ตอนที่ 795 เธอรู้แล้วว่าทำไม!
เหนียนเสี่ยวมู่วางแขนทั้งสองข้างไว้ที่หลังหมอน ตอนที่ใกล้เคลิ้มจะหลับ จู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างได้ จึงสะดุ้งตื่นแล้วพลิกตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง
เธอนึกออกแล้วว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นนัก!
เหนียนเสี่ยวมู่เอื้อมมือไปคว้าอัลบัมรูปที่อยู่หน้าโต๊ะข้างเตียงกลับมา แล้วพลิกเปิดรูปข้างใน จรดหน้าสุดท้าย จนถึงรูปเดี่ยวของถานเปิงเปิง
เธอจ้องข้างในรูปภาพ ร่างเล็กๆ ที่กำลังสวมชุดรัดรูปยืนอยู่หน้าแปลงดอกไม้นั่น
ถานเปิงเปิงข้างในภาพก็น่าจะอายุราวๆ สิบกว่าปี
ความรู้สึกของภาพนี้ รูปนั่นช่างเหมือนสถานที่ที่เธอเจอฟ่านอวี่ในช่วงแรกๆ
กระทั่งท่ายืนของถานเปิงเปิงก็คล้ายคลึงเด็กสาวที่สวมชุดดำคนนั้นเป็นอย่างมาก…
ทว่าชุดที่ถานเปิงเปิงสวมใส่ไม่ใช่สีดำ
ภายในทั้งอัลบัมก็หารูปที่ถานเปิงเปิงสวมชุดสีดำไม่เจอเลย
ตามที่เธอเข้าใจ ถามเปิงเปิงไม่ชอบสีดำ จะพูดว่าชอบ เธอก็คงจะชอบสีขาวมากกว่า
ที่โรงพยาบาลทุกวันนี้ก็เป็นชุดกาวน์ขาว พอออกจากโรงพยาบาลก็เป็นเสื้อเชิ้ตขาวที่เข้ากับกางเกงยีนอย่างง่ายๆ
อีกทั้งหากเธอและถานเปิงเปิงรู้จักกันเร็วกว่านี้ ทำไมถานเปิงเปิงจะไม่บอกเธอละ
เหนียนเสี่ยวมู่คิดไม่ตกกับคำถามที่มีมากเกินไป เธอกอดอัลบัมรูปไว้ ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ
เธอพลิกตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างรวดเร็ว แล้วเข้าห้องหนังสือของถานเปิงเปิง แล้วตามหารูปอื่นที่ยังหาไม่เจอในอัลบัมต่อ…
-
ณ คฤหาสน์ตระกูลถัง
เมื่อเปรียบเทียบความเศร้าหมองของอวี๋เยว่หานและเหนียนเสี่ยวมู่แล้ว บรรยากาศในที่นี้ก็ช่างเข้ากันได้ดี
ซั่งซินที่กลับประเทศมาวันนั้น ก็มาพักอยู่ในห้องของถังหยวนซือด้วยความมึนงง
จากนั้นวันที่สอง ก็รอเธอที่อยู่ในอ้อมแขนของถังหยวนซือตื่นขึ้นมา ยัวไม่ทันที่จะได้พูดอะไร ถังหยวนซือก็เอาโทรศัพท์เธอ แล้วโทรศัพท์หาผู้จัดการของเธอ ให้ผู้จัดการนำสัมภาระของเธอไปส่งที่บ้านถัง
ซึ่งคำพูดในตอนนั้นก็คือ
“ถ้าคุณไม่สะดวกหรือไม่มีเวลา ก็บอกที่อยู่กับผม ผมให้คนไปเอาของได้”
ใจดีจังนะ ทำเอาผู้จัดการของเธอเกือบสงสัยที่ตัวเองได้รับสายอาจจะเป็นถังหยวนซือตัวปลอม
ตกใจจนแทบฉี่ราด ในยามเช้าตรู่แบบนี้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เดินดุกดิกเอาสัมภาระของเธอมาส่งที่บ้านถัง แล้วขอให้เธอกับถังหยวนซืออยู่ด้วยกันอย่างไม่ต้องเขินอายกัน
ซั่งซินไม่มีแม้กระทั่งโอกาสได้แสดงความเห็น
พอเธอได้สติ ก็เตรียมจะถามถังหยวนซือว่าหมายความว่าอะไร ก็เห็นชายที่อยู่เบื้องหน้าที่กำลังหันมามองที่เธอ
จากลูกหมาป่า[1]เมื่อครู่ เหมือนว่าเพียงวินาทีเดียวก็กลายเป็นลูกหมาขี้อ้อน[2]ไปเสียแล้ว และเปิดปากถามขึ้นด้วยความจริงใจ
