ตอนที่ 859 ทำไมถึงขี้โวยวายแบบนี้
เสียงร้องไห้ตีอกชกหัวบวกกับภาพลักษณ์หญิงชราผู้อ่อนแอ
ในไม่ช้าเธอก็ได้รับความเห็นอกเห็นใจ
“คุณยายคนนี้ช่างน่าสงสาร ทำไมถึงร้องไห้เสียแบบนี้ล่ะ…”
“จริงด้วย เด็กเล็กไม่รู้ความวิ่งไปชนคนก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก ไม่เป็นอะไรก็ไม่เห็นจะต้องไปแจ้งตำรวจให้เรื่องมันร้ายแรงถึงขนาดนั้นเลยว่าไหม?”
“คุณรู้อะไรไหม ดูคนพวกนั้นสิ ดูก็รู้แล้วว่าเป็นคนมีเงิน คนมีเงินไม่ใช่ว่าเรื่องมากกันหรอกเหรอ? เขามีทีมทนายส่วนตัว การจะฟ้องคนแก่ธรรมดาๆคนหนึ่งนับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย…”
“สนามบินมีคนไปๆ มาๆ ใครบ้างจะไม่โดนชน ทำไมถึงขี้โวยวายแบบนี้…”
“……”
มีกลุ่มคนมามุงดูขึ้นเรื่อยๆ
หญิงชรายังคงร้องไห้เสียงแหบอยู่บนพื้น เหลือบตามองเพื่อเร่งเร้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบิน
เหนียนเสี่ยวมู่เดินมาข้างหน้าและดึงข้อมืออวี๋เยว่หาน
“หรือว่าช่างมันเถอะ?”
“พวกเขาน่าจะไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน” อวี๋เยว่หานวางเด็กแสบลง จับคอเสื้อที่แบะออก
คำพูดที่พูดอกมาทำให้เหนียนเสี่ยวมู่ถึงกับอึ้ง!
จากนั้นก็หันหน้าไปมองคู่สามีภรรยาวัยกลางคนและหันกลับมาที่หญิงชราที่อยู่บนพื้น
รูปร่างหน้าตาไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่
อีกอย่างหญิงชราก็ดูเหมือนเคร่งเครียดกับเด็กแสบที่อยู่ในมืออวี๋เยว่หาน ทว่าในแววตาของคู่สามีภรรยาคู่นั้นกลับมองไม่เห็นถึงความเป็นห่วงเลยสักนิด…
เหนียนเสี่ยวมู่นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ แต่ยังไม่ทันได้พูดออกไปก็มีคนที่กำลังล้อมรอบเดินเข้ามาพยุงหญิงชราลุกขึ้น
เมื่อความสนใจของทุกคนจดจ่อไปที่หญิงชรา ก็มีคนคนหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนพุ่งเข้ามากระชากเด็กผู้ชายคนนั้นไปจากมืออวี๋เยว่หาน พออุ้มเสร็จก็วิ่งหนีไป!
เพียงชั่วอึดใจก็ไปตรงหน้าหญิงชราด้วยอารมณ์เดือดพล่าน “รีบพาหลานชายคุณหนีเร็ว ที่นี่มีพวกเราอยู่!”
ผู้ช่วยที่เพิ่งได้สติกำลังจะรีบตามไป แต่กลุ่มผู้ชมที่เพิ่งมามุงดูต่างก็คิดว่าพวกเขาใช้อำนาจกลั่นแกล้งคน พวกเขาจึงเข้ามาขวางโดยไม่ได้นัดหมายจนกลายเป็นกำแพงมนุษย์
เพียงชั่วพริบตาเดียวครอบครัวสี่คนนั้นก็หนีไปอย่างไร้ร่องรอย!
อวี๋เยว่หานโกรธจนชกไปที่รั้วกั้น!
