บทที่ 57 ส้มโอจะตามคุณไปทุกที่
บทที่ 57 ส้มโอจะตามคุณไปทุกที่
ซูโย่วอี๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ราคาบัตรมันแพงเกินไปหรือเปล่า
หลังจากที่ ฮันเจ๋อหยางเดบิวต์ เขาก็ได้แสดงละครหลายเรื่อง และมีชื่อเสียงโด่งดัง จากนั้นเขาก็หันไปสู่จอเงิน แต่ก็ยังได้รับรางวัลมากมาย และกลายเป็นนักแสดงยอดเยี่ยม
หากตามข่าวอย่างใกล้ชิดก็จะรู้ว่าเขาไปถึงระดับฮอลลีวูดแล้ว
ชุ่ยเชียนต้งมองคนรอบข้างอย่างมีเลศนัย แล้วกระซิบว่า “คุณรู้ไหม ฮันเจ๋อหยางเป็นน้องชายของอาจารย์ฮันเอินจี”
ซูโย่วอี๋พยักหน้า มันไม่ใช่ความลับอะไร ที่ฮันเอินจีมีชื่อเสียงขึ้นมาได้ก็เพราะเธอเป็นพี่สาวของฮันเจ๋อหยาง
ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลฮันและฮันเจ๋อหยาง ในแวดวงบันเทิงที่มีสาวงามนับไม่ถ้วนแบบนี้ ด้วยรูปร่างหน้าตาและความสามารถของฮันเอินจี คงไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอมีชื่อเสียงขึ้นมาได้ ในการแข่งขันครั้งนี้ คนส่วนใหญ่ก็แค่อิจฉาฮันเอินจี แต่ไม่เคารพตัวตนของเธอในฐานะอาจารย์จากก้นบึ้งของหัวใจจริง ๆ
ชั่วพริบตาพวกเธอก็มาถึงสถานที่จัดการแสดง เมื่อเทียบกับโรงละครหลักหงไห่ สถานที่นี้มีขนาดเล็กกว่ามาก
มีนักข่าวบันเทิงมากกว่าสิบคนพร้อมกล้องรออยู่ที่ทางเข้า และแฟน ๆ หลายคนกำลังรออยู่ที่นั่นพร้อมรูปภาพและป้ายให้กำลังใจ
ซูโย่วอี๋มองพวกเขาทีละคน คนที่พวกเขาให้ความสนใจมากที่สุดคืออวี๋ชิงจ้าว ตามมาด้วยฉูรั่วฮวนและคนอื่น ๆ ในคลาส A
ฮะ?
มีของเธอด้วยเหรอ?
มีคนถือป้ายชื่อของเธอ ‘โย่วโย่วฉันจะติดตามเธอตลอดไป’
“โย่วโย่ว”
“โย่วโย่ว ดีใจที่ได้เจอนะ”
สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือป้ายรูปท่ากลอกตาของเธอ ซึ่งสะดุดตาเป็นพิเศษในหมู่รูปที่สวยงาม
ซูโย่วอี๋คิดในใจ ‘คุณเป็นแฟนคลับฉันแน่เหรอ?’
คุณไม่ใช่พวกแอนตี้แฟนใช่ไหม
เฉินซีซีหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่า ๆ พี่สาว พี่ช่างน่าสงสาร”
ซูโย่วอี๋ แตะหน้ากากอนามัยบนใบหน้าของเธอทันที โชคดีที่มันยังอยู่
“พวกเธอช่วยบังฉันหน่อย แล้วรีบเข้าไปกันเถอะ”
สมาชิกในทีมพยักหน้าอย่างจริงจัง “ค่ะ ลีดเดอร์”
เมื่อเห็นรถบัสจอด นักข่าวก็เข้ามาล้อมรถบัสอย่างเชี่ยวชาญ พวกเขาพยายามถ่ายภาพให้ได้มากที่สุด
สาว ๆ เห็นอย่างนั้นก็รีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาแจ้งรายละเอียด “คุณสามารถให้สัมภาษณ์กับนักข่าวได้ แต่ต้องระมัดระวังในการพูดและอย่าเปิดเผยมากเกินไป การซ้อมจะเริ่มตอนเก้าโมง ขอให้ตรงเวลา อย่ามาสาย”
จากนั้น ประตูรถก็เปิดออกและหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มก็เดินลงมาตามลำดับ ทุกคนพยายามทำตัวให้โดดเด่นต่อหน้าผู้คน แต่เห็นได้ชัดว่าพวกนักข่าวชำนาญมาก พวกเขาเข้าไปรุมล้อมผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับความนิยม อย่างอวี๋ชิงจ้าวและฉูรั่วฮวนทันที
