บทที่ 31 ซู่จู่ ฉันเปลี่ยนความคิดที่มีต่อคุณไปนิดหน่อย
บทที่ 31 ซู่จู่ ฉันเปลี่ยนความคิดที่มีต่อคุณไปนิดหน่อย
หลินเจี้ยนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้าและใบหน้าของเธอก็ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ และก็พูดขึ้น “ฉันไม่เป็นอะไร”
ทั้งสองเริ่มซ้อมเต้น
หลินเจี้ยนช่วยซูโย่วอี๋แก้ไขเกือบทุกการเคลื่อนไหว “ยกมือให้สูงขึ้น”
“กระโดดขึ้น”
“บิดสะโพกของคุณให้กว้างขึ้น”
“อย่าอาย มั่นใจ”
[ฉันไม่นึกเลย เธอเต้นไม่ได้เรื่องจริงๆ!]
[อย่างน้อยก็แยกซ้ายขวาได้น่า!]
[น้องอ้วนมีปัญหาใหญ่กับการเต้น ร่างกายของเธออ่อนปวกเปียกดูไม่มีแรงเลย]
[ถ้ามองว่ามันเป็นการฝึกออกกำลังกายยามเช้า คุณจะพบว่ามันอยู่ในมาตรฐานนะ ฮ่าฮ่าฮ่า!]
เมื่อพวกเขามาถึงท่าที่ต้องฉีกขา หลินเจี้ยนก็ขมวดคิ้วแล้ว เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวนี้เป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงที่มีร่างกายใหญ่โต
“โย่วอี๋ พยายามเข้า…”
ก่อนที่เธอจะทันพูดจบ ซูโย่วอี๋ก็สามารถทำท่านี้ได้อย่างง่ายดาย
[บ้าน่า!]
[ว้าว ว้าว ว้าว สุดยอดไปเลย!]
[ทำไมคนอ้วนถึงยืดหยุ่นได้ขนาดนี้]
[เธอไม่เคยฝึกมันมาก่อนแน่เหรอ?]
[ตัวเธออ่อนมาก!]
ทั้งห้องฝึกหยุดซ้อมและหันมาดูเธอเต้น
“หากเธอเต้นบนเวทีแบบนี้ ทุกคนต้องตะลึงแน่!”
“ทำไมเธอจะเต้นไม่ได้ในเมื่อเธอซ้อมมากขนาดนี้”
“ควรให้เวลาเธอสักหน่อย เธอทำได้อย่างแน่นอน”
ซูโย่วอี๋รู้สึกอาย “ฉันอาจจะเกิดมาพร้อมกับมัน”
สุนัขจิ้งจอกกลอกตาและพูดว่า [ซู่จู่ หน้าไม่อาย]
ซูโย่วอี๋พยายามยืนขึ้น แต่พบว่า… ลุกไม่ขึ้น
บัดซบ
เธอตะคริวกิน
หลินเจี้ยนดึงเธอกลับมาแล้วพูดว่า “เรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกันดีไหม”
ฮะ?
ซูโย่วอี๋มองเธออย่างสับสน “หมายความว่าไง?”
หลินเจี้ยนพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “โจ๊กที่เธอทำอร่อยมาก ฉันขอทานอาหารเช้าที่เธอทำทุกวันได้ไหม แล้วฉันจะสอนเธอเต้นเป็นการตอบแทน ตราบใดที่ฉันยังอยู่ในรายการ ฉันจะสอนเธออย่างสุดความสามารถเลย เธอคิดว่าไง”
ผงเลิศรสทำให้เสพติดอย่างนั้นเหรอ?
