ตอนที่ 229 อ่านตำราหมื่นเล่ม มิสู้ได้เดินทางหมื่นลี้
คิดได้เช่นนั้นแล้วเย่ฉางชิงก็เหลือบมองไปยังนักพรตฉางเสวียน ที่มีท่าทางนอบน้อม ก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาอย่างอดมิได้
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เย่ฉางชิงก็พยายามสงบสติของตัวเองให้ลง จากนั้นจึงถามหยั่งเชิงด้วยรอยยิ้มว่า
“ท่านเหอ มิทราบว่าท่านมีตำแหน่งอันใดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
นักพรตฉางเสวียนได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไป
เมื่อครู่เขายังนึกสงสัยอยู่ว่าตนเองหุนหันพลันแล่นเกินไปหรือไม่
แต่เมื่อได้ยินท่านบรรพจารย์เย่เอ่ยถามเช่นนี้ ความกังวลภายในใจก็หายวับไปทันที
ในเมื่อถามว่าเขามีตำแหน่งใดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนแล้ว ก็เปรียบเสมือนถามถึงท่าทีที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมีต่อท่านบรรพจารย์เย่
“ท่านเย่ ข้า… ข้าคือเจ้าสำนักคนปัจจุบันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน”
นักพรตฉางเสวียนกลืนน้ำลายหนึ่งอึก แล้วจึงเอ่ยออกมาอย่างละอายใจ
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนในตอนนี้มิเหมือนกับในอดีต เช่นนั้นเขาผู้เป็นเจ้าสำนักย่อมหนีความผิดนี้มิพ้น
บัดนี้การที่ท่านบรรพจารย์เย่เอ่ยถามตรง ๆ เขาย่อมอดมิได้ที่จะเกิดความละอายใจขึ้น
วินาทีต่อมาเมื่อเย่ฉางชิงได้ยินคำตอบของนักพรตฉางเสวียน
แม้เขาจะมิได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา ทว่าอารมณ์ที่พยายามทำให้สงบลงเมื่อครู่ก็กลับมาสันสนวุ่นวายอีกครั้ง
‘นี่ ! ’
‘นี่ ! ’
‘นี่!’
‘ท่านเหอเป็นเจ้าสำนักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจริง ๆ ด้วย ! ’
‘น่าเหลือเชื่อ ! ’
‘ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ! ’
เย่ฉางชิงจ้องไปยังเจ้าสำนักไท่เสวียนตรงหน้า ที่เคารพตนเองราวกับเป็นผู้น้อย
ภายในใจนอกจากตื่นตระหนกแล้ว ก็รู้สึกช้ำใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
ห้าปีก่อน
ตอนที่เขาเพิ่งมาถึงโลกเซียนแห่งนี้ ด้วยเพราะไร้ซึ่งรากปราณจึงถูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมิยอมให้เข้าสำนัก
แต่บัดนี้เจ้าสำนักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนท่านนี้ ด้วยเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นท่านเทพฉางชิงจึงได้ให้ความเคารพเขาถึงเพียงนี้ ทั้งยังมาเชิญเขาไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเพื่อเข้าร่วมพิธีแต่งตั้งผู้สืบทอดหญิงด้วยตนเองเช่นนี้
สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งเขาจริง ๆ !
