผมเหรอ”
หลิงเหมียนซีโล่งอก
ล้อเล่นได้ก็แสดงว่าสมองยังปกติอยู่
หลิงฉงโหลวพูดด้วยเสียงที่อ่อนลง “ฝีมือใคร บอกพ่อมา”
ในที่สุดเจียงหรานก็ตั้งสติได้
แต่เขาปิดปาก ไม่พูดสักคำ
หลิงฉงโหลวพูดอย่างใจเย็น “ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น รีบบอกพ่อมา”
เจียงหรานยังคงไม่พูด
อิ๋งจื่อจินก็มองเขา “พูดมา ใครทำ”
เจียงหรานอ้าปากแล้วก้มหน้า ตอบอย่างไม่เต็มใจเท่าไร “ตระกูลเฉียว เฉียวตง”
“ตระกูลเฉียวเหรอ” หลิงฉงโหลวไม่เอาเรื่องที่เจียงหรานยอมหงอง่ายๆ เขาขมวดคิ้ว “ตระกูลเฉียวที่อยู่ใต้อาณัติตระกูลฝานน่ะเหรอ”
ตระกูลฝานเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของโลกจอมยุทธ์
ถึงแม้จะสู้สามตระกูลอย่างหลิน เซี่ย และเย่ว์ไม่ได้ แต่ก็จัดอยู่ในสิบอันดับแรก
เจียงหรานพยักหน้า “อืม เขาอายุแปดสิบแล้ว ผมสู้เขาไม่ได้”
เจียงฮว่าผิงฟังจบก็โมโหจนหัวเราะ “อายุแปดสิบปีมารังแกลูกชายฉันที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ ตระกูลเฉียวยังมียางอายไหม”
ปกติจอมยุทธ์ที่อายุเยอะจะไม่มีทางยุ่งเรื่องของเด็กๆ
ยกเว้นตระกูลเซี่ย แต่ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับตระกูลเซี่ย
อิ๋งจื่อจินถามต่อ “ทำไมเขาต้องซ้อมนายด้วย”
“เพราะ…เพราะการประลองสุดสัปดาห์” เจียงหรานตอบเสียงเบา “คนคุ้มกันที่ต้องสู้กับฉันชื่อเฉียวถิง เป็นหลานชายแท้ๆ ของเฉียวตง เฉียวตงอยากให้ฉันถอนตัวจากการประลองเพื่อที่หลานชายของเขาจะได้ชนะ ฉันไม่ยอม เขาก็เลยบอกว่าจะซ้อมฉันให้หนัก”
เจียงฮว่าผิงโมโหมือสั่น “หลานชายของเขาก็อายุห้าสิบหกสิบแล้วหรือเปล่า”
เจียงหรานพยักหน้าอีกครั้ง
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้ายังคงเรียบเฉย “ได้ เข้าใจแล้ว”
หลิงเหมียนซีค่อยๆ ยืนขึ้น กำมือแน่น สายตาเคียดแค้น “เฉียวตงใช่ไหม ฉันจะไปฆ่ามัน!”
เธอถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดีมาจนโต เจียงหรานยิ่งกว่า
เจียงหรานทำตัวเอาแต่ใจตั้งเล็กจนโต
แต่แก่นแท้ของเขาเป็นคนจิตใจดี อีกทั้งยังไม่เคยบาดเจ็บแบบนี้
“เหมียนซี!” เจียงฮว่าผิงจับหลิงเหมียนซีไว้ พูดเสียงขรึม “เหมียนซี ไปไม่ได้นะ มีคนจับตาดูเธอเยอะแยะ เธอห้ามบุ่มบ่ามบุกเข้าไป”
“นั่นสิพี่” เจียงหรานไอ “ผมบาดเจ็บนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าพี่เป็นอะไรตระกูลหลิงจะทำไง”
“แล้วไงล่ะ จะปล่อยให้นายถูกซ้อมฟรีๆ เหรอ ฉันทนไม่ไหวหรอกนะ” หลิงเหมียนซีหน้านิ่ว “แต่ก็มีเหตุผล ฉันบุ่มบ่ามบุกไปหาไม่ได้ งั้นฉันจะแอบเข้าไป”
อิ๋งจื่อจินกอดอก “อืม เราไปด้วยกัน แอบเข้าไป”
หลิงฉงโหลว “…”
เจียงฮว่าผิง “…”
เจียงหราน “?”
