บทที่ 5 เครือข่ายที่แข็งแกร่งของเธอ
บทที่ 5 เครือข่ายที่แข็งแกร่งของเธอ
สุนัขจิ้งจอกสัมผัสได้ถึงความคิดของซู่จู่และยิ้มอย่างมีเลศนัย [คุณอยากรู้ไหมว่าทักษะของคุณคืออะไร]
ซูโย่วอี๋พยักหน้า
มันเริ่มปรากฏบนแผง [ทักษะ: 27]
[ทักษะการทำอาหาร: ระดับกลาง]
…
ใช่แล้ว!
บางทีซูโย่วอี๋ อาจสามารถถือหม้อใบใหญ่ขึ้นไปบนเวทีเพื่อทำไข่ดาวหรือข้าวผัดระหว่างการแสดงความสามารถ และซื้อใจกรรมการด้วยอาหารอร่อย ๆ ได้
สุนัขจิ้งจอกโบกหางทั้งเก้าของมันในอากาศ [ซู่จู่ จากการตรวจจับของระบบอัจฉริยะ ความน่าจะเป็นที่ใบสมัครของคุณจะผ่านการตรวจคัดเลือกคือ 0]
ซูโย่วอี๋กลอกตาไปมาและไม่ได้แสดงอารมณ์รุนแรงของเธอให้เจ้าจิ้งจอกเน่าเห็น มันเป็นความจริงที่สุนัขจิ้งจอกชอบดูถูกผู้คน
เธอนำโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออกหาซูหยิน เสียงปลายสายตอบรับในไม่ช้า
[ที่รัก มีอะไรหรือเปล่า คิดถึงฉันเหรอ]
ซูหยินพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ซูโย่วอี๋ไม่สนใจที่จะทักท้วงอะไร นี่เป็นเพื่อนของเธอที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่ยังเป็นเด็ก หญิงสาวพูดออกไปตรง ๆ ว่า “ช่วยฉันหน่อย”
[ฮะ?] ปลายสายอุทานออกมาซึ่งทำให้ซูโย่วอี๋หัวใจกระตุกวาบอย่างไม่มีเหตุผล
“ฉันต้องการได้รับการคัดเลือกเป็นศิลปินของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์”
ซูหยินรู้สึกประหลาดใจมากและสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ
[เกิดอะไรขึ้นกับเธอและเฉินเฉิน]
ตอนที่เธอยังเด็ก เธอละทิ้งความฝันเพียงและสูญเสียความเป็นตัวเองเพราะผู้ชายคนหนึ่ง ซูหยินรู้สึกละอายใจกับพฤติกรรมของซูโย่วอี๋ แต่ในเวลานี้มันอาจสายไปที่เธอเพิ่งจะคิดได้
ซูโย่วอี๋พูดอย่างยากลำบากว่า “เขานอกใจฉัน”
ซูหยินเด้งตัวขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับโทรศัพท์ของเธอ [เขากล้าดียังไง! เกิดอะไรขึ้น? ในตอนแรกครอบครัวของเขายากจนมาก ก็เป็นเธอไม่ใช่เหรอที่ยอมเลิกการคัดเลือกเด็กฝึกหัดเพื่อมาทำงานล้างจานและคอยซื้ออาหารมาให้เขา ทั้งยังช่วยจุนเจือค่าเล่าเรียนและเลี้ยงดูเขา?]
[เขาบริหารบริษัทออกแบบของเล่นบ้าบออะไรกัน เขาไปหาผู้ผลิตและลูกค้าในช่วงฤดูร้อนเพื่อโปรโมตสินค้าอย่างนั้นเหรอ หึ!แล้วยังกลับมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก นี่มันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ!]
