ตอนที่ 835 เทพธิดาโมโหแล้ว ผลที่ตามมาก็ย่อมร้ายแรง!
เหนียนเสี่ยวมู่ตำหนิในใจเงียบๆ
เดิมทีเวลาที่มองหน้าอวี๋เยว่หาน มองยังไงก็หล่ออย่างงั้น แค่รูปถ่ายธรรมดาในโทรศัพท์ก็ทำให้คนอยากจะเลียหน้าจอ
แต่พอมองหน้าเขาในตอนนี้ เธอก็อยากจะพุ่งเข้าไปวาดดอกไม้ไว้บนหน้า…
จะหล่อขนาดนั้นไปทำไมกัน?
หล่อก็พอแล้ว ยังจะดึงดูดผึ้งดึงดูดผีเสื้ออีก!
เธอเพิ่งจัดการเหวินหย่าไต้ไป ยังมีเจิ้งเหยียนมาอีกคน
อวี๋เยว่หานเลิกคิ้ว “คุณมีอะไรก็พูด”
“…” ไม่พูด
ถ้าให้เขารู้ว่าเธอหึงก็คงเสียหน้าแย่
ตอนนี้พวกเขายังอยู่ในช่วงสงครามเย็น เขายังไม่ได้ให้เธอย้ายกลับมา ถ้าเธอทำให้เขารู้ว่าเธอหึง เกรงว่าเขาจะได้ใจไปกันใหญ่
เทพธิดาไม่ต้องรักษาเกียรติหรอกหรือ?
เหนียนเสี่ยวมู่พองแก้มด้วยความโมโห ก้มหน้ากินปลาต่อ
กินจนปลาหมดจาน กินด้วยท่าทางดุร้ายราวกับว่าที่กินอยู่ไม่ใช่เนื้อปลา แต่เป็นเนื้ออวี๋เยว่หาน!
เมื่ออวี๋เยว่หานเห็นว่าเธอโมโหจนแทบจะกลายเป็นปลาปักเป้า เขาก็คีบชิ้นเนื้อวางไว้ในถ้วยเธอ
“เหนียนเสี่ยวมู่ คุณเป็นเด็กหรือไง?”
พอเหนียนเสี่ยวมู่เห็นเขาทำตัวเป็นคนชั่วชิงฟ้องก่อน เธอก็โมโหและคีบเนื้อใส่คืนไว้ในถ้วยของเขา
พูดโพล่งออกมา “ใช่แล้ว ฉันมันทำตัวเป็นเด็กๆ ฉันมันงี่เง่า คุณไม่ชอบก็ไปหาเจิ้งเหยียนของคุณสิ เทพธิดาอย่างฉันไม่ปรนนิบัติคุณแล้ว!”
วินาทีต่อมาก็รู้ตัวแล้วว่าตัวเองพูดอะไรออกไป เธอนั่งอึ้งอยู่บนเก้าอี้
ในเมื่อพูดแล้วก็พูดออกไปให้หมดเปลือก
“คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับเจิ้งเหยียน? ทำไมเธอมีรูปคุณ แล้วยังเป็นรูปบนเตียงด้วย! มีคนสวยขนาดนั้นขนาบข้างคงเอร็ดอร่อยกันทั้งคืนสินะ? วันต่อมาถึงได้ลุกไม่ขึ้นแบบนั้น!”
เหนียนเสี่ยวมู่ยิ่งพูดก็ยิ่งหึง พอพูดจนถึงตอนท้ายก็กัดฟันด้วยความโมโห
ทั่วทั้งหน้าคือ : คุณรีบอธิบายมาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อธิบายให้ชัดเจน ฉันจะรีบสลัดคุณทิ้งก่อนที่คุณจะนอกใจจริงๆด้วย!
เมื่อได้ยินชื่อเจิ้งเหยียน อวี๋เยว่หานก็พอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ใบหน้าหล่อเหลาแสดงความสุขุม
ไม่รีบร้อนที่จะอธิบาย แต่ยกถ้วยข้าวเสี่ยวลิ่วลิ่วมาป้อนเธอ
“อวี๋เยว่หาน คุณอย่าคิดว่าไม่พูดแล้วเรื่องจะผ่านไปนะ ฉันบอกคุณไว้ก่อนเลย ถ้าคุณไม่พูดออกมาให้ชัดเจน เรื่องนี้จะไม่เพียงหยุดอยู่แค่นี้ พวกเราคงไปต่อกันไม่ได้…”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดยังไม่ทันจบ ถ้วยในมือเขาก็วางลง
เขาหยิบกระดาษและเช็ดปากให้เสี่ยวลิ่วลิ่วที่อิ่มแล้ว
จากนั้นก็สั่งให้พ่อบ้านอุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วออกไปเล่น
เหนียนเสี่ยวมู่ใจเย็นลงแล้วเมื่อเห็นภาพนี้
ไม่ต้องถามแล้ว
เขาจะต้องมีอะไรในใจแน่ๆและไม่กล้าพูดต่อหน้าเสี่ยวลิ่วลิ่ว
เขาให้พ่อบ้านพาเสี่ยวลิ่วลิ่วออกไปเพราะไม่อยากทำลายภาพลักษณ์ของตัวเองในฐานะคุณพ่อที่แสนดีในสายตาเสี่ยวลิ่วลิ่ว
แล้วเธอล่ะ?
