ตอนที่ 853 ถือว่าคืนดีกันหรือยัง?
ตั้งแต่เกิดเรื่องวิดีโอ พวกเขาก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันเหมือนอย่างตอนนี้เลย
เดิมทีเหนียนเสี่ยวมู่แค่โมโหและตั้งใจจะกระโจนขึ้นไปบนตัวอวี๋เยว่หานเท่านั้น
แต่พอกระโจนไปบนตัวเขาจริงๆก็ได้กลิ่นอายที่คุ้นเคยบนตัวเขา เธอจึงทำใจลงไม่ได้
อวี๋เยว่หานแบกเธอไว้อย่างมั่นคงเหมือนกับว่าเขาเองก็คิดเช่นเดียวกันกับเธอ แบกเธอพร้อมกับสาวเท้าเดินไปข้างหน้าทีละก้าว
จากร้านอาหารไปจนถึงที่จอดรถเห็นได้ชัดว่าเป็นระยะทางสั้นๆ แต่เขากลับใช้เวลาเดินนานมาก...
ไม่รู้ว่าใครส่งเสียงก่อน จู่ๆทั้งสองก็เอ่ยขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
“เหนียนเสี่ยวมู่ คุณยินดีเชื่อผมไหม?”
“อวี๋เยว่หานคุณเชื่อฉันไหม?”
ทั้งสองพูดพร้อมเพรียงกัน เมื่อได้ยินคำพูดของแต่ละฝ่ายก็ถึงกับผงะ
เหนียนเสี่ยวมู่ตั้งสติได้ก่อน เธอซบบนไหล่ของเขาพลางพูดพึมพำ
“หลักฐานทั้งหมดล้วนชี้มาที่ฉัน นั่นก็บ่งบอกได้ว่าฉันแอบคลอดเสี่ยวลิ่วลิ่วเมื่อสามปีก่อนและยังส่งเสี่ยวลิ่วลิ่วไปอยู่กับคุณ ฉันจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ตอนนี้ยังพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ได้ คุณจะเชื่อฉันไหม?”
เธอไม่กล้าถามคำถามนี้มาโดยตลอด
กลัวว่าจะได้ยินคำพูดที่ไม่ไว้วางใจมาจากปากของเขา หรือเห็นความไม่ไว้วางใจผ่านทางแววตาของเขา
เป็นเพราะคำพูดที่เขาพูดก่อนที่จะเลิกกันในวันนี้ที่มอบความกล้าให้เธอ
ตัดสินใจพูดออกมาด้วยความกล้าหาญ
แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะถามคำถามเดียวกับเธอ
ตอนนี้คนที่เคยทำเรื่องเลวร้ายคือเธอ แล้วเขาจะถามเธอว่าเชื่อเขาหรือไม่ไปทำไมกัน?
“คนโง่” อวี๋เยว่หานแอบพูดอย่างเงียบๆ
เขาแบกเธอเดินไปที่รถ
ผู้ช่วยได้เปิดประตูรถก่อนแล้วเพื่อให้พวกเขาขึ้นรถ
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้เข้าไปนั่ง แต่กลับยืนอยู่หน้าประตูรถพลางหันหน้าไปทางอวี๋เยว่หานที่เพิ่งวางเธอลง
บุ้ยปากด้วยความขุ่นข้องหมองใจ
อวี๋เยว่หานเอื้อมมือไปตบหัวเธอเบาๆ น้ำเสียงเย็นๆค่อยๆดังขึ้น
“ถ้าผมแคลงใจในตัวคุณ คุณคิดว่าผมจะให้คุณไปจากคฤหาสน์ตระกูลอวี๋ได้ง่ายๆเหรอ?”