อะไรกัน
“ยังไงก็ต้องไปหาตระกูลเฉียว” หลิงฉงโหลวยืนขึ้น “พวกเธอไม่ต้องไป ลุงไปเอง”
เจียงฮว่าผิงสีหน้าเปลี่ยน จับเสื้อเขาไว้ “ฉงโหลว”
“ไม่เป็นไร” หลิงฉงโหลวปลอบใจเธอ “เสี่ยวฮว่า ผมไม่มีทางเป็นอะไร”
หลิงฉงโหลวเดินออกไปพร้อมพ่อบ้านหลิง
บรรยากาศภายในห้องนอนยังคงตึงเครียด
เจียงฮว่าผิงถอนหายใจ ยืนขึ้น เดินไปห้องครัวที่อยู่ติดกันเพื่อเตรียมอาหาร
เจียงหรานดื่มน้ำแล้วพูดขึ้น “พ่ออิ๋ง สาเหตุที่แม่ห้ามพ่อไว้เป็นเพราะครอบครัวเรามีความขัดแย้งภายในเยอะ เธอไม่เห็นเหรอว่าทุกครั้งเวลาเธอมา พ่อจะให้เธอเข้าทางประตูข้าง”
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย “เห็นแล้ว”
“สมาชิกสายอื่นรอจับผิดพ่อฉันอยู่ เพื่อดึงลงจากตำแหน่ง” เจียงหรานเม้มริมฝีปาก “ตระกูลเฉียวกับตระกูลหลิงทัดเทียมกัน แต่พวกเขามีตระกูลฝานหนุนหลัง สถานะก็เลยสูงกว่า”
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว” หลิงเหมียนซียืนขึ้น “พักผ่อนให้ดี พี่ปกป้องนายอยู่”
เจียงหรานซึ้งใจ “พี่ ผมอยาก…”
“อย่าแม้แต่จะคิด”
“…”
…
บ้านตระกูลเฉียว
หลิงฉงโหลวพาคนคุ้มกันบุกเข้าไป
“ที่แท้ก็ฉงโหลวนี่เอง” นายใหญ่เฉียวมองมา ลุกขึ้นยืน “ทำไมอยู่ๆ วันนี้มาถึงบ้านตระกูลเฉียวของฉันได้ล่ะ มีธุระอะไรหรือเปล่า”
“แต่นายบุกมาแบบนี้ ไม่เหมือนมาเป็นแขกเลยนะ”
“ฉันมาทำอะไร นายรู้ดีแก่ใจ” หลิงฉงโหลวพูด “คนอายุแปดสิบรังแกคนอายุยี่สิบ สนุกมากเหรอ”
นายใหญ่เฉียวไม่คิดแบบนั้น “เรียกรังแกได้ยังไง ระหว่างคนคุ้มกันของศาลสถิตยุติธรรมแลกเปลี่ยนวิชากันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ เฉียวตงก็แค่ชี้แนะลูกชายนาย แค่นี้ก็ต้องเก็บมาเคียดแค้นด้วยเหรอ”
น้ำเสียงของหลิงฉงโหลวเย็นชาลง “ชี้แนะเหรอ อยากตายใช่ไหม!”
เขาลงมืออย่างรวดเร็ว วินาทีถัดมาก็คว้าคอเสื้อนายใหญ่เฉียวขึ้นมา
นายใหญ่เฉียวตกใจ แต่ใบหน้ากลับยังสงบนิ่ง
“หลิงฉงโหลว นายจะลงไม้ลงมือกับฉันเคยนึกถึงปัญหาข้อหนึ่งหรือเปล่า” เขายิ้มอย่างใจเย็น “ตอนนั้นนายแต่งงานกับคนธรรมดา คณะผู้อาวุโสตระกูลหลิงก็ไม่พอใจในตัวนายอยู่แล้ว”
“ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ตระกูลหลิงของนายมีความขัดแย้งตั้งเท่าไร มีตั้งกี่คนที่จับจ้องตำแหน่งนายใหญ่ของนายอยู่”
สีหน้าของหลิงฉงโหลวเย็นชามากขึ้น
“นายลองคิดดูนะ ถ้านายลงมือกับตระกูลเฉียวของฉัน คิดว่าตัวเองยังจะนั่งตำแหน่งนายใหญ่ได้อย่างมั่นคงอีกเหรอ” นายใหญ่เฉียวหัวเราะได้ใจ “ถ้านายไม่มีตำแหน่งนายใหญ่แล้ว ลำพังแค่ฝีมือครึ่งๆ กลางๆ ไปไม่ถึงขั้นปรมาจารย์จอมยุทธ์ของนาย คิดว่ายังจะปกป้องเจียงฮว่าผิงได้อีกเหรอ”
ชื่อเสียงของเจียงฮว่าผิงโด่งดังพอสมควร
เป็นคนธรรมดาที่ได้เป็นนายหญิงตระกูลหลิง เดิมทีก็ทำให้ตระกูลจอมยุทธ์ตระกูลอื่นตะลึงมากอยู่แล้ว
โดยเฉพาะรูปร่างหน้าตาที่งดงามของเธอ เป็นหญิงงามแบบที่หาได้ยากในโลกจอมยุทธ์
