บทที่ 58 เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?
บทที่ 58 เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?
ซูโย่วอี๋รู้ว่าเวลาในการแต่งหน้าของทีมมีจำกัดเนื่องจากเธอละเลยหน้าที่ในฐานะหัวหน้าทีม เธอจึงต้องรับผลที่ตามมาเอง
เมื่อเธอกำลังคิดว่าจะขอให้ทีมงานของรายการประสานงานกับช่างแต่งหน้าทีมอื่น ทีมงานก็พาหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามา
“คุณซู ผู้กำกับจ้าว กังวลเกี่ยวกับทีมของคุณ เขาจึงส่งช่างแต่งหน้ามาสำหรับทีมของคุณโดยเฉพาะ”
สมาชิกในทีมมองไปที่บุคคลนั้นด้วยความประหลาดใจ
ซูโย่วอี๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบคุณค่ะ”
ทีมงานกล่าวอย่างสุภาพว่า “ผู้กำกับจ้าว ฝากให้ฉันมาบอกคุณว่าตั้งใจแสดงให้ดี และลำดับการแสดงของทีมคุณจะเปลี่ยนเป็นทีมสุดท้าย”
ทีมสุดท้ายเหรอ?
สมาชิกในทีมได้ที่กำลังเริ่มมีกำลังใจขึ้น ก็กังวลอีกครั้งกับประโยคนี้
ทุกคนมองไปที่ซูโย่วอี๋
“เราจะพยายามอย่างเต็มที่ค่ะ” ซูโย่วอี๋กล่าวอย่างใจเย็น
หลังจากที่ทีมงานออกไป เธอก็ให้สมาชิกในทีมมารวมตัวกัน
“พวกเธอควรจะเข้าใจให้ชัดเจนว่าการปรับลำดับนั้นหมายถึงอะไร อย่างน้อยก็เป็นการพิสูจน์ว่าการแสดงของเราระหว่างการซ้อมได้รับการยอมรับจากทีมงานของรายการ”
“มันเป็นทั้งแรงกดดันและแรงจูงใจ เราต้องพิชิตผู้ชมหลักหมื่นให้ได้ด้วยการแสดงของเราเอง!”
สมาชิกในทีมต่างส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจกันและกัน
……
“อะไรนะ? เราแสดงเป็นทีมที่สอง?”
ในห้องแต่งตัว ฉูรั่วฮวนตะโกนอย่างไม่พอใจ “ใครเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ ฉันต้องการพบผู้กำกับจ้าว”
ในตอนแรกมีการแจ้งชัดเจนว่าทีมของพวกเธอจะแสดงเป็นทีมแรก แต่ใครเป็นคนสั่งเปลี่ยนกัน?
อวี๋ชิงจ้าวหรือซูโย่วอี๋?
เนื่องจากทีมงานเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน เธอจึงไม่รู้ว่าจะประนีประนอมกับสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร เธอเลยพูดออกไปตามตรงว่า “งั้นคุณไปถามผู้กำกับจ้าวก็ได้นะคะ”
ฉูรั่วฮวนโกรธจัดจนเตะเก้าอี้ล้ม
เวลา 15:00 น.
บนเวที แสงไฟหลากสีสันต่างส่องสว่างออกมา พร้อมกับเสียงดนตรี ไม่นานอาจารย์ทั้งสี่ก็ออกมาที่หน้าเวที
ผู้ชมส่งเสียงโห่ร้อง
ห้องแต่งตัวแต่ละห้องมีจอ LCD ขนาดเล็กสำหรับชมการแสดงบนเวทีในเวลาเดียวกัน
ชุ่ยเชียนต้งถือหมอนไว้ในอ้อมแขนของเธอ เธอกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง “ว้าว อาจารย์ซือเฉินหล่อจังวันนี้”
“เวทีน่าทึ่งมาก ฉันโชคดีมากที่ได้แสดงที่นี่”
“ฉันประหม่ามาก ฉันไม่เคยแสดงต่อหน้าคนมากขนาดนี้มาก่อน”
เฮ่อเหว่ยปอกส้มโอที่แฟน ๆ มอบให้และแจกจ่ายให้กับทุกคน “ลีดเดอร์ แฟนคลับของคุณเยี่ยมมาก ฮ่าฮ่า”
หลังจากเปิดตัว ฮันเอินจีและซือเฉินทำหน้าที่เป็นพิธีกร พวกเขาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“จากนี้เราจะประกาศกติกาการแข่งขันของการแสดงครั้งนี้ นี่เป็นการแข่งขันแบบทีม หลังจากการแสดงทั้งหมดเสร็จสิ้น ผู้ชม ณ ที่แห่งนี้จะมีสิทธิ์ในการโหวตสองทีมที่คุณชื่นชอบ โปรดทราบว่าคุณไม่สามารถโหวตทีมเดียวสองครั้งได้ มิฉะนั้นการโหวตจะถือว่าเป็นโมฆะ”
