บทที่ 51 แล้วฉันจะพยายามไปเพื่ออะไร?
บทที่ 51 แล้วฉันจะพยายามไปเพื่ออะไร?
ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงกว่าแล้ว ทีมงานรายการได้ประกาศว่าภารกิจของสัปดาห์นี้จะถ่ายทำในสตูดิโอตั้งแต่เช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ จากนั้นจึงให้ทุกคนแยกย้าย
คนที่เปลี่ยนคลาสจึงต้องย้ายหอภายในคืนเดียว!
ซูโย่วอี๋เปลี่ยนจากห้องคู่บนชั้นสองไปเป็นห้องเดี่ยวบนชั้นสาม
เธอต้องการอยู่คนเดียวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะมันสะดวกกว่าที่จะเข้าพื้นที่ฮอโลแกรมเพื่อออกกำลังกาย แต่ในตอนนี้ เมื่อมองไปที่ดวงตาชื้นแฉะของเฉินซีซี ซูโย่วอี๋ก็ลังเล
เฉินซีซีถือกล่องสัมภาระของพี่สาวและพูดว่า “พี่สาว อย่าไปเลยนะ พี่ทิ้งฉันไม่ได้นะ”
ซูโย่วอี๋ลูบหัวของเด็กสาวแล้วพูดว่า “มันเป็นกฎของรายการ อีกเดี๋ยวเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ก็จะมาแล้ว”
“ฉันไม่อยากอยู่กับคนอื่นนี่ ถ้าพี่สาวไม่อยู่แล้วใครจะสอนฉันจัดที่นอนล่ะ แล้วใครจะปลุกฉัน แล้วใครจะทำอาหารเช้าให้ฉัน…”
เดิมทีเฉินซีซีแค่อยากแสร้งทำเป็นน่าสงสาร แต่ไม่คาดคิดเลยว่ายิ่งเธอพูดเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเสียใจขึ้นมา และร้องไห้จริง ๆ จนจมูกเล็ก ๆ ของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง
ซูโย่วอี๋เช็ดน้ำตาของเด็กสาวอย่างอดกลั้น “ฉันแบกกระเป๋าเดินทางใบนี้ไม่ไหว เธอช่วยฉันถือมันไปหน่อยได้ไหม”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฉินซีซีก้ร้องไห้ให้ดังขึ้น
“พี่สาว พี่ไม่มีหัวใจ ฉันเสียใจขนาดนี้แล้ว พี่ยังใช้งานฉันได้ลงคอ”
นี่ยังไม่จบอีกเหรอ?
ซูโย่วอี๋ทำหน้านิ่ง “เฉินซีซี เธอจะทำตัวเป็นเด็กๆ ไม่ได้นะ”
เฉินซีซีมองเธออย่างโกรธ ๆ แล้วก็สะอื้น “ก็ได้”
เด็กสาวยืนขึ้นอย่างหงอย ๆ และเดินไปที่ชั้นสามพร้อมกับกล่องข้าวของของพี่สาว
ซูโย่วอี๋เห็นอย่างนั้นก็เดินตามไป
เมื่อเธอมาถึงห้องพักใหม่ เฉินซีซีไม่ได้พูดอะไรสักคำ เธอเปิดกล่องสัมภาระ หยิบผ้าปูที่นอนและผ้านวมของพี่สาวออกมา
เธอเคลื่อนไหวอย่างชำนาญและใส่ผ้าปูเตียงทั้งสี่มุมเข้ากับเตียงอย่างคล่องแคล่ว
ซูโย่วอี๋รู้สึกถึงความเศร้าของกระต่ายน้อยจึงพูดว่า “เฉินซีซี”
กระต่ายขาวตัวน้อยเงยหน้าขึ้น มีน้ำตาเป็นสายยาวไหลอยู่บนแก้มของเธอ
เธอร้องไห้อีกแล้ว
“อย่าร้องไห้ ฉันสัญญาว่าฉันจะทำอาหารเช้าให้เธอกินทุกวันเลย”
เฉินซีซีสูดจมูก “จริงเหรอ?”
หลังจากเกลี้ยกล่อมเป็นเวลานาน ในที่สุดเฉินซีซีก็น้ำตาไหลและยอมรับความจริงที่ว่าเธอต้องแยกทางกับพี่สาวแล้วจริง ๆ
“พี่สาว ทำไมพี่ไม่ลดระดับมาอยู่คลาส B กับฉันต่อล่ะ”
ซูโย่วอี๋ ‘แล้วฉันจะพยายามไปเพื่ออะไร?’