จอมยุทธ์ฆ่าฟันกันเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งยังสืบทอดธรรมเนียมปฏิบัติแบบโบราณ ปกครองโดยให้สิทธิ์ผู้ชายอย่างสิ้นเชิง สถานะของผู้หญิงต่ำกว่า
อย่าว่าแต่ตระกูลเซี่ยเลย ต่อให้เป็นตระกูลจอมยุทธ์ตระกูลอื่น ถ้าถูกใจผู้หญิงคนไหนก็จะใช้วิธีบังคับชิงตัวกลับไป
เว้นเสียแต่จะมีความสามารถติดตัวอย่างอิ๋งจื่อจินหรือหลิงเหมียนซี
แต่เจียงฮว่าผิงเป็นคนธรรมดาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
หลิงฉงโหลวสูดลมหายใจเข้าลึก เส้นเลือดปูดที่มือ
“ฉงโหลว อดทนไว้เดี๋ยวก็ผ่านไป” นายใหญ่เฉียวสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของหลิงฉงโหลว เขาพูดต่อ “ถ้าไม่มีอำนาจ ก็ทำได้แค่อดทน นายว่าฉันพูดถูกไหม”
“ใช่ ถูกต้อง” หลิงฉงโหลวก็หัวเราะ ยิ้มอย่างอาฆาตแค้น “ฉันอัดนายไม่จำเป็นต้องดูฤกษ์”
นายใหญ่เฉียวขมวดคิ้ว “ว่าไงนะ”
เขายังไม่ทันจะได้ตั้งตัวก็ถูกหลิงฉงโหลวตบหน้า
ตบนี้มีแรงมหาศาล นายใหญ่เฉียวถึงกับเบลอไปชั่วขณะ
ตามมาด้วยตบอีกหนึ่งฉาด
ตบจนกระทั่งนายใหญ่เฉียวกระอักเลือด หลิงฉงโหลวถึงปล่อยเขา
หันตัวสาวเท้าเดินออก
นายใหญ่เฉียวฟุบลงไปบนพื้น โมโหมาก ตะโกนไล่หลัง “หลิงฉงโหลว นายรอพังพินาศได้เลย!”
คอยดูเถอะ เขาจะปล่อยข่าวให้พวกสายอื่นในตระกูลหลิงรู้กันให้หมด หลิงฉงโหลวจะต้องลงจากตำแหน่ง!
เขาก็อยากจะรอดูว่า พอถึงตอนนั้นหลิงฉิงโหลวยังจะอวดดีต่อหน้าเขาได้ยังไงอีก!
…
อีกด้านหนึ่งของตระกูลเฉียว
เฉียวตงดื่มไปเยอะมากเพราะมีความสุข
เขาอยู่ในอาการมึนเมา โอบบ่าของเฉียวถิง “เสี่ยวถิง ต้องทำให้อาภูมิใจนะ เจียงหรานมันมาประลองกับแกวันมะรืนไม่ได้แล้ว แกต้องเลื่อนขึ้นระดับสี่ได้สำเร็จแน่นอน”
ปีนี้เฉียวถิงอายุห้าสิบปีแล้ว
แต่เขาไม่ถึงกับเป็นอัจฉริยะ เพราะวรยุทธ์ของเขาอยู่แค่ที่ประมาณสามสิบห้าปี อีกทั้งยังหยุดก้าวหน้ามานานแล้ว
ถึงแม้เจียงหรานจะเพิ่งก้าวหน้าขึ้นมาในช่วงสองปีนี้ แต่หากว่ากันด้วยเรื่องความสามารถ กลับเก่งกว่าเฉียวถิงมากพอสมควร
อย่างไรเสียเขาก็เคยถูกฟู่อวิ๋นเซินอัดอย่างรุนแรงมาก่อน
“วางใจได้ครับอา” เฉียวถิงก็อารมณ์ดี “ผมไม่มีทางทำอาขายหน้าแน่นอน”
ขณะพูดเขาก็รู้สึกลังเล “แต่วันนี้อาอัดเจียงหรานซะน่วมขนาดนั้น เกิดตระกูลหลิงมาล้างแค้นจะทำไงครับ”
“ล้างแค้นเหรอ” เฉียวตงแสยะยิ้ม “สถานการณ์ในตระกูลหลิงเป็นไงแกยังจะไม่รู้อีกเหรอ ถ้าหลิงฉงโหลวกล้ามาล้างแค้น ตำแหน่งนายใหญ่ของเขาก็ไม่ต้องเอาแล้ว”
เฉียวถิงฟังถึงตรงนี้ก็วางใจ
พอเขาส่งเฉียวตงกลับไปแล้วก็กลับเข้าห้องตัวเอง
เฉียวตงนั่งบนเก้าอี้ เตรียมอ่านตำราพิชัยสงครามสักหน่อยค่อยนอน
แต่เขาเพิ่งเปิดหนังสือก็มีมือข้างหนึ่งกระชากคอเสื้อของเขาจากด้านหลัง หิ้วเขาขึ้น
“ตึง” เขาถูกอัดเข้ากับกำแพง ร่างกายยังถูกยกไว้อยู่
ภายใต้แสงไฟ เขาเห็นใบหน้าเย็นชาของผู้หญิง