ซือเฉินถือบัตรคำพูดในมือของเขา “หลังจากการโหวตเสร็จสิ้น จะมีผู้เข้าแข่งขันมากสุดสี่คนถูกคัดออกจากสี่ทีมที่ได้คะแนนโหวตน้อยที่สุด จะมีสี่คน สามคน สองคน หรือหนึ่งคนก็ได้ โดยหัวหน้าทีมจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะถูกคัดออก”
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ จะมีผู้เข้าแข่งขันต้องกลับบ้านในการแสดงรอบนี้
ผู้เข้าแข่งขันทุกคนเบิกตากว้าง
ก่อนหน้านี้ไม่มีการพูดถึงการคัดออกนี่นา เมื่อมีการประกาศกติกานี้ สมาชิกในทีมก็มองหัวหน้าทีมเปลี่ยนไป
คราวนี้ไม่ใช่ผู้ชม ไม่ใช่อาจารย์ แต่เป็นหัวหน้าทีมที่ต้องตัดสินคัดคนออก!
ดวงตาของซูโย่วอี๋หม่นประกายลง “เราจะต้องอยู่ในสามอันดับแรกแน่ จะไม่มีใครต้องกลับบ้าน พวกเธอลืมไปแล้วเหรอว่าทีมของเราจะแสดงเป็นทีมสุดท้าย”
ทีมแรกคือทีม อวี๋ชิงจ้าว พวกเธอยังคงสไตล์ของตัวเอง พวกเธอสวมชุดสีดำ มีโชคเกอร์รูปผีเสื้อสีน้ำเงินและดำที่คอซึ่งเสริมให้พวกเธอดูมีเสน่ห์ดึงดูดมาก
จากภาพโคลสอัพทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของสะโพกอย่างชัดเจน จนทำให้ผู้ชมแทบบ้าคลั่ง
[อัก! ฉันตาย!]
[น้องสาวจ้าว ทำไมเธอถึงทำอย่างนั้น? ทำไมคุณถึงเต้นได้ดีขนาดนี้]
[เซ็กซี่มาก!]
[ฉันเป็นใคร ฉันเป็นใคร ช่วยฉันด้วย!]
[เผ็ดมาก! เผ็ดมาก!]
[ตบหน้าฉันที!]
[ขาเธอยาวกว่าหน้าจออีก เช็ดน้ำลาย อิอิ]
เสียงกรีดร้องของผู้ชมดังเสียดแก้วหู
ฉูรั่วฮวนซึ่งกำลังรอทำการแสดง หน้าตาคร่ำเครียดมากเมื่อเห็นฉากนั้น ทักษะของเธอไม่ดีเท่าอวี๋ชิงจ้าวก็จริง แต่การที่ทีมงานของรายการขอให้ทีมของเธอเป็นทีมที่สอง นี่พวกเขาไม่ได้กำลังเล่นตลกกับเธอเหรอ?
มันยากมากที่จะชนะการแข่งขันครั้งนี้
หลังจากที่พิธีกรประกาศทีมที่จะทำการแสดงครั้งต่อไป ซูโย่วอี๋ก็จับจ้องไปที่หน้าจอ
เธอต้องการเห็นให้แน่ใจว่าลู่เฉินได้ทำตามสัญญา
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าการแสดงที่แฟน ๆ รอคอยจะกลายเป็นเรื่องยุ่งเหยิง
ชุ่ยเชียนต้งพูดด้วยความสงสัย “ลีดเดอร์ ทำไมฉันรู้สึกว่าฉูรั่วฮวนพยายามขโมยซีนตลอดเวลาเลยล่ะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอมองไปรอบ ๆ และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีเพียงสมาชิกในทีมเท่านั้นที่อยู่ในห้องนี้ เห็นอย่างนั้นเธอก็รู้สึกโล่งใจ
หากคำพูดนี้มีใครมาได้ยินคงเป็นปัญหาแน่
ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้วมองไปที่หน้าจอ ดูเหมือนว่าฉูรั่วฮวนขโมยซีนไปจริง ๆ นั่นแหละ
ในช่วงครึ่งแรกของการเต้น การแสดงค่อนข้างปกติ ในช่วงครึ่งหลัง ดูเหมือนว่าฉูรั่วฮวนจะพบว่ากล้องชอบหันไปที่เฉินซีซี ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนตำแหน่งชั่วคราวเพื่อป้องกันไม่ให้เฉินซีซีได้แอร์ไทม์มากเกินไป!