“คฤหาสน์ตระกูลถังสบายกว่าโรงแรมอีกนะ ถ้าเธอไม่ชอบห้องฉัน จะเปลี่ยนเป็นห้องอื่นก็ได้นะ”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ห้อง…”
“งั้นปัญหาก็คือฉันเหรอ” ถังหยวนซือพูดตัดเธอ แววตาเปลี่ยนเป็นความโดดเดี่ยวที่เหมือนจะโดนทิ้ง แล้วจู่ๆ ก็พุ่งเข้าไปใกล้ที่ด้านหน้าของเธอ แล้วปริปากพูดแผ่วเบาว่า “เพิ่งนอนได้แค่คืนเดียว เธอก็เริ่มทิ้งฉันแล้วเหรอ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
“…”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะ…”ซั่งซินพูดอธิบายด้วยจิตใต้สำนึก
พูดยังไม่ทันจบ ถังหยวนซือก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วพูดขัดเธออีกครั้ง
“งั้นเธอก็สัญญาแล้วนะ ฉันไปช่วยเธอวางสัมภาระก่อนดีกว่า จากนั้นเราค่อยลงชั้นล่างบ้านไปกินข้าวเช้าด้วยกันนะ”
ซั่งซิน “…”
ซั่งซินทำหน้างงตลอดทางว่าฉันเป็นใคร เพิ่งเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันเนี่ย
ทำไมกันนะเธอก็ชัดเจนว่าไม่ได้พูดอะไรเลย ไหงกลายเป็นให้สัญญาเล่า
อีกทั้งเขาเองก็ไม่ได้ให้โอกาสให้เธอคัดค้านเลยนี่ พอวางสัมภาระลง เขาก็เดินจูงเธอออกไปนอกประตู
[1] ลูกหมาป่า (小狼狗) หมายถึงแฟนหนุ่มสไตล์แบดบอย
[2] ลูกหมาขี้อ้อน (小奶狗) หมายถึง แฟนหนุ่มสไตล์ที่อ่อนโยน ขี้อ้อนจะตรงข้ามกับคำข้างบน
ตอนที่ 796 การันตีว่าเป็นเรื่องจริงได้เลย!
พอถึงชั้นล่าง พ่อบ้านก็ได้จัดเตรียมอาหารเช้าเอาไว้แล้ว
ทุกอย่างล้วนเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมกับหญิงตั้งครรภ์
ปริมาณไม่ได้มากเกินไป แต่การนำเสนอก็ประณีตเป็นอย่างมาก แค่มองดูก็ทำให้เพิ่มความอยากอาหารได้แล้ว
“พวกนี้…ตั้งใจเตรียมให้ฉันเหรอ” ซั่งซินกวาดสายตามองโต๊ะอาหาร แล้วชี้ที่จมูกตน ความตกใจภายในแววตานั้นก็เห็นได้อย่างชัดเจน
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยดูแลเธอมาก่อน
แต่ก่อนตอนที่ถังหยวนซือยังไม่ถูกพากลับบ้านถัง เขาก็อยู่ดูแลเธอทุกวัน
ระดับความเอาใส่ใจนั้น ก็พอๆ กับตอนที่เขารู้ว่าเธอท้องจนถึงตอนนี้
เธอว่าก็ไม่ได้ต่างไปเลย
ทว่าหลังจากตั้งแต่ตัวเองถูกเขารับกลับมาที่บ้านถัง ท่าทีที่ดีแบบนี้ เธอก็ไม่เคยสนุกกับมันอีกเลย
นึกอยากได้ก็ได้มาเลย เธอพูดไม่ออกว่าในใจมีความรู้สึกที่เหมือนไม่ใช่เรื่องจริงอยู่ตลอดเวลา
เธอหันศีรษะมองถังหยวนซือ พร้อมกับนั่งลงกินข้าวเช้าอย่างเชื่องช้า
“เป็นอะไรไป เธอไม่ชอบเหรอ” ถังหยวนซือเดินมาที่ด้านหลังเธอเอ่ยถามอย่างเป็นไม่สบายใจ
ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นฉายแววความกังวลเล็กน้อย
แล้วบีบมือแน่น
ตอนที่พวกเขาเลิกกัน ที่จริงก็ล่วงเลยมานานแล้ว
ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะมีแค่เธอมาตลอด และเตรียมทุกอย่างที่เธอชอบกินอย่างเมื่อก่อนให้
แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เธอยังชอบอยู่ไหม
พอเห็นว่าเธอนิ่งไม่ขยับ ในใจเขาก็เริ่มจะตระหนกว่าหรือของที่เขาเตรียมไว้จะไม่ถูกปากเธอ
“ถ้าเธอไม่ชอบของพวกนี้ ฉันจะให้พ่อครัวเตรียมอย่างอื่นให้กับเธออีกที…”ถังหยวนซือที่เพิ่งจะให้คนเดินเอาของไปเก็บ ซั่งซินก็รีบยื่นมือไปหยิกที่หน้าเขาทันที
หยิกไปหน่อยแล้วก็ยังไม่หนำใจ จึงหยิกอีกหลายครั้ง
แล้วในปากพึมพำว่า “ไม่น่าจะเจ็บมั้ง ดูท่าจะแสร้งเจ็บ ฉันก็ว่าอยู่ทำไมจู่ๆ ถึงดีขนาดนี้ แต่ใบหน้านี้ก็ค่อนข้างเหมือนกันอยู่นะ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าสวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์หรือไปศัลยกรรมมา…”
ถังหยวนซือ “…”
ถือว่าตอนนี้เขารู้แล้วอะไรที่เรียกว่าหนีผลกรรมชั่วของตัวเองไม่พ้น
ถังหยวนซือยื่นมือไปคว้าจับมือของเธอที่กำลังหยิกอยู่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ซินเอ๋อร์ อย่ากวนน่า!”
“ประโยคนี้ค่อยเหมือนตัวจริงหน่อย” ซั่งซินชักมือตัวเองกลับ เงยหน้าพลางลืมตาขึ้นแล้วมองเขาอย่างจริงจัง
ราวกับว่ายังสงสัยอยู่ว่าเขาใช่ถังหยวนซือตัวจริงหรือเปล่า
พอเห็นว่าเขาไม่พูดอยู่นาน ก็เบะปากอย่างเจื่อนๆ
“หรือว่าจะเป็นเหมือนเมื่อก่อน อึดอัดที่ผายลมไม่ออกเป็นครึ่งค่อนวันน่ะ ดูท่าจะการันตีว่าเป็นเรื่องจริงได้เลย”
เธอที่เพิ่งเอื้อมมือลากเก้าอี้เตรียมจะนั่งลง ถังหยวนซือก็ขมวดคิ้วพลางเตือนขึ้นมา
“หญิงสาวทุกบ้าน เขาไม่พูดคำหยาบกันนะ”
“อ้อ” ซั่งซินตอบด้วยเสียงที่น่าเอ็นดู แล้วยกนมวัวขึ้นดื่ม
นมวัวอุ่นๆ อร่อยเป็นอย่างยิ่ง
เธอดื่มเสียงอึกๆ จนหมดไปแก้วหนึ่ง แล้วค่อยเริ่มทานข้าวเช้า
พอท้องแล้วความหิวก็มีมากขึ้น
เธอกินด้วยความรวดเร็ว และกินมากกว่ายามปกติ ตรงจุดนี้ถังหยวนซือพอใจเป็นอย่างมาก
เธอที่นั่งตรงข้ามเขามาโดยตลอด ก็เห็นว่าตัวเองลืมกินข้าว
“ทำไมนายกินแค่คำสองคำเองล่ะ กินน้อยขนาดนี้ หนังหน้าก็ดูขี้เหร่กว่าฉัน เดี๋ยวคนที่ไม่รู้จักจะคิดว่านายโดนฉันโกรธจนโรคหัวใจกำเริบหรอก…”
คำพูดเย้ยหยันของซั่งซินที่ยังพูดไม่จบ สีหน้าของถังหยวนซือก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด
ในดวงตานั้น มองความหวาดผวาที่สะท้อนอยู่เล็กน้อยออก
เพียงแค่วินาทีเดียว ก็โดนเขาขู่อีกครั้งอย่างเร็ว
เธอยกนมที่อยู่ข้างมือขึ้นดื่มอย่างไม่รู้ไม่ชี้สองอึก
พอเห็นว่าเธอกินอิ่มแล้ว ก็สั่งให้พ่อบ้านไปนำเสื้อคลุมมา จากนั้นก็พาเธอออกไปข้างนอก
เดินไปพลางอธิบายไป
“เวลากินข้าวของเธอไม่สม่ำเสมอ และช่วงแรกๆ ดื่มเหล้าบ่อยด้วย ฉันไม่สบายใจ พวกเราเลยจะไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลก่อน”