ตอนที่ 847 ใช้คำว่า “อนาถ” ก็ยังขยายความได้ไม่หมด!
ฉากนี้เป็นฉากที่เจิ้งเหยียนคาดไม่ถึง
เมื่อกี้เธอเพิ่งเห็นกับตาว่าอวี๋เยว่หานโกรธเหนียนเสี่ยวมู่แล้วเดินออกไป ตอนที่เขาไปยังทำราวกับตัดรอนโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ถึงเหนียนเสี่ยวมู่จะรีบง้อเขาทันที แต่คาดว่ายังไงก็กู่ไม่กลับ
ผ่านไปเพียงแวบตาเดียว ทำไมเขาถึงกลับมาได้ล่ะ?
เจิ้งเหยียนงงเป็นไก่ตาแตก
ก่อนที่เธอจะกลับมามีสติ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าการที่เหนียนเสี่ยวมู่บอกเลิกกะทันหัน มันคงน่าแปลกใจเกินไป ดังนั้นอวี๋เยว่หานจึงไม่พอใจและคิดจะกลับมาดูอีกครั้ง
พอคิดถึงจุดนี้ สายตาเจิ้งเหยียนก็บีบรัด
เมื่อเห็นว่าเหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่รู้ว่าอวี๋เยว่หานกลับมา เจิ้งเหยียนก็เอื้อมมือไปคว้าซองจดหมายที่เหนียนเสี่ยวมู่ถืออยู่ จากนั้นก็หดมือกลับทันที
กระชับซองจดหมายแน่นโดยไม่รีบมอบให้เธอ
เมื่อสบสายตาตะลึงงันของเหนียนเสี่ยวมู่ เจิ้งเหยียนก็หรี่ตาลงและพูดขึ้นมาว่า “เธอเลิกกับคุณชายหานแบบนี้จะไม่อาลัยอาวรณ์เลยเหรอ?”
“……”
เหนียนเสี่ยวมู่หันหลังให้อวี๋เยว่หานโดยไม่รู้ว่าเขาย้อนกลับมาอีกครั้ง จดจ่ออยู่กับซองจดหมายในมือเจิ้งเหยียน เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์
พลางคิดว่าเจิ้งเหยียนไม่ใว้วางใจกับข้อตกลงระหว่างพวกเธอ เหนียนเสี่ยวมู่จึงตั้งใจให้ความร่วมมือกับการแสดงของเธอ
“มีอะไรให้ต้องอาลัยอาวรณ์ พวกคุณก็แค่มองเขาที่หน้าตา คิดว่าเขาหล่อก็รีบโผเข้าซบ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าคุณได้อยู่กับเขาจริงๆ คุณจะค้นพบว่าเขาคนนี้มีข้อบกพร่องมากขนาดไหน!”
เจิ้งเหยียนอึ้ง “….เธอพูดบ้าอะไรเนี่ย?”
“พูดบ้าอะไรงั้นเหรอ ฉันพูดความจริง! อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง กับอิแค่นิสัยเย็นชาเหมือนก้อนน้ำแข็งของเขา คุณรับได้อย่างงั้นเหรอที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับก้อนน้ำแข็งทุกวัน?”
เหนียนเสี่ยวมู่บุ้ยปากและพูดต่อ
“นิสัยพวกนี้กลัวก็แต่ว่าจะไม่เปลี่ยนกันได้ง่ายๆน่ะสิ คุณไม่รู้หรอกว่าตอนที่เราไปเดทกันและนั่งเบียดกันดูหนังมันโรแมนติกขนาดไหน แต่เขากลับไม่ซื้อดอกกุหลาบให้ฉันซักดอก ฉันได้แต่มองคู่รักที่เหมือนกาวติดหนึบที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยตาละห้อย ส่วนตัวเองก็ยืนอยู่ข้างเสาไฟฟ้าต้นหนึ่งจนเหน็บกิน จุ๊จุ๊ ประสบการณ์แบบนั้นใช้คำว่า “อนาถ” ยังขยายความได้ไม่หมดเลย!”
“……”
พอเจิ้งเหยียนได้ยินที่เธอพูดก็มองอวี๋เยว่หานที่อยู่ด้านหลังเธออีกครั้ง
ใบหน้าของใครบางคนกำลังมืดลงด้วยความเร็วที่สังเกตเห็นได้
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที คาดว่าถ้าเขาไม่สะบัดหน้าเดินหนีไปก็คงยื่นมือมาบีบคอเหนียนเสี่ยวมู่!