กวาดตามองไปรอบๆ ด้วยสายตาเยือกเย็น
ออร่าอันทรงพลังทำให้กลุ่มคนที่เดินกันขวักไขว่เงียบสงบลงทันที
ผู้ช่วยแจ้งตำรวจเรียบร้อยแล้ว ในไม่ช้าตำรวจก็มาถึง
แต่น่าเสียดายที่หาทั่วสนามบินไปแล้วหนึ่งรอบก็ยังหาเด็กผู้ชายคนนั้นที่ชนเหนียนเสี่ยวมู่ไม่พบ…
เกิดอุบัติเหตุสองครั้งภายในหนึ่งวัน
แต่ละครั้งล้วนพุ่งเป้าไปที่เหนียนเสี่ยวมู่
อวี๋เยว่หานสีหน้าย่ำแย่มาก
เขายังคงกอดเธอไว้ ไม่ว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะปลอบใจเขาอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือ
แม้กระทั่งเธอไปเข้าห้องน้ำ อวี๋เยว่หานก็จะไปตามเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ
ไม่ว่าคนที่เข้าๆ ออกๆ ห้องน้ำผู้หญิงจะใช้สายตาประหลาดๆ ลอบมองเขา เขาก็ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า
“อวี๋เยว่หาน เมื่อกี้ฉันได้ยินคนในห้องน้ำผู้หญิงบอกว่าคุณหล่อมาก นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีปัญหาทางจิต ช่างน่าเสียดาย…” เหนียนเสี่ยวมู่ออกมาจากห้องน้ำและโผเข้าซบในอ้อมอกเขา ยิ้มตาหยีให้เขาเป็นการหยอกล้อ
เมื่อได้ยินดังนั้นอวี๋เยว่หานที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ก็เหลือบมองเธอ
ปิดปากเงียบไม่พูดสักคำ
เปิดริมฝีปากอย่างแผ่วเบา “เหนียนเสี่ยวมู่ คุณเข้าห้องน้ำแล้วไม่ได้ล้างมือ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังจำได้ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เป็นอะไร
“มานี่” อวี๋เยว่หานไม่สนว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ลากเธอไปที่อ่างล้างมือ บีบเจลล้างมือเสร็จก็ล้างมือให้เธอเหมือนดูแลเด็ก
หลังจากล้างเสร็จแล้วก็ดึงกระดาษมาสองแผ่นเช็ดให้เธอจนแห้ง
ในขณะเดียวกันก็พูดว่า “เที่ยวบินนี้ไม่ทันแล้ว เปลี่ยนเป็นอีกเที่ยวบิน ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง”
ตอนที่ 860 โชคดีอยู่หน่อยๆ
เหนียนเสี่ยวมู่เม้มริมฝีปาก รู้สึกเฉยๆ
ที่แน่ๆ เธอยังผวากับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ เดิมทียังคงหวาดกลัว แต่พอเห็นอวี๋เยว่หานดูเคร่งเครียดกว่าเธอก็ไม่กล้ากลัวขึ้นมา
ตอนนี้เธอไม่เป็นอะไรแล้ว แต่เขายังทำท่าเหมือนจะกินคน ถ้าเธอแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาจริงๆ เธอเกรงว่าอวี๋เยว่หานจะไม่ยอมไปไหนถ้าไม่เจอเด็กผู้ชายคนนั้น…
“จู่ๆ ก็คิดว่าตัวเองโชคดีอยู่หน่อยๆ” เหนียนเสี่ยวมู่พูดออกมาโดยไม่คิดอะไร
เมื่ออวี๋เยว่หานที่กำลังจูงมือเธอไปยังห้องรอขึ้นเครื่องได้ยินที่เธอพูด เท้าก็ชะงัก ชำเลืองมองเธอ
เหนียนเสี่ยวมู่รีบเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มให้เขา เธอกำลังรอเขาถามว่าเธอหมายถึงอะไร
เธอก็จะได้ถือโอกาสชมเขาสักประโยคสองประโยคให้เขาชื่นใจ
อวี๋เยว่หาน “แค่หน่อยเดียว? คุณควรจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกที่มีผมเป็นคู่หมั้นไม่ใช่เหรอ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “….”
ช่างเถอะ เธออย่าไปชมเลย
เขาชมตัวเองก็พอแล้ว ถ้าเธอชมเขาอีก เธอเกรงว่าเขาจะตัวลอย
ทั้งสองกลับมาที่ห้องรอขึ้นเครื่อง
ในห้องรอขึ้นเครื่องวีไอพี เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เที่ยวบินหนาแน่นจึงมีคนค่อนข้างน้อย
เหนียนเสี่ยวมู่หาที่ว่างนั่งลง หันไปเห็นกาแฟข้างโต๊ะบุฟเฟ่ต์ที่อยู่ข้างๆ เธอหันมาถามอวี๋เยว่หานโดยไม่รู้ตัว “คุณอยากได้กาแฟสักแก้วไหม?”