[ถ้าไม่มีเธอ เฉินเฉินจะมีวันนี้ได้ไหม]
ซูโย่วอี๋เสียใจมาก เธอรู้สึกเจ็บปวดเพราะคำพูดของซูหยิน เธอสะอื้นไห้ แก้มของเธอสั่น “ซูหยิน หยุดพูดเถอะ”
ซูหยินบดบิสกิตในมือของเธอ กัดฟันแล้วพูดว่า [ฉันจะโทษเธอได้ยังไงกัน ที่รัก แล้วเธอจะทำยังไงต่อ]
ซูโย่วอี๋ไม่ได้พูด เธอลังเลในใจอย่างที่แสดงให้เห็น
ซูหยินเกลียดที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้า*[1]ได้ [หลังจากนี้จะให้โอกาสเขาไหม? นอกใจก็คือนอกใจ เธอไม่ควรยกโทษให้แม้ว่าเขาจะหาข้อแก้ตัวอะไรมาก็ตาม เลิกกับเขาซะ]
[เธอยังไม่มีลูก เธอก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เธอสามารถตัดเเขาทิ้งได้]
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ลูก’ ซูโย่วอี๋ยิ่งดูเศร้าลงและพูดว่า “หยินหยิน ในชีวิตนี้ฉันไม่สามารถมีลูกได้”
สุนัขจิ้งจอกหยุดทำงานและดูระบบ [ซู่จู่ ฉันขอโทษที่ขัดจังหวะ แต่คุณสามารถมีลูกได้]
อารมณ์เศร้าของซูโย่วอี๋ถูกขัดจังหวะ และเธอก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
ซูหยินเงียบไปครู่หนึ่ง [ผลการตรวจถูกต้องหรือเปล่า]
ซูโย่วอี๋แค่อยากจะบอกว่าผลการตรวจของโรงพยาบาลยังไม่ออกมา แต่เธอก็เห็นแววตาที่ไม่พอใจของสุนัขจิ้งจอกและพูดว่า “ถูกต้อง แต่เขายังไม่รู้”
ซูหยินเดินไปในห้อง [โย่วอี๋ บอกผลให้เขาฟัง ถ้าเฉินเฉินรับได้ ฉันจะไม่ค้านถ้าเธอให้โอกาสเขาอีกครั้ง แต่ถ้าเขารับไม่ได้ ก็เลิกและลืมเขาซะ]
เฉินเฉิน คราวนี้คุณจะทำอย่างไร?
ส่วนซูหยินที่ไม่รู้เรื่องการคัดเลือกศิลปิน เธอเพิ่งกลับมาจากการถ่ายทำละครในป่าเขา และสัญญาว่าจะให้คำตอบกับเธอภายในวันนี้
…
ณ เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของกรุงปักกิ่ง อาคารมีรูปทรงและการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร ทำให้เป็นเอกลักษณ์ท่ามกลางอาคารบริษัทชั้นนำมากมาย
ในห้องทำงานของรองประธานบนชั้น 21 ผู้ช่วยมองไปที่กู่อวี๋เฉิง ซึ่งกำลังเซ็นเอกสารอย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากเพิ่งได้รับรายงานว่าซูหยินกำลังรออยู่ที่ห้องรับแขก ใบหน้าของประธานกู่ จึงเคร่งเครียดและมืดมน
ผู้ช่วยกลัวจนหายใจไม่ออก เขาเป็นบุคคลที่มีอำนาจรองจากท่านประธาน และทุกที่ที่เขาไปนั้นปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกจนทำให้เสียวสันหลัง พูดตามตรง ผู้ช่วยชอบท่านประธานมากกว่าเสียอีก แม้เขาไม่ค่อยปรากฏตัวในบริษัท แต่ชื่อจิ้งจอกหน้าหยกก็ยังถูกทุกคนในบริษัทกล่าวถึง
กู่อวี๋เฉิงวางปากกาลงแล้วเงยหน้าขึ้นมอง “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
ผู้ช่วยรู้สึกอายเมื่อเขามองตรงมาที่เธอ “เธอบอกว่าจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวน่ะค่ะ”
หลังจากนั้น กู่อวี๋เฉิงก็ยังไม่ขยับ ฝ่ามือของเลขาเริ่มมีเหงื่อออก ออร่ารอบตัวของประธานกู่นั้นน่ากลัวเกินไป
กู่อวี๋เฉิงขมวดคิ้ว เขาส่งซูหยินไปในป่าเขาเพื่อถ่ายทำละคร และไม่คิดว่าเธอจะกลับมาเร็วขนาดนี้
“บอกให้เธอเข้ามา”
ผู้ช่วยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ซูหยินกำลังรออย่างกระวนกระวายและต้องการรีบเข้าไปในห้องทำงาน ในขณะนี้ เธอเดินเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เปิดประตูแล้วตะโกนว่า “อวี๋เป่า ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงคุณมากเลย”