ขณะที่เย่ฉางชิงลอบบ่นอยู่ภายในใจอย่างอดมิได้นั้น
จู่ ๆ เขาก็เกิดความคิดที่บ้าบิ่นบางอย่างขึ้นมากะทันหัน
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเป็นถึงสำนักในการบำเพ็ญเพียร เช่นนั้นย่อมต้องมีหอเก็บตำรา
ทุกคนต่างรู้ดีว่าภายในหอเก็บตำราย่อมต้องมีคัมภีร์บำเพ็ญเพียรมากมาย รวมทั้งจดหมายเหตุของยอดฝีมือในสมัยก่อน และตำราพื้นฐานในการบำเพ็ญเพียร
ในเมื่อเจ้าสำนักไท่เสวียนเชิญเขาไปเข้าร่วมพิธีแต่งตั้งผู้สืบทอดหญิง เช่นนั้นด้วยฐานะท่านเทพของเขาในตอนนี้ การจะเข้าไปชมหอเก็บตำราของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนย่อมมิใช่ปัญหา
‘อืม ! ’
‘หากต้องการที่จะรู้เกี่ยวกับการบำเพ็ญเพียรคงมีเพียงวิธีนี้สินะ’
‘ยอมเสี่ยงเพื่อการบำเพ็ญเพียร ! ’
หลังจากไตร่ตรองอย่างดีแล้ว
เย่ฉางชิงก็ลอบถอนหายใจ ก่อนจะยิ้มบาง ๆ ให้แก่นักพรตฉางเสวียน “มิน่าเล่าก่อนหน้านี้ ข้าจึงรู้สึกว่าท่านมีบุคลิกมิเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ที่แท้ก็เป็นเจ้าสำนักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนนี่เอง”
นักพรตฉางเสวียนนิ่งงันไป ก่อนจะเอ่ยอย่างละอายใจว่า “ท่านเย่ชมเกินไปแล้ว ! ”
เย่ฉางชิงจึงเอ่ยต่อ “มิทราบว่าท่านเหอต้องการให้ข้าไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเมื่อใดหรือ ? ”
นักพรตฉางเสวียนดวงตาเป็นประกายขึ้น พลางเอ่ยอย่างใช้ความคิดว่า “หาก… ท่านเย่สะดวก วันนี้ก็สามารถไปเขาไท่เสวียนได้เลยขอรับ”
เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “เอาเถอะ ในเมื่อท่านเหอมาเชิญข้าด้วยตัวเองเช่นนี้ วันนี้ข้าจะเดินทางไปเขาไท่เสวียนกับท่านก็แล้วกัน”
“เหอฉางเสวียนขอขอบคุณความเมตตาของท่านเย่ แทนทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ณ ที่นี้ด้วย”
นักพรตฉางเสวียนลุกขึ้นยืน ก่อนจะโค้งคำนับให้แก่เย่ฉางชิง
หลังจากเย่ฉางชิงเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อตัวหนาที่ทำจากหนังเสือดำที่ตัดมาอย่างปราณีต จากนั้นก็อุ้มจิ้งจอกน้อยแนบอกและออกจากเมืองเสี่ยวฉือไปพร้อมกับนักพรตฉางเสวียน
หลังจากเปลี่ยนมาสวมชุดสีดำนี้แล้ว ประกอบกับใบหน้าอันหล่อเหลา
ทำให้เย่ฉางชิงยิ่งดูสง่างามมากขึ้นราวกับเทพสวรรค์ก็มิปาน
ทว่าหลังเดินออกมาจากเมืองเสี่ยวฉือแล้ว เย่ฉางชิงก็เริ่มรู้สึกถึงปัญหาบางอย่าง
เขาไท่เสวียนนั้นเขาเคยไปมาแล้ว ที่นั่นอยู่ห่างจากเมืองเสี่ยวออย่างน้อยนับสิบลี้
อีกทั้งเวลานี้หิมะเพิ่งจะตกได้มินาน
อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ การจะเดินเท้าไปเขาไท่เสวียนหาใช่เรื่องง่ายไม่
ด้วยตบะบารมีของนักพรตฉางเสวียนนั้นย่อมสามารถเหาะเหินบนอากาศได้ ส่วนเขาแม้ตอนนี้จะเริ่มบำเพ็ญเพียรแล้ว แต่ก็ยังมิรู้อะไรเกี่ยวกับการบำเพ็ญเพียรเลย
เช่นนั้นเหาะได้หรือไม่นั้น เขาเองก็มิรู้เช่นกัน
แน่นอนว่าด้วยฐานะของเขาในตอนนี้ ย่อมมิอาจให้นักพรตฉางเสวียนพาเขาเหาะพ่วงไปด้วยได้
เช่นนั้นเขาจะต้องโน้มน้าวนักพรตฉางเสวียน ให้เดินเท้าไปเขาไท่เสวียนกับเขาให้ได้
ขณะเดียวกันหลังจากเดินออกจากเมืองเสี่ยวฉือ
เนื่องด้วยท่านบรรพจารย์เย่ที่อยู่ข้างกายมิมีท่าทีจะเหาะขึ้นฟ้าแต่อย่างใด นักพรตฉางเสวียนเองก็มิกล้าสงสัยและถามให้มากความ
เขามองว่ายอดฝีมือเช่นท่านบรรพจารย์เย่ มิว่าทำสิ่งใดล้วนมีจุดประสงค์อันลึกซึ้งทั้งสิ้น