เธอไม่สำคัญแล้วใช่ไหม?
น่าโมโหชะมัด!
“รูปนั้น เจิ้งเหยียนเป็นคนแอบถ่าย” อวี๋เยว่หานกล่าว
เหนียนเสี่ยวมู่พูดอย่างไม่คิด “เธอต้องการจะแอบถ่าย คุณก็ให้โอกาสเธองั้นสิ ถ้าไม่เป็นเพราะชายหญิงอยู่ห้องเดียวกันตามลำพัง เธอจะมีโอกาสแอบถ่ายรูปทำนองนั้นได้ที่ไหนกัน…เดี๋ยวก่อน คุณรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ? คุณเคยเห็นภาพนั้นแล้วสิ! คุณรู้ว่าเจิ้งเหยียนถ่ายรูปนั้นแล้ว ที่แท้คุณก็ปล่อยเธอไปตามอารมณ์ซะอย่างงั้น…”
“คุณฟังผมพูดให้จบก่อน” อวี๋เยว่หานเห็นเธอโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง
จึงหันไปสั่งให้พ่อบ้านรินชาเก๊กฮวยให้เธอสักแก้ว
เหนียนเสี่ยวมู่ดันออก “ฉันไม่ดื่ม ฉันจะคงความโกรธไว้ ถ้าหากพบว่าคุณนอกใจไปกับคนอื่น ฉันสับคุณไม่ได้ก็ต้องไปสับเจิ้งเหยียนให้ได้!”
อวี๋เยว่หาน “…”
เขากระแอมในลำคอ ทำเหมือนรำลึกความทรงจำ ค่อยๆเอ่ยขึ้นมาว่า “ยังจำภาพสเก็ตช์นั้นที่คุณเคยเห็นมันในห้องหนังสือของผมตอนแรกๆได้ไหม?”
ตอนที่ 836 ผมเป็นผู้บริสุทธิ์!
ภาพสเก็ตช์?
แน่นอนว่าเหนียนเสี่ยวมู่จำได้
ตอนแรกเธอเกือบโดนเหวินหย่าไต้หลอกเพราะภาพสเก็ตช์นั้น
“ภาพสเก็ตช์นั้นเป็นภาพที่เจิ้งเหยียนมอบให้คุณ?” พอเหนียนเสี่ยวมู่คิดถึงตรงนี้ก็เงยหน้าด้วยความงุนงง
แต่ว่า …ไม่ใช่หรอกมั้ง
คนที่อยู่ในภาพสเก็ตช์ แม้จะเป็นเพียงแผ่นหลังก็ดูไม่เหมือนเจิ้งเหยียนเลยสักนิด
เหมือนเธอเสียมากกว่า
แต่แค่เธอจำไม่ได้ว่าเคยวาดภาพสเก็ตช์แบบนี้ด้วย…
“คนที่ให้ภาพสเก็ตช์มาไม่ใช่เจิ้งเหยียน แต่ก็มีที่มาอยู่หน่อยๆ” อวี๋เยว่หานไม่ปล่อยให้เธอคิดเรื่องนี้ต่อไป เขาเอื้อมมือมาจับศีรษะเธอแล้วพูดว่า
“เรื่องนี้มันเริ่มมาจากงานประชุมสัมมนาธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนั้นที่จัดโดยตระกูลมั่วที่เมือง N เมื่อหลายปีก่อน”
ตระกูลมั่วเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมือง N
เช่นเดียวกับแซ่มั่ว ตระกูลมั่วเป็นตระกูลนักวิชาการใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าร้อยปี
ไม่เพียงแค่เป็นผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมดีเด่นในวงการธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นทูตส่งเสริมวัฒนธรรมจีนอันดีงามอีกด้วย
ตอนนั้นจึงมีอิทธิพลมากเป็นพิเศษ
อวี๋เยว่หานเองก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยง ซึ่งในงานเลี้ยงเขาไม่เพียงพบกับหญิงสาวผู้แปลกประหลาดที่มอบภาพสเก็ตช์ให้เขาเท่านั้น แต่ยังเคยคบหาสมาคมกับเจิ้งเหยียนอีกด้วย
คนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงล้วนเป็นบุคคลมีหน้ามีตาในแวดวงธุรกิจ
และตอนนั้นอวี๋เยว่หานก็เพิ่งเข้ารับช่วงต่อบริษัทตระกูลอวี๋ได้เพียงไม่กี่ปี แม้จะมีพรสวรรค์ด้านธุรกิจ แต่ก็ถือว่ายังเด็ก
หลังจากดื่มไปมากจึงเลอะเลือนไปบ้าง ก่อนที่จะเดินไปถึงห้องพักรับรองของตัวเอง
ก็ได้เจอกับเจิ้งเหยียนเข้าพอดี เธอจึงพยุงเขากลับไป
และยังช่วยแจ้งผู้ช่วย
“เราไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้น ที่เธอใส่เสื้อผ้าแบบนั้นก็เพราะผมอ้วกใส่เธอก็เลยไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน ต่อมาผู้ช่วยก็หาผมเจอแล้วเตรียมเสื้อผ้าให้เธอ เธออยู่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ไปแล้ว”
พออวี๋เยว่หานพูดจบก็เลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาดำขลับมองเธออย่างเงียบๆ
เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาจะทำอะไรได้?
