ตอนที่ 863 คนเดียวกัน!
ในด้านการทำงานเธอโบยบินได้อย่างสวยงาม เปล่งประกายจนทำให้คนไม่อาจละสายตาได้
อวี๋เยว่หานเลิกคิ้วและพูดอย่างใจจืดใจดำ “ไม่กลัว ผมชอบเห็นเจิ้งเหยียนเสียเปรียบ ถ้าเธอกล้าทำให้คุณเสียเปรียบ ผมจะช่วยคุณสั่งสอนเธอเอง”
ถือหางกันเสร็จสรรพ
ทั้งยังมีเหตุผลพูดได้เต็มปากเต็มคำ
พอพูดจบลงได้ไม่นานประตูห้องทำงานท่านประธานก็มีคนผลักออก
เจิ้งเหยียนกำลังยืนอยู่หน้าประตูพลางมองเธอด้วยสีหน้าย่ำแย่ เธอน่าจะได้ยินคำพูดเมื่อครู่นี้
ด้านหลังเธอยังมีเลขาที่ทำหน้าตกตะลึงอยู่คนหนึ่ง รีบร้อนอธิบาย
“ท่านประธาน ฉันอธิบายกับรองประธานเจิ้งไปแล้วค่ะว่าคุณกำลังยุ่ง ไม่มีเวลาพบเธอ แต่ว่า…”
“คุณออกไปก่อน” อวี๋เยว่หานพูดด้วยความสุขุม
แต่ไม่มีอาการตื่นตระหนกเลยสักนิด
ราวกับคนที่เพิ่งบอกว่าจะสั่งสอนเจิ้งเหยียนเมื่อกี้นี้ไม่ใช่เขา
เลขารีบผละออกไป ดวงตาดำสนิทของเขาจ้องไปที่เจิ้งเหยียนที่เดินเข้ามาด้วยหน้าตาบึ้งตึง เขาเลิกคิ้ว “รองประธานเจิ้งมีธุระอะไร?”
“หึ ฉันรู้ว่าพวกคุณเพิ่งกลับมาจากเมือง N ก็เลยมีน้ำใจมาถามพวกคุณดูว่าเจอถานเปิงเปิงหรือยัง หรือมีอะไรต้องการให้ฉันช่วยไหม แต่ผลกลับ…ไม่เป็นที่น่าพอใจ!”
เจิ้งเหยียนเหยียบอยู่บนรองเท้าส้นสูงกว่าสิบเซนติเมตรเดินไปข้างหน้าอวี๋เยว่หานอย่างมาดมั่น
กดมือลงบนโต๊ะทำงานพร้อมกับเปลี่ยนประเด็น
“เพื่อชดเชยหัวใจที่แตกสลายของฉัน คุณควรยอมอ่อนข้อเรื่องความร่วมมือให้ฉันสักหน่อย ฉันจะได้เอาผลลัพธ์ที่สวยงามกลับไปตบหน้าน้องชายที่ไม่เอาการเอางานและยังชอบขัดขาฉัน!”
เมื่อพูดถึงน้องชายเพียงคนเดียวของตัวเอง หน้าเจิ้งเหยียนก็เกิดโทสะอย่างปิดไม่มิด
อวี๋เยว่หานไม่สนใจเรื่องภายในบ้านของตระกูลเจิ้ง เมื่อได้ยินที่เจิ้งเหยียนพูดก็เอ่ยอย่างเรียบๆ “ได้”
เพียงแค่คำคำเดียวถึงกับทำให้เหนียนเสี่ยวมู่และเจิ้งเหยียนอึ้งไปตามๆกัน
เจิ้งเหยียน : เมื่อวานยังบอกอยู่เลยว่าเรื่องงานไม่ปนกับเรื่องส่วนตัว หรือนี่จะเป็นอวี๋เยว่หานตัวปลอม?
เหนียนเสี่ยวมู่ : ไหนบอกว่าจะช่วยเธอสั่งสอนเจิ้งเหยียนด้วยกันไงล่ะ?
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้หญิงทั้งสองที่แสดงท่าทางประหลาดใจในเวลาเดียวกัน อวี๋เยว่หานก็หันคอมพิวเตอร์ไปทางเจิ้งเหยียนอย่างใจเย็น ชี้ไปยังคนคนหนึ่งในหน้าจอ เอ่ยขึ้นมาว่า
“ช่วยผมหาคนนี้ในเมือง N ให้หน่อย เรื่องความร่วมมือในคราวนี้ผมจะยอมหลีกทางให้คุณ”
“ใคร?”
เจิ้งเหยียนและเหนียนเสี่ยวมู่ยื่นหน้าไปดูพร้อมๆ กัน
เจิ้งเหยียนไม่รู้จัก แต่เหนียนเสี่ยวมู่จำได้
“นี่คือพ่อของเด็กผู้ชายคนนั้นที่ชนฉันในสนามบินเมื่อวานนี่ คุณเอากล้องวงจรปิดของสนามบินมาดู…ไม่สิ นี่คือกล้องวงจรปิดสนามบินวันที่ถานเปิงเปิงหายตัวไป คนคนนี้มาอยู่ในนี้ได้ยังไง?”