ในตอนเช้าของวันถัดไป ซูโย่วอี๋ตื่นแต่เช้าเพื่อทำโจ๊ก เนื่องจากเฉินซีซีรับประทานผงเลิศรสเป็นเวลาหลายวัน อาการปวดประจำเดือนจึงบรรเทาลง แม้ว่าจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ก็ตาม
แต่ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป เธอไม่มีแผนที่จะใช้ผงเลิศรสอีก
เมื่อโจ๊กโชยกลิ่นหอมออกมา ซูโย่วอี๋ก็ได้กลิ่นนั้น หากปราศจากผงเลิศรส สี กลิ่น และรสชาติของโจ๊กจึงแย่ลงมาก
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ซูโย่วอี๋ก็เงยหน้าขึ้น เป็นหลินเจี้ยนที่มาพร้อมกับถ้วยเก็บความร้อนในอ้อมแขนของเธอ หญิงสาวชี้ไปที่โจ๊กในหม้อ
“ขอกินหน่อยได้ไหม”
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอแต่งหน้าอ่อน ๆ ไม่เหลือสภาพของคนเมื่อวานเลยแม้แต่น้อย
“ได้สิ”
ซูโย่วอี๋ก้าวถอยออกไปและปล่อยให้หลินเจี้ยนจัดการด้วยตัวเอง
หลินเจี้ยนตักโจ๊กแล้วปิดฝา “ขอบคุณที่ช่วยฉันพูดเมื่อวาน”
ซูโย่วอี๋มองไปที่ด้านหลังของเธอและรู้สึกว่าคนคนนี้เงียบไปมาก
“พี่สาว”
เฉินซีซีกระโดดลงจากเตียง “ฉันเจ๋งไหม วันนี้ฉันไม่รอให้พี่ปลุกฉันเลย”
ซูโย่วอี๋ยกนิ้วโป้งให้กระต่ายขาวตัวน้อย และชมเชยเธอ
หลังจากกินข้าวเสร็จพวกเขาก็รีบไปที่สตูดิโอ
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในสตูดิโอ เธอรู้สึกว่าบรรยากาศวันนี้ค่อนข้างตึงเครียดเล็กน้อย
“พี่สาว ดูนั่นสิ”
เฉินซีซีชี้ไปที่หน้าจอแสดงผลอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่บนเวที มันความนิยมของผู้เข้าแข่งขันห้าสิบคน ณ เวลา 12:00 น. เมื่อวานนี้
แน่นอนที่โดดเด่นที่สุดคือสามอันดับแรก
ซูโย่วอี๋ มองจากบนลงล่าง
อันดับที่ 1: อวี๋ชิงจ้าว 2,136,799 โหวต
อันดับที่ 2: ฉู่รั่วฮวน 1,643,332 โหวต
อันดับที่ 3: ซูโย่วอี๋ 1,492,380 โหวต
เฉินซีซีกล่าวด้วยความยินดี
“ว้าว พี่สาว พี่ได้ที่สาม พี่ได้รับความนิยมมากกว่าสมาชิกคลาส A คนอื่น ๆ อีก”
ซูโย่วอี๋ไม่ได้คาดหวังว่าความนิยมของเธอจะสูงขนาดนี้ คนพวกนี้เป็นแฟนตัวยงท่ากลอกตาของเธอเหรอ?
ดวงตาของซูโย่วอี๋ชะงักค้างชั่วขณะ จากนั้นจึงมองหาชื่อของเฉินซีซี
อันดับที่ 8: เฉินซีซี 1,029,945 โหวต
คะแนนของเธอห่างจากห้าอันดับแรกเพียงสามอันดับและยังมีแนวโน้มที่ดีที่จะเข้าสู่เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์
เห็นได้ชัดว่าเฉินซีซีพอใจมากกับการจัดอันดับ และกระซิบกับซูโย่วอี๋ “พี่สาว รอฉันก่อน ฉันจะเข้าไปถึงคลาส A ในครั้งต่อไปให้ได้เลย”
เธอพูดอย่างร่าเริง
ในแง่ของความสามารถ เฉินซีซียังไม่เก่งนัก แต่เธอมีพลังและความสดใสแบบหนุ่มสาวอยู่เสมอ ซึ่งดึงดูดผู้คนโดยไม่ได้ตั้งใจ
“สวัสดีทุกคน วันหยุดสุดสัปดาห์สบายดีไหม”
ฮันเอินจีขึ้นมาบนเวทีด้วยสายเอี๊ยมสีดำและกางเกงหนังรัดรูป
[ว้าว วันนี้เป็นวันดี!]