ตอนนั้นเองเย่ฉางชิงก็เหลือบมองนักพรตฉางเสวียนอย่างเห็นใจ ก่อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า
“ท่านเหอ ท่านเคยได้ยินคำกล่าวนี้หรือไม่ ? ”
นักพรตฉางเสวียนผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะถามอย่างยิ้มแย้มว่า “มิทราบว่าท่านเย่หมายถึงประโยคใดหรือขอรับ ? ”
เย่ฉางชิงหยุดฝีเท้าลง แล้วเงยหน้าขึ้นทอดมองออกไปไกล ๆ
“อ่านตำราหมื่นเล่ม มิสู้ได้เดินทางหมื่นลี้”
เย่ฉางชิงลังเลอยู่สักครู่ ก่อนเอ่ยต่อว่า “ข้ามองว่าการบำเพ็ญเพียรก็เช่นกัน เมื่อบำเพ็ญเพียรมานานบางคราก็ต้องปล่อยวาง ก้าวเท้าเดินออกไปยังโลกภายนอก บางทีอาจจะเข้าใจอะไรมากขึ้น”
นักพรตฉางเสวียนได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ท่าทางของเขาเผยความตื่นเต้นยินดีออกมาทันที
‘อ่านตำราหมื่นเล่ม มิสู้ได้เดินทางหมื่นลี้ ! ’
‘ท่านบรรพจารย์เย่กำลังชี้แนะการบำเพ็ญเพียรให้ข้าอยู่ ! ’
นักพรตฉางเสวียนคิดได้เช่นนั้นก็เอ่ยด้วยใบหน้าเลื่อมใสว่า “เหอฉางเสวียนขอบคุณท่านเย่ที่ชี้แนะขอรับ”
เห็นท่าทางจริงใจของนักพรตฉางเสวียนเช่นนั้น เย่ฉางชิงจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เย่ฉางชิงและนักพรตฉางเสวียนก็ค่อย ๆ เดินผ่านพื้นที่ถูกหิมะปกคลุมด้วยความอดทน เพื่อไปยังที่ตั้งของเขาไท่เสวียน
มิรู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด
ณ เขาไท่เสวียน บนยอดเขาฉางหมิง
ผู้สืบทอดหลี่ฉางหมิงที่กำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ เหมือนกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างขึ้นมากะทันหัน
หลังจากนิมิตที่ปกคลุมอยู่รอบกายพลันมลายหายไป
เขาก็ลืมตาขึ้น ก่อนจะเพ่งสมาธิและหยิบหยกโบราณชิ้นหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ
“อาจารย์…”
หลี่ฉางหมิงลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็ทาบรอยมือผสานเข้าไปภายในหยก
มินานก็มีเสียงของนักพรตฉางเสวียน ดังมาจากอีกด้านของหยก
“ฉางหมิง อาจารย์และท่านบรรพจารย์เย่กำลังอยู่ระหว่างทางไปเขาไท่เสวียน เจ้ารีบแจ้งเจ้ายอดเขาทุกคน ให้เตรียมต้อนรับการมาของท่านบรรพจารย์เย่ให้เรียบร้อย”
หลี่ฉางหมิงได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนที่สีหน้าจะเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกถึงขีดสุด
“อาจารย์ ท่านพูด… จริงหรือขอรับ ? ”
หลี่ฉางหมิงเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นด้วยเสียงอันสั่นเทา
ทว่าอีกด้านของหยกกลับมิมีเสียงใดตอบกลับมาอีก
แม้จะเป็นเช่นนั้น ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปมิกี่อึดใจต่อมา
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากยอดเขาฉางหมิง
อีกทั้งเสียงนี้ยังได้ใช้เคล็ดวิชาลับ ทำให้ดังก้องไปทั่วทั้งเขาไท่เสวียนราวกับฟ้าคำราม
“ศิษย์ทุกคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจงฟัง ! ”
“รีบเคาะระฆังแจ้งอาจารย์อาทุกท่าน ให้ไปปรึกษาเรื่องสำคัญที่ตำหนักไท่เสวียน ณ บัดนี้!”
“ศิษย์ทุกคนให้ไปรวมตัวกันที่ด้านหน้าตำหนักไท่เสวียน อย่าได้ชักช้ามิเช่นนั้นจะถูกลงโทษอย่างหนัก”
ผ่านไปอีกมิกี่อึดใจ
หลังจากสิ้นเสียงอันกึกก้องราวกับระฆังทองคำ
ลำแสงอันเจิดจ้ามากมายก็พุ่งขึ้นจากทั่วทุกทิศทุกทางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ก่อนจะเหาะไปทางตำหนักไท่เสวียน เกิดเป็นภาพอันตระการตายิ่งนัก