ตอนที่ 783 ความจริงเธอเป็นแบบนี้…
สิ่งที่เห็นสะท้อนผ่านม่านตา คือโครงกระดูก!
เป็นโครงกระดูกมนุษย์…
ร่างเหนียนเสี่ยวมู่แข็งทื่อ ไม่กี่วิต่อมา การพบสถานการณ์ที่แทบราวกับการฆาตกรรม เธอเลยสาวฝีเท้าวิ่งออกไปข้างนอก
เมื่อก้าวเท้าได้เพียงก้าวเดียว จู่ๆ ก็นึกอาชีพของถานเปิงเปิงขึ้นได้ ก็ชะงักฝีก้าวทันที
ก็หยุดที่จะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา เตรียมโทร.หาตำรวจ พอชำเลืองมองโครงกระดูกที่อยู่ในตู้ใหม่อีกครั้ง
โครงกระดูกก็สะอาดสะอ้านเป็นอย่างมาก
ไม่มีคราบเลือดแม้แต่น้อย แถมยังได้กลิ่นยาฆ่าเชื้อจางๆ เหมือนแบบจำลองกระดูกมนุษย์เพื่อไว้ศึกษาที่อยู่ในโรงพยาบาล
อีกทั้งเหมือนจะยังดูใหม่อยู่ด้วย
เหนียนเสี่ยวมู่ลังเลอยู่ไม่กี่วิ ก็รวบรวมความกล้าทั้งหมด มองโครงกระดูกใหม่อีกครั้งพลางเดินเข้าไป แล้วยื่นมือไปสัมผัส
เย็นจัง…
ทันใดนั้นเอง ก็สังเกตได้ถึงตะปูตรงข้อต่อที่เชื่อมต่อโครงกระดูกไว้ด้วยกัน เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งใจทันที
เธอลืมได้อย่างไรกันว่า บ้านถานเป็นตระกูลแพทย์ที่มีชื่อเสียง
นี่ก็คงจะเป็นโครงกระดูกปลอม ที่ไว้ใช้ศึกษาตามปกติสินะ
แต่ถานเปิงเปิงเป็นเพียงหญิงสาว ที่อยู่คนเดียว แถมกล้าวางของพรรค์นี้ไว้ในบ้าน ซึ่งก็ทำคนตกใจได้มากพอทีเดียว
ยังดีที่เธอใจกล้ามาก ไม่งั้นเมื่อกี้นี้ เกรงว่าคงตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อแล้ว!
เหนียนเสี่ยวมู่ที่หายจากอาการช็อก กำลังคิดจะปิดตู้ ก็พลันเห็นยังมีประตูเล็กๆ อยู่ข้างๆ ดูเหมือนกับว่ามีอะไรวางไว้ด้านใน
เธอกัดริมฝีปาก แล้วค่อยๆ ยื่นมือไปเปิดประตูเล็กๆ นั่นออก
มีโครงกระดูกที่น่าสะเทือนขวัญแล้ว ครั้งนี้เมื่อเธอเห็นตัวอย่างแผ่นโฟมในสารฟอร์มาลีน
นอกจากสีหน้าจะซีดลงเล็กน้อย ก็ยังสามารถสงบสติอารมณ์ได้อยู่ แล้วปิดประตูไปอีกครั้ง
ระหว่างที่ปะติดปะต่ออยู่ ก็ปิดประตูเสื้อผ้าลง
แล้วหาทั่วทุกพื้นที่ทั้งห้องเก็บของเท่าที่จะหาได้ จนแทบจะหาไปรอบหนึ่งแล้ว ก็ยังหาของจำพวกวิกหรือหมวกไม่เจอเลย
ไม่สิ แต่มีหมวกแก๊ปอยู่ใบเดียว
แต่ถานเปิงเปิงไม่ได้ซื้อมา เป็นเธอที่ครั้งหนึ่งไปเดินเล่นแล้วเห็นว่าสวยดี เลยซื้อให้หล่อนใบหนึ่ง
แล้ววางไว้ในตู้เสื้อผ้าของถานเปิงเปิงแบบใหม่เอี่ยม กระทั่งป้ายราคายังไม่ได้เอาออก ดูเหมือนว่าเธอยังไม่เคยสวมมันเลยสักครั้ง
ตอนที่เหนียนเสี่ยวมู่เดินออกจากห้องเก็บของ ก็จับปลายผมตัวเองไว้แน่นด้วยความสับสนเล็กน้อย
ตามที่เธอเข้าใจถานเปิงเปิง ที่จริงแล้วถานเปิงเปิงเป็นคนที่ใจร้ายกับตัวเองมาก
แรงกายแรงใจทั้งหมดของเธอล้วนไปอยู่กับการศึกษาแพทย์
นอกจากชีวิตที่ปกติแล้ว ก็ไม่ได้เที่ยวเล่นอะไรเป็นพิเศษ
ตอนที่หล่อนเข้าทำงาน ก็เป็นการดูแลคนไข้ในโรงพยาบาล หลังจากเลิกงาน ก็เป็นการดูแลเธอ หรือว่าคนไข้จะเหมือนกับเธอที่โดนถานเปิงเปิงรับมาโดยไม่ได้ตั้งใจ…