[พี่สาว เหมาะมากที่จะไปเดินรับลม!]
“ฉันเชื่อว่าคุณได้เห็นการจัดอันดับแบบเรียลไทม์แล้ว ขอแสดงความยินดีกับเด็กฝึกที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั้งห้าคน หากนี่เป็นการประเมินครั้งสุดท้าย คุณก็ได้ก้าวเข้าสู่ประตูของเทียนฉี เอนเทอร์เทนเมนต์แล้ว”
เสียงของเธอเปลี่ยนไป “แต่อย่าท้อใจถ้าคุณยังไม่ได้อยู่ในรายชื่อ ยังมีเวลามากพอที่จะต่อสู้เพื่ออันดับที่สูงขึ้น ตอนนี้เราจะประกาศภารกิจในสัปดาห์นี้”
“วันศุกร์นี้ คุณจะได้แสดงต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก!”
“ว้าว”
มีเสียงอุทานมากมายที่ล่างเวที พวกเธอจะได้แสดงบนเวทีแล้ว?
[จะไปที่นั่นได้ยังไง? ต้องลงทะเบียนหรือเปล่า!]
[ต้องลงทะเบียน ไปหาน้องจ้าว ที่หน้างานให้ได้]
[ลงทะเบียน ไปเพื่อดูโย่วโย่ว]
[ลงทะเบียน ไปเพื่อดูกระต่ายขาวตัวน้อย]
[ลงทะเบียน ไปเพื่อดูรั่วฮวน]
[ไปคุณต้องโหวตให้ภรรยาของฉัน!]
เด็กฝึกที่มีชื่อเสียงน้อยบางคนรู้สึกเศร้าหมองจากความคิดเห็นจำนวนมากที่พูดถึงเด็กฝึกที่ได้รับความนิยมมากกว่า
“การแสดงนี้เป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม ทีมงานรายการได้เตรียมเพลงทั้งหมดเจ็ดเพลง โปรดดูที่หน้าจอ”
‘รองเท้าส้นสูงสีแดง’
‘dumb dumb’
‘next level’
‘yes or yes’
‘นักแสดงผู้ภักดี’
‘Mohe Ballroom’
‘beautiful (ก็อบลิน)’
เพื่อป้องกันบางคนไม่รู้เพลง ทีมงานรายการ จึงอัดคลิปของแต่ละเพลงมาด้วย
สี่เพลงแรกเห็นได้ชัดว่าเป็นเพลงที่แสดงทักษะการเต้น เมื่อเพลงเล่น มันสามารถดึงดูดผู้ชมทั้งหมด และยังสามารถทำให้บรรยากาศสดใสขึ้นมาก
เมื่อได้ยิน ก็มีคนอดไม่ได้ที่จะจับมือกับคนข้าง ๆ อย่างตื่นเต้น “ฉันอยากได้เพลงนี้”
ซู่โย่วอี๋ให้ความสนใจในสามเพลงหลังมากกว่า ท้ายที่สุดแล้วการเต้นของเธอยังไม่ถึงขั้นนั้น เธอไม่จำเป็นต้องเปิดเผยจุดอ่อนของเธอและเลือกเพลงเต้น
ส่วน ‘นักแสดงผู้ภักดี’ เป็นเพลงโบราณที่ไพเราะมาก
‘Mohe Ballroom’ เป็นเพลงพื้นบ้านที่มีแสดงออกถึงประเพณีของจีน และเอฟเฟกต์บนเวทีก็ควรจะดีเช่นกัน
‘beautiful’ ไม่ต้องพูดถึง เป็นเพลงที่ถ่ายทอดความรู้สึก และทักษะการร้องเพลงที่ดีมาก
เหล่าแฟน ๆ ก็ช่วยไอดอลของพวกเขาเลือกเพลงบนหน้าจอ
ฮันเอินจีเอามือกอดอกแล้วพูดว่า “หลังจากดูเพลงทั้งหมดแล้ว โปรดเลือกเพลงที่พวกคุณอยากใช้แสดงต่อหน้าผู้ชม”