บทที่ 8 ซากมังกรสถิต (ต้น)
บทที่ 8 ซากมังกรสถิต (ต้น)
ซวี่รั่วหลิงขบริมฝีปากระเรื่อเบา ๆ แววตารื้นน้ำทำให้นางดูน่ารักเป็นอย่างยิ่ง “ตรวจสอบร่างกาย แล้วเหตุใดจึงต้องทำเช่นนี้”
ลู่หยวนกล่าวออกมาโดยที่ใบหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “นี่เป็นวิชาลับของตระกูลลู่ เมื่อทำเช่นนี้จึงจะสามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจนขึ้น”
“อืม” ซวี่รั่วหลิงเชื่อคำพูดของเขา จึงปล่อยให้ชายหนุ่มกอดนางไว้
ยามอยู่ในอ้อมแขนกำยำ นางรู้สึกราวกับความกังวลในใจค่อย ๆ เลือนรางหายไป
ขณะที่ลู่หยวนสัมผัสผิวกายนุ่มนวล รับรู้ถึงกลิ่นหอมจาง ๆ ในอ้อมแขนของเขา ก็สั่งให้ระบบตรวจสอบร่างกายของหญิงสาวไปในเวลาเดียวกัน
เพียงไม่นาน เสียงของระบบก็ดังขึ้น
ระบบแจ้งออกมาว่าซวี่รั่วหลิงมีร่างหยินบริสุทธิ์
กายหยินบริสุทธิ์อันลึกลับทว่าไม่สมบูรณ์
ไม่แปลกใจที่บิดาราคาถูกของข้าจะกล่าวว่าอย่าปล่อยให้นางหลุดมือไป ให้ลองศึกษาดูใจกันไปก่อนหลังจากได้พบกับซวี่รั่วหลิง
หากใช้กายหยินบริสุทธิ์นี้เพื่อการบ่มเพาะ มันจะเกิดประโยชน์ที่ยอดเยี่ยมโดยใช้ระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เพราะมนุษย์ไม่อาจหลั่งน้ำในการ ‘ประสานกายกัน’ ได้ตลอดเวลา
เวลานี้ตัวเขามีระบบอยู่ภายใน หากเขาสามารถฟื้นฟูร่างกายของนาง เช่นนี้คงจะสามารถช่วยเหลือได้มาก
“แล้วมีวิธีแก้ไขหรือไม่?” ลู่หยวนถาม
ระบบวายร้ายเพียงกล่าวตอบลู่หยวน [ต้องใช้ค่าชะตา 2,000 แต้ม]
เวลานี้เขามีเพียง 1100 แต้มเท่านั้น แล้วเขาจะแก้ไขสิ่งตรงหน้าได้อย่างไร
ใบหน้าของลู่หยวนกลายเป็นเคร่งเครียดก่อนจะกล่าวต่อ “มีถูกกว่านี้หรือไม่?”
ระบบวายร้ายเปิดเผยโอสถชนิดหนึ่งออก ก่อนจะปรากฏข้อความ [ใช้ 100 แต้ม]
ดวงตาของลู่หยวนเป็นประกาย… หนึ่งร้อยแต้ม! ตัวเลขนี้นับว่ายอดเยี่ยม เขารีบตรวจสอบข้อมูลของมันทันที
โอสถนี้… ทำให้กายหยินบริสุทธิ์กลายเป็นสมบูรณ์ได้ แต่มันไม่สามารถฟื้นฟูได้เต็มที่นัก และสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ลู่หยวนจ่ายหนึ่งร้อยแต้มเพื่อซื้อยา และหลังจากนั้นโอสถศักดิ์สิทธิ์หกหยินจึงปรากฏอยู่ในแหวนมิติของเขา
ซวี่รั่วหลิงรออยู่นาน แต่ลู่หยวนยังคงกอดนางไว้แน่น เวลานี้ร่างกายหญิงสาวถูกโอบล้อมด้วยกลิ่นอายอบอุ่นของบุรุษ จนใบหน้ายิ่งแดงเรื่อขึ้น
เมื่อลู่หยวนฟื้นคืนสติกลับมา เขาก้มศีรษะลงและเห็นว่าซวี่รั่วหลิงมีใบหน้าแดงก่ำตั้งแต่คอเรียวไปจนถึงใบหู
“เจ้าเป็นอะไร? เป็นไข้หรือ?”
ลู่หยวนยกมือแตะหน้าผากของซวี่รั่วหลิง… ในโลกแฟนตาซีอย่างนี้ก็สามารถเป็นไข้ได้ด้วยหรือ?!