“……”
“ผมไม่กลัวว่าเรื่องทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับคุณ ผมแค่กลัวว่าหากเก็บคุณไว้ข้างกาย ผมจะปกป้องคุณไม่ได้” อวี๋เยว่หานมองตาเธอ ดวงตาดำขลับล้ำลึกปกคลุมไปด้วยเสน่ห์ที่ใครไม่อาจจะเข้าใจได้
เหนียนเสียวมู่อึ้ง
เมื่อมองเขาได้สักพักก็เข้าใจความหมายประโยคนั้นที่เขาเพิ่งถามออกมา
เขากำลังถามเธอว่าเธอจะยินดีเชื่อว่าเขาจะค้นหาความจริงให้เธอได้หรือไม่ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือเธอจะยินดีเชื่อว่าเขาจะปกป้องเธอเป็นอย่างดีได้ไหม…
เหนียนเสี่ยวมู่ขอบตาแดงขึ้นมาทันใด
โผเข้าสู่อ้อมกอดเขา กัดริมฝีปากอย่างอัดอั้นตันใจราวกับเด็กที่คิดว่าตัวเองถูกทอดทิ้งแล้วจู่ๆก็เห็นญาติตัวเองออกมาตาม
กลั้นน้ำตาพลางบ่น “คุณทำใจไม่ได้ที่ฉันจะจากไปทำไมไม่พูดล่ะ? คุณก็เห็นอยู่เต็มตาว่าฉันย้ายออกไปแต่กลับไม่เรียกฉันกลับไปสักคำ ฉันคิดว่าคุณไม่ต้องการฉันจริงๆแล้วเสียอีก…”
“เดี๋ยวนะเหนียนเสี่ยวมู่ จะทำตัวเป็นคนทำผิดชิงฟ้องก่อนก็ต้องมีขอบเขตนะ ผมเรียกคุณย้ายกลับมาแล้วแต่คุณไม่ตกลงเอง” ขณะที่อวี๋เยว่หานกำลังกอดเธอก็พลันนึกถึงกระดาษโน้ตแผ่นนั้นที่ถูกโยนทิ้งบนพื้น พูดด้วยเสียงทุ้ม
“…คุณพูดอะไร คุณเรียกฉันกลับมาตั้งแต่ตอนไหน ทำไมฉันไม่ได้ยิน!” เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าจากอ้อมแขนเขาพลางเบิกตามองเขา
อวี๋เยว่หานขมวดคิ้วเมื่อคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่าง “คุณเป็นคนทิ้งกระดาษโน้ตที่ผมวางไว้บนหัวเตียงไม่ใช่เหรอ?”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…ตอนนั้นฉันรับโทรศัพท์โดยไม่ทันระวังจนมันร่วงลงไป จากนั้นก็รีบร้อนออกไปก็เลยลืมเก็บขึ้นมาอ่าน”
พอเหนียนเสี่ยวมู่พูดจบ ทั้งสองต่างก็อยู่ในสถานการณ์เธอมองฉัน ฉันมองเธออย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นานเหนียนเสี่ยวมู่ก็ถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“แบบนี้…ถือว่าเราคืนดีกันหรือยัง?”
ตอนที่ 854 คิดถึงจะตายอยู่แล้ว!
อวี๋เยว่หานตอบ “อืม” พร้อมกับอุ้มเธอขึ้นรถ
ระหว่างทางยังอาลัยอาวรณ์ไม่อยากปล่อยมือ
เมื่อทราบพิกัดบ้านประจำตระกูลถานแล้วจึงสั่งให้ผู้ช่วยจองตั๋วเครื่องบินเดินทางไปยังเมือง N
หลังจากลงเครื่องได้ไม่นานก็มีคนมารอรับที่สนามบิน
ขณะเข้าไปนั่งในรถ คนขับที่มารับพวกเขาก็ได้รายงานข้อมูลตามที่ไปสอบถามมาโดยไม่รอให้อวี๋เยว่หานเอ่ยปากถาม
“ตระกูลมั่วเป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งในเมือง N ช่วงแรกๆ ตระกูลเจิ้งได้รับการสนับสนุนจากตระกูลมั่ว แต่เนื่องจากตระกูลมั่วเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จึงแยกตัวออกจากห่วงโซ่กิจการของตระกูลมั่วและมีแนวโน้มว่าจะแยกออกมาบริหารด้วยตัวเอง สำหรับตระกูลถานนั้นไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว ข่าวคราวของพวกเขาในเมือง N มีน้อยมาก ทั้งยังไม่เคยได้ยินเลยว่าตระกูลถานจะมีความสัมพันธ์กับตระกูลไหน”
คนขับชะงักและพูดต่อ
“ตามที่คุณชายหานสั่งมา พวกเราได้ไปตรวจสอบที่อยู่ที่เจิ้งเหยียนให้มาเรียบร้อยแล้วครับ ยืนยันได้ว่าบ้านประจำตระกูลถานอยู่ใกล้กับบ้านตระกูลเจิ้งจริง จะให้พูดก็คือที่นั่นเป็นบ้านที่บรรพบุรุษตระกูลถานทิ้งไว้นั่นเอง แต่ไม่รู้ว่าทำไมคนตระกูลถานถึงย้ายออกไป ที่นั่นจึงถูกทิ้งร้างมาแล้วหลายปี”
ระหว่างที่คนขับพูดก็หยิบข้อมูลที่ตรวจพบให้อวี๋เยว่หาน
ภายในรถเงียบสงัด
เมื่อเทียบกับอวี๋เยว่หานที่กำลังอ่านข้อมูล เหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังพิงอยู่ในอ้อมกอดเขาดูผ่อนคลายกว่ามาก
นิ้วขาวเรียวดังต้นหอมสอดเข้าไปใต้ชายเสื้อสเวตเตอร์ แนบบนกล้ามของเขาและยังพึมพำอยู่ในปาก
“หุ่นชั้นยอดแบบนี้ ฉันไม่ได้กอดมากี่วันแล้วเนี่ย เกือบจะคิดว่าต่อไปคงกอดไม่ได้แล้ว คิดถึงจะตายอยู่แล้ว…”
นิ้วเรียวที่เย็นอยู่หน่อยๆยังคงลูบไล้ไปที่หน้าท้องของเขา อวี๋เยว่หานขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่กลับไม่ได้ผลักมือเธอออก กลับกันเขายังรวบตัวเธอมากอดแน่นๆ หลุบตามองเธอ
“นี่ก็ต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว ทำไมมือยังเย็นแบบนี้ล่ะ?”