ก่อนที่เขาจะตอบ เธอก็เลียปากและพูดกับตัวเองว่า
“ฉันอยากดื่มสักหน่อย”
น้ำเสียงที่น่าเอ็นดูแทบไม่ต่างจากการสลักคำว่า “คุณช่วยรินให้ฉันสักแก้วได้ไหม” ไว้บนหน้า
“พอโดนเอาใจแล้วทำเป็นได้ใจ” อวี๋เยว่หานพูดโพล่งออกมา เขาเคาะหัวเธอหนึ่งทีแล้วลุกขึ้นอย่างสุขุม
เอื้อมมือจัดเสื้อผ้าตัวเอง จากนั้นก็กำชับให้เธอเป็นเด็กดีนั่งอยู่กับที่ ห้ามซน ก่อนจะเดินไปทางโซนตักอาหาร
ขณะที่เขาหันกลับไป เหนียนเสี่ยวมู่ก็เริ่มฟุบกับพนักวางแขนของโซฟาพลางมองแผ่นหลังเขา คิดว่าเขารูปร่างดีเสียเหลือเกิน…
แต่ในไม่ช้ารอยยิ้มที่มุมปากของเธอก็หุบ
หันไปมองทางด้านหลังของตัวเอง
เมื่อพบว่าห้องรอขึ้นเครื่องดูโล่งๆ เธอก็ขมวดคิ้ว
เห็นชัดๆ ว่าไม่มีคน ทำไมเธอมักจะรู้สึกว่ากำลังมีคนมองตัวเองอยู่นะ?
แต่ไหนแต่ไรมาเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ใช่คนขี้ขลาด น้อยมากที่จะสวมจิตวิญญาณแห่งความสงสัย
นับตั้งแต่เข้าไปในบ้านประจำตระกูลถานและจากเมือง N มา เธอก็มักจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก
“คุณเหนียน ไม่เป็นอะไรนะครับ?” อวี๋เยว่หานสั่งให้ผู้ช่วยอยู่ดูแลเหนียนเสี่ยวมู่ เมื่อเห็นเธอมีสีหน้าแปลกๆจึงถามด้วยความเป็นห่วง
ขณะที่เหนียนเสี่ยวมู่กำลังจะบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร ก็เงยหน้าเห็นอวี๋เยว่หานยกกาแฟกลับมาหนึ่งแก้ว
เมื่อเห็นสีหน้าเธอดูแปลกๆไปก็เร่งเท้าเดินมาหาเธอ
วางกาแฟลง รวบตัวเธอมากอด
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เปล่า ฉันมักจะรู้สึกว่ามีคนอยู่ข้างหลังก็เลยหันกลับไปดูแวบหนึ่ง…น่าจะเป็นเพราะเมื่อวานตอนเย็นพักผ่อนไม่เต็มที่ วันนี้ถึงได้เครียดทั้งวัน เกิดอาการหลอนๆ”
เหนียนเสี่ยวมู่กลับมาตั้งสติ เธอเอื้อมมือมาตบที่หน้าตัวเองและยกกาแฟขึ้นจิบ
เมื่อเห็นว่าอวี๋เยว่หานยกกาแฟมาแค่แก้วเดียว เธอก็ถือถ้วยกาแฟไปชิดริมฝีปากเขา
“จะดื่มสักหน่อยไหม?”
“คุณดื่มก่อน” อวี๋เยว่หานพูดมาหนึ่งประโยค ดวงตาดำขลับเป็นประกาย
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าท่าทางของเขาดูเปลี่ยนไป เมื่อได้ยินที่เขาพูดก็ดื่มไปอีกคำ วินาทีต่อมาอวี๋เยว่หานก็ก้มหน้าเม้มริมฝีปากเธอ
“อืม!”
การแย่งอาหารจากปากเสือไม่ใช่การแสดงแต่อย่างใด
ในห้องรอขึ้นเครื่องยังมีคนอื่นอีกนะ!
เดิมทีอวี๋เยว่หานแค่จะลิ้มรสแล้วหยุดแค่นั้น แต่พอได้สัมผัสริมฝีปากของเธอ จู่ๆความคิดเรื่องแยกจากกันก็ผุดขึ้นมาในหัว
กดเธอไว้ในอ้อมกอด จูบอย่างดูดดื่ม