เมื่อนักข่าวกำลังสัมภาษณ์ แฟน ๆ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต่างก็มองไปที่ไอดอลของพวกเขาด้วยความชื่นชม
หลังจากที่เด็กฝึกให้สัมภาษณ์ แฟน ๆ ก็ส่งของขวัญแห่งความรักให้ทันที
บรรยากาศก็ครึกครื้นมากขึ้นเมื่อพวกเขาให้ถ่ายรูปและแจกลายเซ็น
ในอีกด้านหนึ่ง เด็กฝึกที่ได้รับความนิยมน้อยกว่าถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังและเดินเข้าไปในสถานที่ได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อมองไปที่ป้ายชื่อ ‘โย่วโย่ว’ ของเธอ ซูโย่วอี๋ก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เธอย่อตัวลงหลังสมาชิกในทีมและกระซิบว่า “เร็วเข้า”
ทันใดนั้น แฟนคลับตาดีก็หันมาเห็นซูโย่วอี๋และตะโกนว่า “เธออยู่นี่”
ราวกับกำลังวิ่งแปดร้อยเมตร แฟน ๆ เข้ารุมล้อม ซูโย่วอี๋ และสมาชิกในทีมในเวลาไม่กี่วินาที แม้แต่เฉินซีซีก็หนีไม่พ้น
สมาชิกในทีมเริ่มทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดเพื่อป้องกันไม่ให้แฟน ๆ เข้าใกล้หัวหน้าทีมได้
แฟน ๆ ของซูโย่วอี๋เป็นผู้หญิงทั้งหมด และพวกเธอก็ส่งเสียงดังมาก
“สาวน้อยฉันชอบคุณมาก ฉันขอถ่ายรูปได้ไหม”
“เซ็นชื่อให้ได้ไหม?”
“ในจอคุณดูอ้วนกว่าในชีวิตจริงห้ากิโลกรัมเลยนะ”
แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะตื่นเต้น แต่ก็สุภาพมาก
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซูโย่วอี๋ก็หยิบรูปถ่ายทีละรูปและเขียนชื่อของเธอด้วยลายมือที่น่าสังเวช
พอแฟน ๆ เห็นเธอในตอนนี้ก็หัวเราะออกมา “คุณน่ารักมาก คนในทีมเหมือนบอดี้การ์ดเลย”
“ฮ่าฮ่า เสี่ยวโย่วและทีมผู้ซื่อสัตย์ของเธอ””
“โย่วโย่วกับกระต่ายน้อย”
แฟน ๆ ดึงทุกคนมาถ่ายรูปและมอบของขวัญให้
ส่วนของขวัญก็คือ… ส้มโอหนึ่งตะกร้า!
ซูโย่วอี๋และสมาชิกในทีมต่างมีตะกร้าส้มโออยู่ในมือ
ถ้าพวกเธอไม่มีซ้อม แฟน ๆ ก็คงรุมล้อมจนถึงมืดค่ำแน่
เมื่อแฟน ๆ มองเธอจากไปอย่างไม่เต็มใจนัก ซูโย่วอี๋ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปพูด “พวกคุณช่วยหยุดใช้รูปตอนที่ฉันกลอกตาได้ไหม มันน่าเกลียดเกินไป”
พอได้ยินแฟน ๆ ก็หัวเราะลั่น
หลังจากนั้นทีมงานก็พาพวกเธอไปที่ห้องโถง เด็กฝึกส่วนใหญ่รออยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นเธอ ทุกคนต่างมองเธอด้วยความชื่นชม
ยิ่งปรากฏตัว ก็ยิ่งมีแฟนคลับมากขึ้น
ยิ่งกว่านั้น เมื่อเธอพาสมาชิกในทีมไปมีปฏิสัมพันธ์กับแฟน ๆ ของเธอด้วย นั่นเป็นการเพิ่มความนิยมให้กับสมาชิกในทีมของเธอได้อย่างมาก
สำหรับการซ้อมครั้งแรกเป็นการซ้อมที่ผ่านไปค่อนข้างเร็ว เพราะทุกคนต่างซ้อมมาอย่างดีแล้ว และมีโอกาสซ้อมบนเวทีแค่ครั้งเดียว ต่อมาทีมงานก็อธิบายข้อควรระวังของการแสดงต่อหน้าสาธารณชน
ทุกคนต่างได้เห็นการแสดงของแต่ละทีมในเบื้องต้น