ซวี่รั่วหลิงถอยหลังไปเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงมือของลู่หยวนก่อนกล่าวติดขัดว่า “ตรวจร่างกายเสร็จแล้วหรือ?”
ลู่หยวนคลายอ้อมแขนจากซวี่รั่วหลิงแล้วถอนหายใจ “อืม เสร็จสิ้นแล้ว”
หญิงสาวยืนอยู่ข้างกาย กลิ่นอายของลู่หยวนยังคงเจือจางรอบกาย ใบหน้าที่เคยซับสีของนางจึงค่อย ๆ จางลง
ลู่หยวนหยิบขวดหยกออกมาวางบนโต๊ะแล้วกล่าวว่า “นี่คือโอสถศักดิ์สิทธิ์หกหยิน เป็นยาอายุวัฒนะระดับสี่ มันสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายของเจ้าได้เล็กน้อย”
ซวี่รั่วหลิงมองขวดเล็ก ๆ บนโต๊ะ นางอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นจนขากรรไกรค้าง
ระดับของโอสถนี้แบ่งออกเป็นอันดับหนึ่งถึงเก้า และอันดับหนึ่งคืออันดับที่ดีเลิศที่สุด ส่วนอันดับเก้าคืออันดับที่ออกฤทธิ์ได้น้อยที่สุด
และด้วยทรัพยากรของสำนักฟ้าประทานแล้ว โอสถที่ดีที่สุดที่ซวี่รั่วหลิงเคยสัมผัสอยู่ในอันดับหกเท่านั้น
แม้แต่เจ้าสำนักฟ้าประทานก็ไม่เคยครอบครองโอสถอันดับสี่มาก่อน แต่ตอนนี้มันถูกวางไว้ตรงหน้าของนาง
ซวี่รั่วหลิงกล่าวถามอย่างไม่เชื่อถือ “ให้ข้าหรือ?”
“เอาละ รับมันไปซะ แล้วปรับลมปราณให้ดี บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะปกป้องเจ้าเอง”
ซวี่รั่วหลิงไม่ลังเลอีกต่อไป นางเอื้อมมือไปหยิบขวดยาทันที นางไม่ได้กังวลอะไรนัก สำหรับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเช่นลู่หยวน เขาไม่จำเป็นต้องเกลี้ยกล่อมนางแม้แต่น้อย หากต้องการทำสิ่งใดกับนาง เขาก็สามารถทำได้ทันทีเพียงแค่นึกคิด
เมื่อเปิดขวดออก กลิ่นหอมของยาพลันอบอวลไปทั่วห้อง
นางหยิบโอสถอายุวัฒนะออกมาแล้วกลืนมันลงไปทันที มันละลายในปากก่อนจะไหลลงสู่ช่องท้อง
หลังจากนั้นปราณเย็นเยือกพลันพวยพุ่งออกจากจุดตันเถียน ก่อนแผ่ขยายไปทั่วแขนและขา!
ซวี่รั่วหลิงเข้าสู่สมาธิ แล้วเริ่มฝึกฝนทันที อุณหภูมิรอบกายของนางค่อย ๆ ลดลงเป็นสงบนิ่ง
ลู่หยวนเอนกายอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความผ่อนคลาย พลางจิบชารอ
ตระกูลอวิ๋นทั้งหมดนั้นสัมผัสได้ถึงการไหลเวียนลมปราณอันทรงพลัง กลิ่นอายนี้กวาดไปทั่วหนแห่ง ดูเหมือนเป็นสัญญาณว่าใครบางคนกำลังจะทะลวงขั้น
ทุกคนพบทิศทางนั้น และมันคือลานบ้านที่ลู่หยวนอาศัยอยู่ พวกเขาหยุดฝีเท้าลง สำหรับคนทั่วไปแล้วขอบเขตราชันยุทธ์เป็นสิ่งที่ไกลเกินใฝ่ฝัน แต่ตอนนี้มีใครบางคนกำลังจะพัฒนาอีกขั้น จิตใจของพวกเขาถึงกับอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
ประมาณครึ่งชั่วยามถัดมา ซวี่รั่วหลิงลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ปราณอันแข็งแกร่งเล็ดลอดออกจากร่างกายของนางกระจัดกระจายไปโดยรอบ ไม่ว่าปราณพลังนี้จะผ่านพ้นสถานที่ใด สถานที่แห่งนั้นจะกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งปกคลุม เวลานี้กลายเป็นว่าตระกูลอวิ๋นทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยเกล็ดน้ำแข็งในทันที
ลู่หยวนมองซวี่รั่วหลิงแล้วพยักหน้า “อืม ก้าวเข้าสู่ขั้นราชันยุทธ์ระดับสูงเสียที”
ซวี่รั่วหลิงปิดกั้นลมปราณในกายของตนเอง และน้ำแข็งโดยรอบจึงแผ่ซ่านออกไป ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจก่อนลุกขึ้นแล้วคำนับลู่หยวน “ขอบคุณคุณชายลู่!”