พอพูดเสร็จก็ก้มหน้าหอมแก้มเธอ จากนั้นก็อ่านข้อมูลต่อ
เหนียนเสี่ยวมู่เห็นเขาอ่านด้วยท่าทางจริงจัง จึงอดไม่ได้ที่จะพลิกตัวออกจากอ้อมกอดแล้วอ่านด้วย
“พบอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
“ตอนนี้ไม่มี” อวี๋เยว่หานอ่านเอกสารคร่าวๆไปหนึ่งรอบจากนั้นก็วางไว้ข้างๆ
รถไปถึงบ้านประจำตระกูลถานด้วยความรวดเร็ว
ตอนที่ลงจากรถ พอเหนียนเสี่ยวมู่มองขึ้นไปก็เห็นบ้านที่มีอายุเก่าแก่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“ที่นี่ก็คือบ้านประจำตระกูลของตระกูลถาน เล่ากันว่าเมื่อก่อนคนของตระกูลถานก็อาศัยอยู่ที่นี่ แต่ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาถึงได้ย้ายออกไปภายในชั่วข้ามคืน” คนขับจอดรถเรียบร้อยแล้วก็เดินมาข้างหน้าเพื่ออธิบาย
“มีหลายคนบอกว่าเป็นคำสั่งของผู้นำตระกูลที่ให้คนตระกูลถานกระจายตัวกันไปเป็นหมอ บ้างก็บอกว่าตระกูลถานต้องคำสาปตายยกครัวในชั่วข้ามคืน…สรุปคือที่นี่ถูกทิ้งร้างได้ประมาณสามถึงสี่ปีแล้วครับ”
คนขับพูดขณะที่เดินนำไปที่หน้าประตู
จากนั้นก็เป็นผู้ช่วย
อวี๋เยว่หานจูงมือเหนียนเสี่ยวมู่เดินรั้งท้าย
บ้านประจำตระกูลถานถูกทิ้งร้างมาแล้วหลายปีจนกลอนประตูเป็นสนิม ไม่รู้ว่ามีคนมาขโมยหรือเปล่าถึงได้โดนงัด
พวกเขาผลักประตูเข้าไปในโดยไม่ต้องใช้แรงมาก
เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ลานบ้านของบ้านประจำตระกูลถานถูกจัดวางไว้อย่างสวยงาม
บริเวณใกล้ประตูใหญ่ยังมีหินแกะสลักขนาดใหญ่วางไว้ก้อนหนึ่ง
สลักตัวอักษร “谭 (ถาน)” ซึ่งเป็นอักษรจีนตัวเต็มขนาดใหญ่ไว้
บ้านประจำตระกูลมีพื้นที่กว้างขวาง
เมื่อมองไปยังการจัดวางที่ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลเก่าแก่ที่ถูกทิ้งว่างเปล่ามานานหลายปี เหนียนเสี่ยวมู่ก็แทบจะจินตนาการออกได้เลยว่าในอดีตตระกูลถานน่าจะเป็นตระกูลที่ได้รับความเคารพนับถือและมีเกียรติ
ภายในลานบ้านนอกจากจะมีหินแกะสลักขนาดใหญ่ก็ยังมีหินชิ้นเล็กๆอยู่ใต้หิน โดยทั้งหมดเป็นตัวอักษร “赠”ซึ่งแปลว่ามอบให้เป็นของขวัญ
ซึ่งน่าจะเป็นของขวัญที่คนอื่นมอบให้