จังหวะการเต้นหยุดชะงักและเอฟเฟกต์บนเวทีก็เกือบพังทลาย!
คนดูไม่สนใจเธอ เพราะยังไงเฉินซีซีก็มีแฟนคลับจำนวนมากอยู่แล้ว
[ฉูรั่วฮวนเป็นอะไรมากไหม ทำไมเธอถึงขวางกระต่ายขาวตัวน้อยของเราตลอด]
[นังฉู]
[กระต่ายน้อยยิ้มอย่างสดใส!]
[การเต้นของกระต่ายน้อยน่าทึ่งมาก!]
[ลีดเดอร์ฉูรั่วฮวนกำลังทำให้ตัวเองเสื่อมเสียจริง ๆ!]
[ได้โปรด พาผู้หญิงคนนี้ออกไปได้ไหม ไม่มีใครอยากดูเธอ]
[น่าขยะแขยง]
[ฉูรั่วฮวน ไม่ช้าก็เร็วคุณจะสูญเสียความเป็นตัวเอง!]
แฟน ๆ ของ ฉูรั่วฮวนไม่สามารถหลอกตัวเองได้ พวกเขาทำได้เพียงหดหัวและพูดออกมาหนึ่งหรือสองคำเป็นครั้งคราว “ฉูรั่วฮวนประหม่าเกินไป เธอไม่ได้ทำอย่างที่พวกคุณพูดนะ”
ในหมู่ผู้ชม ป้ายไฟเชียร์ฉูรั่วฮวนค่อย ๆ หายไป และมีเพียงไม่กี่คนที่ยังเปิดไฟอยู่อย่างกระจัดกระจายในทะเลผู้คน
ตรงกันข้าม เสียงเชียร์ของกระต่ายน้อยเฉินซีซียิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ
ใบหน้าของหลินเจี้ยนดูร่าเริงขึ้นมาและคิดว่า ‘ฉูรั่วฮวนเธอเสร็จแน่!’
หลังจากการแสดงจบ สีหน้าของเหล่าอาจารย์ดูไม่ดีเลย แม้แต่ฮันเอินจีซึ่งชื่นชมฉูรั่วฮวนมาตลอด ก็ไม่สามารถพูดแก้ต่างให้ได้
จงลี่แสดงความคิดเห็นกับการแสดงของทีมนี้ว่า “ไม่มีความพร้อมเพรียง”
ซือเฉินรีบไปที่การแสดงทีมที่สามอย่างรวดเร็ว และแม้แต่เวลาที่ควรจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมก็ถูกตัดไปกว่าครึ่ง
กลับมาที่ห้องแต่งตัว ฉูรั่วฮวนไม่ได้สนใจสมาชิกในทีมคนอื่น ๆ และดวงตาของเธอก็ฉายแววเย็นชา
“เฉินซีซี เธอคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่?”
เฉินซีซีรู้สึกสับสน “อะไร?”
เมื่อตอนที่เธออยู่บนเวที เธอนึกถึงคำพูดของพี่สาวของเธอที่ว่าไม่ว่าเธอจะยืนอยู่ที่ใด เธอต้องแสดงความสามารถให้เต็มที่
ดังนั้นเธอจึงหมกมุ่นอยู่กับการเต้นโดยปราศจากความคิดน้อยใจที่ได้ยืนอยู่ด้านหลัง
“อย่าทำเป็นโง่กับฉัน ฉันเป็นเซนเตอร์ กล้องต้องถ่ายฉันตลอด ที่เธอทำมันสมเหตุสมผลไหม”
เฉินซีซีเอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ทำไมล่ะ ฉันเต้นได้ดีกว่าเธอ เธออยากเป็นเซนเตอร์ แต่เต้นอย่างกับคนไม่มีแรง มันเป็นความผิดของฉันเหรอ?”
ใบหน้าของฉูรั่วฮวนเปลี่ยนเป็นสีแดง “เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
เฉินซีซีดูเหมือนจะได้ยินอะไรตลก ๆ ก็ตอบออกไปว่า “แล้วเธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร เธอคิดว่าจะรังแกฉันได้ง่าย ๆ เหรอ?”