เป็นเวลากว่าห้าปีแล้วที่นางสามารถทะลวงผ่านสู่ขั้นราชันยุทธ์! แต่ว่านางกลับไม่เคยสามารถเพิ่มระดับของการฝึกฝนจากระดับรากฐานไปสู่ระดับอื่นได้เลย ไม่มีความคืบหน้าใด… ไม่ว่าจะพยายามอย่างหนักเพียงใดก็ไร้ประโยชน์
แต่เวลานี้ลู่หยวนใช้เพียงโอสถอายุวัฒนะเพื่อให้นางสามารถทะลวงถึงสองระดับทันที จะไม่ให้นางสำนึกในบุญคุญของเขาได้อย่างไรที่นำพาให้นางเข้าสู่ขั้นราชันยุทธ์ระดับสูง
ลู่หยวนยกมือขึ้น “ไม่จำเป็น การฝึกฝนของเจ้าทะลวงเข้าสู่ขั้นราชันยุทธ์ระดับสูงแล้ว แต่เป็นเพราะโลหิตของเจ้าบกพร่อง จึงไม่สามารถไปต่อได้ หากสายเลือดได้รับการบ่มเพาะแล้ว เดี๋ยวรากฐานการฝึกยุทธ์ก็จะพัฒนาได้เอง”
ซวี่รั่วหลิงทราบดีว่าสิ่งที่ลู่หยวนกล่าวออกมาคือความจริง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือโอสถเมื่อครู่นี้
หากไม่มีโอสถอายุวัฒนะนั้น การฝึกฝนของนางคงจะอยู่ในขั้นราชันยุทธ์ระดับรากฐานตลอดไป และคงไม่อาจทะลวงผ่านได้แม้ถึงวันที่สิ้นลมหายใจ
เวลานี้ซวี่รั่วหลิงรู้สึกว่าลู่หยวนไม่ใช่บุคคลที่เลวร้ายอย่างที่คิด อีกทั้งยังดีกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนอื่นเสียอีก
เมื่อนึกย้อนกลับไปวันที่นางถูกจับตัวไปยังตระกูลลู่ ลู่หยวนไม่เคยแตะต้องนางแม้เพียงครั้ง เมื่อได้พบกันคราวแรกก็ยังไม่ได้ล่วงเกินนาง
ต่อมา ไม่เพียงแต่ไม่หลงกลในกับดักของตระกูลลู่ แต่ชายหนุ่มยังพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้รับตำแหน่งในการเข้าสู่ซากมังกรสถิตเพื่อค้นหาสมบัติล้ำค่า
และตอนนี้ลู่หยวนนำโอสถอายุวัฒนะระดับสี่ออกมาเพื่อฟื้นฟูร่างกายของนาง แม้สำหรับลู่หยวนแล้ว โอสถอายุวัฒนะระดับสี่คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก
แต่สำหรับซวี่รั่วหลิง นางรู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในใจ ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ ๆ หญิงสาวก็พลันนึกคิดว่าลู่หยวนน่าจะสนใจในตัวนางอยู่
มิฉะนั้น… ด้วยสตรีศักดิ์สิทธิ์มากมายที่ถูกจองจำ เหตุใดเขาจึงเลือกพาตัวนางออกมาเพียงคนเดียว
ระบบแจ้งเตือนว่า [อารมณ์ของซวี่รั่วหลิงเปลี่ยนแปลง ค่าชะตาของบุตรแห่งโชคชะตาหมัวเทียนลดลง 500 แต้ม! และค่าชะตาวายร้ายเพิ่มขึ้น 1,000 แต้ม!]
[ค่าชะตาปัจจุบันของท่านคือ 2,000 แต้ม!]
ค่าชะตาของบุตรแห่งโชคชะตาลดลงได้อย่างไร?
ลู่หยวนประหลาดใจ แต่เมื่อหันไปเห็นดวงตาของซวี่รั่วหลิงที่กำลังจับจ้องเขาอย่างเคลิบเคลิ้ม อีกฝ่ายก็รีบหลบสายตาทันที
ลู่หยวนยิ่งไม่เข้าใจ สาวน้อยตรงหน้านี้คิดอะไรอยู่?
ระบบคงจะอธิบายให้ทราบภายหลัง
[ติ๊ง] เสียงระบบดังอีกครั้ง ดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มให้หันไปหา