แต่เฉินซีซีก็ไม่เคยมีปฏิกิริยาอย่างนี้แม้แต่ครั้งเดียว
ยังไงซะ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่หลินเจี้ยนเต็มใจสอนเธอ เวลาในการฝึกซ้อมที่มีจำกัด ไม่มีใครยอมเสียเวลากับคนอื่นแน่ ดังนั้นเธอจึงตอบตกลงทันที
“ตกลง เธอบอกฉันล่วงหน้าได้เลยว่าอยากกินอะไรเป็นอาหารเช้า ฉันจะทำให้ถ้ามันไม่เกินความสามารถ”
“ไม่ยากหรอก ฉันกินแบบเธอนั่นแหละ แค่เธอทำให้มากขึ้นก็พอ”
หลังจากฝึกซ้อมมาเป็นเวลานาน ซูโย่วอี๋ก็รู้สึกเหนื่อยมาก เธอนั่งพักและดื่มน้ำ พลางคิดเกี่ยวกับการคัดลอกทักษะไปด้วย
ถ้าให้เลือกระหว่างการเต้นกับการร้องแรป เธอตัดสินใจใช้การ์ดคัดลอกทักษะกับการร้องแรปอยู่แล้ว แน่นอนว่าคนที่จะคัดลอกคืออาจารย์ด้านการร้องแรป แจ็ค ซึ่งเธอมีโอกาสเพียงสองครั้ง และเธอก็ไม่รู้ว่าจะคัดลอกทักษะการร้องเพลงแรปได้สำเร็จหรือไม่ด้วย
เธอคิดอย่างรอบคอบ มีข้อกำหนดบางอย่างในการคัดลอกทักษะ ยิ่งมีทักษะอื่นมากเท่าใด โอกาสที่จะคัดลอกทักษะเฉพาะก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
ถ้าเธอสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าแจ็คมีทักษะอะไรอีกบ้างก็คงดี
น่าเสียดายที่โทรศัพท์ของเธอถูกยึดไป ไม่อย่างนั้น เธอคงค้นหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของแจ็คในไป่ตู้ไปแล้ว
เมื่อเห็นใบหน้าที่เศร้าสร้อยของเธอ จงลี่จึงเดินเข้าไปและถามว่า “มีอะไรหรือเปล่า? ทำไมทำหน้าแบบนั้น?”
[ว้าว อาจารย์จงลี่ผู้น่ารัก!]
[คุณไว้ใจอาจารย์จงลี่ได้เสมอ!]
[อาจารย์จงลี่ คุณอ่อนโยนมาก!]
[ใช่ อาจารย์จงลี่เวลาอยู่กับโย่วอี๋ ดูอ่อนโยนมาก!]
[นี่แหละผู้ชายที่เป็นแบบอย่างที่ดี]
[เดี๋ยวฉันมีคำถาม ฉันไม่เห็นกระต่ายน้อยเลย ฉันคิดถึงเธอมาก!]
ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นและลังเลอยู่พักหนึ่ง “อาจารย์จงลี่ คุณรู้จักอาจารย์แจ็คไหมคะ”
“คุณอยากรู้อะไร?”
“ฉันไม่เก่งเรื่องแรป ฉันแค่อยากรู้ว่าต้องทำยังไงถึงแรปเก่ง มันเป็นความอยากรู้อยากเห็นล้วน ๆ เลยค่ะ”
จงลี่ไม่สนใจว่าเธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือเปล่า เขานั่งลงข้างเธอและพูดว่า “สภาพครอบครัวของแจ็คไม่ดีพอที่จะส่งเขาให้เรียนจบมหาวิทยาลัย แจ็คเลยไปที่บาร์เพื่อฝึกร้องแรปในขณะที่คนอื่นไปโรงเรียน จากนั้นจึงเดบิวต์ผ่านรายการแรป”
“เขามีงานอดิเรกอย่างอื่นหรือถนัดอย่างอื่นนอกจากการพูดและร้องแรปหรือเปล่าคะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จงลี่ก็มองเธอด้วยความสับสน จากนั้นซูโย่วอี๋ก็อธิบายทันทีว่า “เอิ่ม… เรื่องอื่น ๆ”
“เท่าที่ฉันรู้ เขาชอบขี่ม้า ดูหนัง และทำอาหารเป็นบางครั้ง”
“ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์จงลี่” ซูโย่วอี๋พูดพร้อมพยักหน้าอย่างใช้ความคิด
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน สุนัขจิ้งจอกก็วิเคราะห์ข้อมูลส่วนตัวของแจ็ค ในพื้นที่ระบบ