ถ้าเขามีอะไรกับเจิ้งเหยียน เวลาแค่นั้นจะพอที่ไหนกัน
“งั้นรูปนั้นมันมาได้ยังไง?” เหนียนเสี่ยวมู่กัดลิ้นตัวเอง เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เพียงเวลาครึ่งชั่วโมงก็ได้รูปถ่ายที่ดูคลุมเครือซะขนาดนั้น ถ้าให้พวกเขาอยู่ด้วยกันอีกหน่อย คงทำ “ชีวิตคน” ออกมาได้?
อวี๋เยว่หานถอนหายใจ “คุณเคยเจอเจิ้งเหยียนแล้วก็น่าจะรู้ว่าเธอไม่ยอมให้ตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ที่เธอพยุงผมกลับห้องก็เพราะว่าผมมีประโยชน์ในสายตาเธอ เธอต้องการรูปนั้นเพื่อให้ผมจำไว้ว่าผมติดหนี้บุญคุณเธอ”
ตอนแรกเขาก็ไม่รู้ว่ามีรูปนั้นอยู่
ต่อมาพอรู้แล้วก็ไม่ได้สนใจของไร้สาระพรรค์นั้น
จนกระทั่งรู้มาว่าเจิ้งเหยียนเป็นตัวแทนเจรจาที่เจิ้งซื่อเอ็นเตอร์ไพรส์ส่งมา และคนที่รับมือเธอก็ยังเป็นเหนียนเสี่ยวมู่…
พออวี๋เยว่หานนึกถึงกลยุทธ์ที่เจิ้งเหยียนใช้เป็นประจำในการเจรจาในสนามการค้าแล้ว เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี!
วันนั้นจึงรีบไปที่โรงแรมเพื่อขัดขวางไม่ให้เหนียนเสี่ยวมู่เจอกับเจิ้งเหยียน
แต่น่าเสียดายที่ช้าไปหนึ่งก้าว
“เหนียนเสี่ยวมู่ ผมกับเจิ้งเหยียนไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน ผมเป็นผู้บริสุทธิ์” อวี๋เยว่หานกล่าวเสียงทุ้มต่ำหลังจากที่อธิบายเหตุผลแล้วเสร็จ
“คุณบอกว่าบริสุทธิ์ก็บริสุทธิ์อย่างงั้นเหรอ? ใครจะไปรู้ว่าคุณโกหกฉันหรือเปล่า คุณไม่รู้อะไร วันนี้เจิ้งเหยียนมายิ้มยั่วต่อหน้าฉัน มันน่าหวั่นใจขนาดไหน เธอสวยหยาดเยิ้มขนาดนั้น ทั้งยังดูแลคุณตอนเมา คุณจะไม่หวั่นไหวซักนิดจริงๆ น่ะเหรอ? ใครจะไปรู้ว่าคุณอาจจะทำอะไรดีดีกับเธอแล้วกลับมาแสร้งไร้เดียงสาต่อหน้าฉัน!”
เหนียนเสี่ยวมู่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกถึงความเป็นไปได้มากขึ้น เธอผลักมืออวี๋เยว่หานด้วยความโมโห
กำลังจะลุกขึ้นก็ถูกอวี๋เยว่หานกดลงมานั่งบนเก้าอี้ พูดขึ้นมาทันทีว่า
“เจิ้งเหยียนชอบผู้หญิง!”