หากไม่มีคนต้องการให้หล่อนดูแลจริงๆ หล่อนก็อาจจะไปช่วยสถานสงเคราะห์ ไม่ก็อุดอู้อยู่ในห้องหนังสือ ทำวิจัยของหล่อนที่เปรียบดั่งคัมภีร์สวรรค์การแพทย์นั่น
หลังจากเหนียนเสี่ยวมู่ดูแลชีวิตตัวเองได้ เรื่องที่ชอบทำมากที่สุดก็คือลากถานเปิงเปิงออกไปเดินเล่นซื้อของ กินข้าว ดูหนัง…
ซึ่งก็พยายามใช้กิจกรรมเหล่านี้บอกกับเธอว่าชีวิตคนเราไม่ควรมีแต่งาน ควรมีสังคมและความสุขแบบทั่วไปบ้าง
แต่ถานเปิงเปิงไม่ได้ใช้เลยสักนิด…
จะทำยังไงดีนะ จะทำยังไงดี
ทนดูหล่อนผิดหวังไม่ได้ที่สุดแล้ว แค่ตอนที่เหนียนเสี่ยวมู่แค่นัดหล่อนไว้ ก็พยายามออกมาเป็นเพื่อนตัวเธออย่างเต็มที่
พูดตามเหตุผลแล้ว ถานเปิงเปิงไม่น่าใช่คนเลวร้ายอะไร
งั้นเธอตอนอยู่สนามบินอยู่ๆ ก็ขอยืมวิกกับหมวกจากพนักงานไปทำไมกัน
อีกทั้งพอยืมไม่ได้ ตัวเองก็ยังจะไปซื้ออีก…
ความจริงเหนียนเสี่ยวมู่คิดแล้วก็ไม่เข้าใจ การกระทำของถานเปิงเปิง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เธอเป่าผมจนแห้งแล้ว ก็กลับเข้าห้องนอนไปโน้มตัวลงบนเตียง หันศีรษะพลางมองดูห้องของถานเปิงเปิงที่อยู่เบื้องหน้า…
ตอนที่ 784 รอจนกว่าฉันจะไปหาเธอ!
เธอมองดูเรื่อยๆ จนเหนื่อยและผล็อยหลับไป…
ในฝัน เธอเจอถานเปิงเปิง
ซึ่งถานเปิงเปิงยืนอยู่ที่อาคารผู้โดยสารของสนามบินที่กว้างใหญ่เพียงคนเดียว ในมือกำลังถือตั๋วเครื่องบินขากลับใบหนึ่ง แต่กลับมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจกลัว
เครียดจนเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าผากไปหมด
เมื่อเห็นหล่อน ตัวเธอก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็มองหล่อนพลางเข้าไปหา มือทั้งสองจับไหล่เธอไว้ แล้วถามเธอว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
แต่ไม่รอให้หล่อนได้พูด ก็ใช้แรงกดหล่อนเข้ามาในอ้อมอก แล้วพูดไม่หยุดว่า “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดีแล้วนะ…”
เหมือนว่าเหนียนเสี่ยวมู่ติดเชื้อความตื่นตระหนกของหล่อนเข้าแล้ว ก็กอดหล่อนจากด้านหลังพร้อมกับถามอย่างร้อนใจ
“เปิงเปิง เธอจะไปไหน ฉันหาเธอมาโดยตลอดเลยนะ แต่หายังไงก็หาไม่เจอ ฉันเป็นห่วงเธอมากเลย…”
เธอไม่ทันจะได้พูดจบ ถานเปิงเปิงก็ได้ยื่นมือมาปิดปากเธอไว้
แล้วหันศีรษะมองรอบๆ ทีหนึ่งด้วยท่าทีเคร่งเครียด จากนั้นก็กระตุกยิ้มเบาๆ มองเธอพลางยิ้มปลอบใจให้เธอ
“ฉันไม่เป็นไร เธอไม่ต้องกลัว เธอรีบไปเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน จำไว้ว่าต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ… ลิ่วลิ่ว ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ รอจนกว่าฉันจะไปหาเธอ…”
“เปิงเปิง เธอกำลังพูดบ้าอะไรอยู่ ฉันจะไปทิ้งเธอได้ไงกัน พวกเราต้องไปด้วยกันสิ!”