เจิ้งเหยียนกระหยิ่มใจและเติมเชื้อเพลิงต่อ “เธอกำลังจะบอกว่าเธอไม่พอใจคุณชายหานและอยากเลิกมาตั้งนานแล้ว?”
“ก็ประมาณนั้น” เหนียนเสี่ยวมู่บุ้ยปากตอบรับแบบส่งๆ
สายตายังคงจับจ้องซองจดหมายในอ้อมแขนเจิ้งเหยียนอยู่ตลอดเวลาพร้อมกับใช้น้ำเสียงสุดจะทน
“คำถามสุดท้าย” เจิ้งเหยียนได้ยินเธอพูดแบบขอไปทีจึงไม่รีรอที่จะเล่นท่าไม้ตาย “ถ้าคุณชายหานทำใจเลิกกับเธอไม่ลงแล้วกลับมาหาเธอ เธอจะทำยังไง?”
“ฉันเกลียดผู้ชายลูกแหง่ที่สุด เลิกแล้วก็เลิกสิ ยังจะมายุ่มย่ามอะไรกันอีก…ฉันว่าเธอถามมามากพอแล้วนะ จะให้ซองจดหมายฉันได้หรือยัง?”
เหนียนเสี่ยวมู่ขมวดคิ้วแน่น
หลังจากตวาดออกไปก็ฉวยโอกาสตอนที่เจิ้งเหยียนกำลังอึ้งยื่นมือคว้าซองจดหมายมา
ขณะที่กำลังก้มหัวลงเพื่อเปิดซองจดหมาย จู่ๆก็รู้สึกเย็นสันหลังเล็กน้อย
ไม่ใช่แค่เล็กน้อยแต่เย็นมาก
ความรู้สึกนี้คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก …
พอเหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าขึ้นก็เห็นเจิ้งเหยียนยิ้มอย่างได้ใจ จากนั้นก็มองตามสายตาเธอไปที่ข้างหลัง
เธอเห็นอวี๋เยว่หานยืนอยู่ข้างหลังเธอด้วยหน้าดำสนิทจนหมึกแทบจะหยดออกมาได้ จับซองจดหมายแน่น!
ตอนที่ 848 การแสดงของคู่รักเจ้าบทบาท
ไม่รอให้เธอได้เอ่ยปาก เจิ้งเหยียนก็เดินมาข้างหน้า “คุณชายหาน เมื่อกี้คุณคงได้ยินแล้วใช่ไหม? น่าสงสารจริงๆที่คนที่คุณชอบไม่ได้แคร์คุณเลยสักนิด คนที่ประสบชะตากรรมเดียวกันก็ย่อมเห็นใจซึ่งกันและกัน คุณว่าเรามาร่วมมือกันดีไหม?”
“……”
อวี๋เยว่หานเหลือบมองเจิ้งเหยียนด้วยสายตาเย็นชาเพียงแวบเดียว จากนั้นก็มองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่
เหนียนเสี่ยวมู่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เจิ้งเหยียนก็แย่งพูดตัดหน้า
“เหนียนเสี่ยวมู่ เธอเพิ่งพูดออกมาเองไม่ใช่เหรอ คงไม่ได้ลืมไปแล้วหรอกนะ? ที่เธอพูดเองว่าเธอเกลียดผู้ชายลูกแหง่ที่สุด ถึงคุณชายหานจะกลับมาขอคืนดี เธอก็จะไม่ตอบตกลง!”
เจิ้งเหยียนตั้งใจพูดเสียงดัง ไม่ใช่แค่เหนียนเสี่ยวมู่เท่านั้นที่ได้ยินแต่อวี๋เยวหานก็ได้ยินด้วยเช่นกัน
ในขณะนี้ดวงตาดำขลับถูกปกคลุมด้วยแสงแห่งความเยือกเย็น จ้องเธอตาไม่กะพริบ
ด้วยสายตานั้น ไม่ต้องบอกเลยว่าจ้องเหนียนเสี่ยวมู่จนเย็นสันหลัง เพราะขนาดเจิ้งเหยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอก็รู้สึกถึงบรรยากาศอึมครึม คาดว่าวินาทีต่อมาอวี๋เยว่หานจะต้องหันกลับไปด้วยความโศกเศร้า
พอคิดถึงตรงนี้ เจิ้งเหยียนก็ตาเป็นประกายที่จะได้ชมการแสดงดีดี
เธอกอดอกเดินถอยออกไปหนึ่งก้าวเพื่อที่จะได้ไม่ต้องบาดเจ็บโดยไม่จำเป็น
ทว่าในความเป็นจริงนั้น——
อวี๋เยว่หาน “เหนียนเสี่ยวมู่ คุณเป็นใบ้หรือไง ทำไมไม่พูด? รีบง้อผมเร็ว!”