[ชื่อ: หลี่ซ่งหัว (แจ็ค)]
[อายุ: 32 ปี]
[สูง: 174 เซนติเมตร]
[น้ำหนัก: 77 กิโลกรัม]
[ทักษะ:
แรป: ระดับสูง
ขี่จักรยาน: ระดับกลาง
ว่ายน้ำ: ระดับกลาง
ทักษะการทำอาหาร: ระดับเบื้องต้น
สตรีทแดนซ์: เบื้องต้น
มีทักษะทั้งหมดห้าทักษะที่ระบบสามารถประเมินได้ ซึ่งหมายความว่าความน่าจะเป็นที่จะได้รับทักษะการร้องแรปคือ 1:5]
เดี๋ยวก่อนนะ ซู่จู่มีการ์ดสองใบ ความน่าจะเป็นที่จะสุ่มออกมาได้คือ 2:5 ก็เกือบครึ่งหนึ่ง ถือว่าไม่น้อยเลย
แต่สุนัขจิ้งจอกไม่ยอมบอกซู่จู่อยู่แล้ว เพราะเธอไม่ได้ถามนี่นา
…
เมื่อเธอกลับมาที่หอพักในตอนเที่ยง เธอก็ไปหาเฉินซีซีก่อน พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่และเตียงก็ถูกจัดอย่างเรียบร้อยแล้ว
“ดีมาก! ตอนนี้เธอจัดเตียงเองเป็นแล้ว”
เฉินซีซียิ้มอย่างเขินอาย เธอลุกขึ้นจัดที่นอนให้พี่สาว จากนั้นเธอจึงขอผ้าปูที่นอนผืนใหม่จากทีมงานและจัดเตียงของเธอเอง
“พี่สาว ฉันจะลงไปทานอาหารกลางวันข้างล่าง ไม่ต้องเตรียมอาหารให้ฉันนะ ไม่งั้นพี่จะเหนื่อยเกินไป”
ชีวิตของเธอวนเวียนอยู่กับการฝึกซ้อมและทำอาหาร
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ซูโย่วอี๋ก็ถอนหายใจด้วยอารมณ์ตื้นตันใจ เธอรู้สึกราวกับว่าเด็กสาวในครอบครัวของเธอเริ่มเติบโตขึ้น
ในตอนบ่าย เฉินซีซีเข้าร่วมซ้อมกับหลินเจี้ยนและซูโย่วอี๋ กลุ่มสองคนก็กลายเป็นสามคน
ทั้ง ๆ ที่ซูโย่วอี๋ยังจำท่าเต้นได้ไม่หมด เฉินซีซีก็ตามเธอทันแล้ว
เมื่อเธอปรับการเคลื่อนไหวไปเรื่อย ๆ เฉินซีซีก็ซ้อมเต้นเสร็จแล้วและพักผ่อนบ้างเป็นครั้งคราว
ซูโย่วอี๋ถอนหายใจ
[ถ้าพยายามแล้วเห็นผล จะมีอัจฉริยะไปทำไม]
[ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ว่าเธอจะร้องเพลงเก่งแค่ไหน เธอต้องซ้อมเต้นอย่างหนักต่อไป!]
[คนที่มีพรสวรรค์ น่าอิจฉาจริง ๆ!]
[กระต่ายน้อยมีพื้นฐานที่ดี เธอสามารถตามคนอื่นทันได้ในวันเดียว]
[ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้วตอนนี้!]
ตลอดบ่ายซูโย่วอี๋ไม่ได้พักผ่อนและเธอซ้อมเต้นจนเหงื่อซก
หัวใจของเฉินซีซีเจ็บปวดเมื่อเห็นสิ่งนี้ “พี่สาว พักก่อนเถอะ”
“ไม่ ฉันไหว ขอบคุณ ฉันว่าจะฝึกต่ออีกสักหน่อย” ซูโย่วอี๋กล่าวอย่างหนักแน่น
เพื่อลดน้ำหนัก เธอจึงมีเวลาฝึกน้อยกว่าคนอื่น ๆ ถ้าเธอขี้เกียจในตอนกลางวัน การฝึกก็จะไม่เกิดผลใด ๆ
หลินเจี้ยนและคนอื่น ๆ เดินออกจากห้องฝึกทีละคน พวกเธอต้องรีบกินข้าวให้เร็วเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสตรีมในตอนเย็น
เฉินซีซีก็ไปกินข้าวเช่นกัน
ซูโย่วอี๋กำลังฝึกซ้อมอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในห้องฝึกเพียงลำพัง
เธอสะบัดมือออก เท้าเอว นั่งยอง ๆ แล้วบิดขาไปมา
สุนัขจิ้งจอกรู้สึกเบื่อและลอยในอากาศมองซู่จู่ที่กำลังฝึก
“ซู่จู่ ฉันเปลี่ยนความคิดที่มีต่อคุณไปนิดหน่อย”