เหนียนเสี่ยวมู่คว้ามือหล่อน ใช้แรงจับหล่อน คิดอยากจะดึงหล่อนไปด้วยกัน แต่พอก้าวเดิน ถานเปิงเปิงที่อยู่เบื้องหน้าก็หายตัวไปแล้ว
มองดูมือที่ว่างเปล่า เธอถึงกับนิ่งอึ้งอยู่กับที่
พอเงยหน้ามาอีกที รอบๆ ตัวก็ล้วนขาวโพลนไปหมด แม้แต่เงาก็ยังไม่มี
ถานเปิงเปิงที่ยังยืนอยู่ด้านหน้าเธอเมื่อกี้นี้ กระทั่งชายเสื้อก็หาไม่เจอแล้ว…
เหลือไว้เพียงเสียงสะท้อนของหล่อนเมื่อครู่ที่กำลังดังข้างหูไม่หยุดว่า
“ลิ่วลิ่ว ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ รอจนกว่าฉันจะไปหาเธอ…”
“ลิ่วลิ่ว…”
“ลิ่วลิ่ว…”
“ลิ่วลิ่ว…”
“อ๊าก…”เหนียนเสี่ยวมู่ลืมตาขึ้น ลุกขึ้นจากเตียงทันที
ทั่วร่างกายชุ่มไปด้วยเหงื่อ
มีของเหลวไหลจากปลายหางตา เธอยื่นมือไปแตะอย่างไม่รู้ตัว จึงพบว่าตัวเองนั้นร้องไห้
เธอหันศีรษะมองรอบๆ ไม่ต้องพูดถึงถานเปิงเปิงเลย แม้แต่เงาคนก็ยังไม่มี
ภายในห้องที่ว่างเปล่า มีแค่เธอคนเดียว
ฟ้าที่เพิ่งสางด้านนอกหน้าต่าง
ช่างเป็นโลกแห่งความฝันที่สมจริงเสียนี่กระไร…
เหมือนกับว่า เธอได้พูดคุยกับถานเปิงเปิงในฝันจริงๆ
แต่ถานเปิงเปิงไม่เคยเรียกเธอว่าลิ่วลิ่วนี่นา
อาจจะเพราะระยะนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย จนทำให้ความจำตัวเธอเริ่มจะยุ่งเหยิงไปหมดกระมัง
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้คิดมากอะไร จึงเลิกผ้าห่มออกแล้วลุกจากเตียง เก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะไปทำงานที่บริษัท
ครั้งนี้ ตอนที่เธอถึงบริษัท ก็ไม่เห็นอวี๋เยว่หานที่ใต้ตึก
ตลอดช่วงเช้า ก็ไม่เจอเขาเลย
พอถึงเวลาข้าวเที่ยง ไปกินข้าวที่โรงอาหาร ก็ได้ยินเพื่อนร่วมงานผู้หญิงพูดกันว่า ที่วันนี้อวี๋เยว่หานไม่มาบริษัทเพราะเหมือนว่าจะไม่สบาย
พอได้ยินว่าเขาไม่สบาย เหนียนเสี่ยวมู่ที่ถือถาดอาหารอยู่นั้น ก็ชะงักหยุดเดินไป
แล้วหันศีรษะไปมองที่กลุ่มคนที่กำลังคุยกันบนโต๊ะกินข้าวด้านข้าง
“พวกคุณพูดว่าคุณชายหานป่วยเหรอคะ”
“ผู้จัดการเหนียน” เหล่าพนักงานบนโต๊ะกินข้าวทำการทักทายเธอก่อน พอเห็นว่าตัวเองซุบซิบอยู่ทนโท่ ไม่ได้จะเอาความเรื่องที่พวกหล่อนซุบซิบท่านประธานลับหลัง เลยอธิบายให้เธอด้วยเสียงเบาว่า
“พวกฉันเองก็ไม่แน่ใจมากนักหรอกค่ะ ได้ข่าวมาจากฝ่ายเลขาน่ะค่ะ ได้ยินว่าเมื่อเช้านี้ผู้ช่วยหยางโทร.มาว่าให้ฝ่ายเลขายกเลิกตารางงานท่านประธานของวันนี้ทั้งหมด เดิมทีคุณชายหานไม่น่าไม่มาบริษัทตามอำเภอใจหรอกค่ะ ก็ออกจะมีชื่อเสียงว่าเป็นคนบ้างานนี่คะ เพราะงั้น…”
เพราะงั้นที่อยู่ดีๆ อวี๋เยว่หานไม่มานั้นความเป็นไปได้ที่มากที่สุดก็คือไม่สบายนั่นเอง