เมื่อประตูห้องทำงานปิดลง เสียงนั้นก็ถูกตัดออกไปทันที
ผู้ช่วยยกนิ้วขึ้นด้วยความชื่นชม “พี่สาวซูหยินกล้าหาญมาก เรื่องแบบนี้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้เลยนะ”
กู่อวี๋เฉิงมองไปที่ผู้หญิงที่สดใสและสวยงามตรงหน้าเขา ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือ ดวงตาดั่งนกฟีนิกซ์ ริมฝีปากสีเชอร์รี่สด อายไลเนอร์เฉี่ยว ปลายคิ้วตกแต่งด้วยดอกป๊อปปี้สดใส กระโปรงกำมะหยี่สีแดงผ่าลึก ขยับไปมาทุกครั้งที่หญิงสาวย่างก้าว
กู่อวี๋เฉิงเอนหลังพิงเก้าอี้หนังไม่ขยับไปไหน “ว่ามา มีอะไร”
ซูหยินดึงเก้าอี้และนั่งลงโดยเอามือซ้ายจับคางของเขา “ที่รัก คุณใจร้ายมาก คุณส่งฉันไปยังที่กันดารแบบนั้นโดยไม่ปรึกษาฉันได้ยังไง หลายเดือนมานี้คุณสบายดีไหม ฉันแย่มาก ฉันเกือบถูกเผาอยู่บนภูเขา”
ซูหยินได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำของคนรุ่นใหม่ โดยมีช่างแต่งหน้าแนวหน้า และคนในแวดวงภาพยนตร์และโทรทัศน์ให้การรับรอง สำหรับการเลือกบท เธอมีอิสระในระดับหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงถูกบังคับให้ถ่ายทำ คงเป็นเรื่องโกหกถ้าเธอบอกว่าเธอไม่โกรธ
ยิ่งซูหยินโกรธมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งยิ้มอย่างสดใสมากขึ้นเท่านั้น “ฉันเชื่อว่าอวี๋เป่าเอ๋อร์ไม่ได้เกลียดฉัน แต่ทำไปเพื่อพัฒนาการรอบด้านของฉันด้วย…”
กู่อวี๋เฉิง รู้ดีว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาเป็นอย่างไรและขัดจังหวะอย่างเย็นชา “มีอะไร ฉันยุ่งมาก”
ซูหยินรู้ว่าไม่ควรแสดงออกมากเกินไป และเก็บอารมณ์ที่เกินจริงของเธอไว้ “ประธานกู่ ฉันต้องการใช้ทางลัด มีสาวคนหนึ่งต้องการเข้าร่วมการคัดเลือกศิลปินของบริษัท เธอสามารถเต้น ร้องเพลงและแสดงได้ เป็นหญิงสาวที่มีความสามารถและศักยภาพ คุณช่วยฉันได้ไหม”
“ยอดเยี่ยมมาก เธอจะกังวลกับการสัมภาษณ์เเหรอ”
ซูหยินพูดพร้อมกับหัวเราะแห้ง ๆ ว่า “เธอเป็นคนกินเก่ง และเธอก็น่าสงสารนิดหน่อย”
แน่นอนว่ากู่อวี๋เฉิงรู้ว่ามันไม่ง่ายอย่างที่ซูหยินจะพูด แต่ก็ไม่อยากที่จะเสียเวลากับซูหยิน “การสัมภาษณ์นี้ถ่ายทอดสด ให้เธอมารับใบสมัคร ฉันจะไปหาทีมสัมภาษณ์เพื่อสัมภาษณ์เธอ”
เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการส่งเธอไปถ่ายทำ กู่อวี๋เฉิงทำหน้าที่ตบรางวัลได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ซูหยินมองที่ดวงตาของเธอแล้วส่งสายตาที่เย้ายวน “ขอบคุณนะ น้องสาวของฉันชื่อซูโย่วอี๋ ประธานกู่อย่าลืมล่ะ”
ไม่ว่าจะโกหกหรืออะไร ขอแค่ทำงานให้เสร็จ ซูหยินลงไปชั้นล่างและตรงไปยังทีมสัมภาษณ์ศิลปิน เธอยื่นใบสมัครต่อหน้าไซมอนซึ่งรับผิดชอบการสัมภาษณ์นี้ เธออายเล็กน้อยก่อนกล่าว “ไซมอน นี่คือคนของรองประธานกู่ คุณก็รู้”
[1] ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้า หมายถึง การตั้งความหวัง หรือ เข้มงวดกับใครสักคน เพื่อหวังว่าคนผู้นั้น จะได้ดิบได้ดี มีการพัฒนาที่ดีขึ้น แต่คนผู้นั้นกลับไม่เอาถ่าน ไม่เป็นตามที่หวังไว้