ประเด็นสำคัญอยู่ในการซ้อมครั้งที่สอง ซึ่งต้องซ้อมเหมือนกับตอนแสดงจริงทุกประการ หลายกลุ่มไม่มีเวลาดูการแสดงของกลุ่มอื่น โดยปกติแล้วก่อนทีมก่อนหน้าจบการแสดง ทีมถัดมาต้องไปเตรียมพร้อมไว้ก่อน
ทีมงานของรายการจงใจจัดลำดับทีมที่คาดว่าจะทำการแสดงได้ดีไว้หลังสุด และใช้เวลามากขึ้นในการปรับแสงสีบนเวที
การแต่งหน้าและแต่งตัวของทีมซูโย่วอี๋อยู่ในหมวดของโอเปร่า ทรงผม หมวก และเครื่องแต่งกายมีความซับซ้อนมากที่สุดในบรรดาทั้ง 7 ทีม ทีมงานจึงได้เปลี่ยนลำดับการแสดงของพวกเธอไว้เป็นทีมสุดท้าย แต่ก็ยังเร็วเกินไปอยู่ดี พวกเธอยังเตรียมตัวไม่เสร็จ
เมื่อมองไปที่คนบนเวที หัวหน้าผู้กำกับจ้าวเว่ยเฉิงรู้สึกโกรธมาก “ทีมของคุณกำลังทำอะไรอยู่ คุณควรต้องเริ่มซ้อมได้แล้ว ทำไมถึงสายแบบนี้”
ชุ่ยเชียนต้งอธิบายว่า “เสื้อผ้าของพวกเราต้องใช้เวลาในการแต่งตัวค่ะ”
เสียงถูกส่งไปยังหูของทุกคนผ่านไมโครโฟน ทันทีที่ได้ยิน เธอก็รู้ว่าเธอไม่ควรพูดไปแบบนั้นเลย
แน่นอนว่าใบหน้าของจ้าวเว่ยเฉิงพลันมืดมน “ใครคือลีดเดอร์ของทีม คุณจะไม่สื่อสารกับทีมสไตลิสต์ล่วงหน้าเหรอ”
เขาต่อว่าพวกเธอ
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ซูโย่วอี๋ก็ไตร่ตรองและพูดอย่างจริงใจว่า “ฉันขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยค่ะ”
ลีดเดอร์คือหมายเลข 23
เมื่อคิดไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่เฉิน จ้าวเว่ยเฉิงจึงถือไมโครโฟนและพูดว่า “ช่างเถอะ เริ่มกันเลย อย่าให้เสียเวลา ไว้ไปแต่งหน้าหลังซ้อม”
ชุ่ยเชียนต้งร่าเริงขึ้นทันทีที่ได้ยินจ้าวเว่ยเฉิงพูดแบบนั้น
ตลอดช่วงเช้าของการซ้อมมีทั้งปัญหาน้อยใหญ่เกิดขึ้น ยกเว้นกลุ่มของอวี๋ชิงจ้าว แทบจะไม่มีใครทำได้ตามที่ซ้อมกันเลย
จ้าวเว่ยเฉิงพยายามควบคุมสติอารมณ์ การแสดงเป็นทีม สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการถูกลดคุณภาพลงโดยคนหรือสองคน
จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็ดูเรียบร้อยดี
เมื่อถึงจุดพีค ทุกคนก็เงียบทันที
จ้าวเว่ยเฉิงมองไปยังร่างที่อยู่กลางเวที
แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ชมทั้งหมดตกตะลึง!
หลังจากลงจากเวที ซูโย่วอี๋ก็กลับไปที่ห้องแต่งตัวพร้อมกับสมาชิกในทีมทันที
ช่างแต่งหน้ากำลังรออยู่ที่นั่น และสมาชิกในทีมสามคนที่ไม่มีเวลาแต่งหน้าก็ยืนอยู่ข้าง ๆ “ลีดเดอร์ คุณควรแต่งหน้าก่อน ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน การแต่งหน้าของคุณสำคัญที่สุด”
คราวนี้ซูโย่วอี๋ไม่ฟังพวกเธอ “เฮ่อเหว่ย ไปแต่งหน้า”
เมื่อเธอเห็นว่าเฮ่อเหว่ยไม่ขยับจึงย้ำว่า
“เร็วเข้า อย่าทำให้เสียเวลา ฉันจะหาทางแก้ปัญหาการแต่งหน้าของฉันเอง”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหัวหน้าทีม เฮ่อเหว่ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามที่เธอบอก