เหนียนเสี่ยวมู่เหลือบมองเขาโดยไม่แสดงท่าทีกระวนกระวายผ่านทางสีหน้า เธอบุ้ยปาก “จะพูดหรือไม่พูดก็เหมือนกัน สายตาคุณมันน่ากลัว อีกนิดเดียวก็ใช้ได้แล้ว ยิ้มให้ฉันหน่อย ฉันกลัวจะตายอยู่แล้วเนี่ย เดี๋ยวคุณก็ไม่มีคู่หมั้นหรอก”
อวี๋เยว่หาน “…ยิ้มไม่ออก เมื่อกี้คุณยังพูดถึงผมไม่ดีต่อหน้าผม”
เหนียนเสี่ยวมู่จับซองจดหมายยัดใส่กระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็กระโจนไปอยู่บนตัวเขาและห้อยเอวเขาเหมือนลูกลิง
อวี๋เยว่หานเอื้อมมือมาอุ้มเธอโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ตกลงไป เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเป็นอย่างแรก จากนั้นก็คิดจะปล่อยมือทันที
สุดท้ายก็ปล่อยไม่ลงจึงกอดเธอไว้ให้มั่น
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวที่อยู่ภายในใจเขา สองมือจับหน้าเขาพร้อมกับบ่นอย่างขุ่นเคือง “เห็นๆกันอยู่ว่าฉันพูดลับหลังคุณ ใครจะรู้ว่าคุณจะย้อนกลับมาเร็วขนาดนี้ คุณรออยู่ข้างนอกนานอีกหน่อยไม่ได้หรือไง?”
“ถ้าผมไม่กลับมาจะได้ยินคุณด่าผมด้วยความสะใจแบบนั้นไหม? นี่ยังด่าไม่สาแก่ใจอีกเหรอ? หรือจะให้ผมไปก่อนแล้วคุณจะได้มีเวลาด่าได้เต็มที่?” อวี๋เยว่หานเลิกคิ้วอย่างเย็นชา
เหนียนเสี่ยวมู่รีบกอดคอเขาโดยที่ทั้งหัวยังซุกอยู่ในอ้อมแขน
ทำน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนเด็ก
“ใครบอกล่ะ? ตอนที่คุณไปเมื่อกี้ฉันใจแป้วเลย คุณมองตาฉันสิ เห็นน้ำตาไหม? จริงๆนะ จะต้องเห็นแน่ๆ! เสียใจชะมัด…”
“ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนเอามีดมาจี้คอ ฉันจะด่าคุณลงได้ยังไง ถ้าใครกล้าพูดถึงคุณไม่ดีต่อหน้าฉัน ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงชีวิตเลย!”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดเรื่องไร้สาระด้วยสีหน้าจริงจัง
สายตาอวี๋เยว่หานสว่างล้ำลึก เขาแฉเธอโดยไม่ไว้หน้าเลยสักนิด “เมื่อกี้ก็ไม่มีใครเอามีดมาจี้ที่คอคุณนี่”
เหนียนเสี่ยวมู่ “แต่มีซองจดหมายที่มีข่าวของถานเปิงเปิง นั่นน่ากลัวกว่ามีดตั้งเยอะ อีกนิดเดียวหัวใจดวงน้อยๆของฉันกลัวจนแทบจะกระดอนออกมาจากปาก ฉันก็เลยทำได้แค่ด่าคุณปลอบขวัญ!”
อวี๋เยว่หาน “…”
เจิ้งเหยียน “…”
เมื่อมาถึงจุดนี้ไม่ว่าเจิ้งเหยียนจะโง่แค่ไหนก็ฟังออกว่าทั้งสองสมรู้ร่วมคิดกัน
ใบหน้าเมื่อครู่ที่รอชมการแสดงก็กลายเป็นเขียวคล้ำ กัดฟันอย่างไม่พอใจ
“เหนียนเสี่ยวมู่ เธอหลอกฉัน?!”
เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งสองคนที่กำลังกอดกันก็นึกถึงเธอขึ้นมา