เหนียนเสี่ยวมู่ฟุบลงหน้าโต๊ะ ตั้งใจดูอีกครั้ง
เป็นคนคนเดียวกันจริงๆด้วย
วันนั้นวันที่ถานเปิงเปิงหายตัวไป ผู้ชายวัยกลางคนคนนี้ก็ยืนอยู่ไม่ไกลจากถานเปิงเปิง
เมื่อดูจากภาพวิดีโอกล้องวงจรปิด ตอนนั้นเขาน่าจะเจอหน้าถานเปิงเปิงและเอาแต่มองถานเปิงอยู่ตลอดเวลา!
“เป็นเรื่องปกติที่จะเจอคนคนเดียวกันแต่คนละสนามบิน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะทำงานนอกสถานที่ก็เป็นได้ พวกคุณอ่อนไหวเกินไปหรือเปล่า?” พอเจิ้งเหยียนได้ยินพวกเขาพูดจบก็ถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
สายตาอวี๋เยว่หานเย็นชาลง ในเวลาเดียวกันก็กดเรียกรูปออกมาอีกหลายชุด
แบ่งออกเป็นภาพกล้องวงจรปิดของถานเปิงเปิงที่ประตูทางออกต่างๆ ก่อนที่จะหายตัวไปจากสนามบิน
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทุกครั้งที่ถานเปิงเปิงปรากฏตัวอยู่ในกล้อง ผู้ชายวัยกลางคนคนนั้นก็จะปรากฏตัวอยู่ไม่ไกล
ถ้าเดาไม่ผิด คนคนนี้กำลังสะกดรอยตามถานเปิงเปิง!
บางทีเขาอาจจะรู้ว่าถานเปิงเปิงอยู่ที่ไหนและยิ่งไปกว่านั้นการหายตัวไปของถานเปิงเปิงต้องเกี่ยวข้องกับคนคนนี้
ดวงตาดำขลับของอวี๋เยว่หานหรี่ลง “หาเขาเจอก็อาจจะหาถานเปิงเปิงเจอ!
ตอนที่ 864 มีคุณอยู่ข้างกาย วันเวลาผ่านไปอย่างสงบสุข
เมื่อได้ยินที่เขาพูด สีหน้าเจิ้งเหยียนก็ดูจริงจังขึ้น
เธอโน้มไปที่หน้าคอมพิวเตอร์ของเขา ดูใบหน้าที่ถูกตรึงไว้บนหน้าจออย่างละเอียด
“ฉันไม่มีภาพจำเลย ตระกูลเจิ้งมีเส้นสายอยู่ในเมือง N อยู่บ้าง แต่พวกคุณอย่าลืมสิว่าตระกูลฉันคบค้าสมาคมกับคนในแวดวงธุรกิจ แต่คนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนทั่วไปตามท้องถนน ฉันคิดว่าฉันจะยอมช่วยพวกคุณหา แต่ว่าคงหาไม่เจอภายในระยะเวลาสั้นๆ หรอก”
เจิ้งเหยียนกล่าวอย่างจริงใจ
ในเมื่อเธอตกลงว่าจะช่วย เธอก็จะไม่ปิดบัง
และยิ่งไปกว่านั้นอวี๋เยว่หานยังให้เงื่อนไขดีๆ กับเธอ ตราบใดที่เธอช่วยตามหาคนที่อยู่ในวิดีโอเจอ ความร่วมมือระหว่างตระกูลเจิ้งและบริษัทตระกูลอวี๋ก็จะสามารถยึดครองอำนาจได้
ถ้าเธอหาเจอ แน่นอนว่าคงไม่ปฏิเสธ
“ถานเปิงเปิงหายไปได้ระยะหนึ่งแล้ว ฉันกังวลว่าถ้าหาเธอไม่เจอ เธออาจจะมีอันตราย”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดด้วยความเป็นห่วง
จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับการหายตัวไปของถานเปิงเปิง
กล้องวงจรปิดในสนามบินก็จับภาพได้ว่าเธอเป็นคนออกจากสนามบินเอง
พวกเขาคิดมาตลอดว่าถานเปิงเปิงจงใจซ่อนตัว แต่ตอนนี้กลับพบว่าเรื่องทั้งหมดอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
สมมุติถานเปิงเปิงสังเกตเห็นว่ามีคนสะกดรอยตามเธออยู่ เธอจึงเปลี่ยนใจกะทันหันโดยไม่ขึ้นเครื่องบิน การที่เธอยังไม่กลับมาตอนนี้สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือเกิดเรื่องอะไรบางอย่าง!
ทันทีที่คิดถึงตรงนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็นั่งไม่ติดที่
“ตระกูลอันดับหนึ่งในเมือง N ที่แท้จริงคือตระกูลมั่ว หากเป็นเมื่อไม่กี่ปีก่อน ฉันอาจจะใช้ความสนิทสนมส่วนตัวช่วยพวกคุณได้ แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเจิ้งกับตระกูลมั่วนั้นยากที่จะเอ่ยถึง…”
ดูเหมือนเจิ้งเหยียนจะนึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่สบายใจ ร่องรอยแห่งความเศร้าแวบผ่านใบหน้าอันทรงเสน่ห์
ในไม่ช้าก็เงยหน้าขึ้นถามอีกครั้ง
“พอพูดถึงคนเดินถนนฉันก็นึกถึงคนเก่งๆ อยู่คนนึง ไม่รู้ว่าพวกคุณเคยได้ยินชื่อซั่งหลิงซือกันบ้างไหม? เมื่อก่อนตระกูลซั่งควบคุมอิทธิมืด ต่อมาซั่งหลิงซือได้เปลี่ยนความชั่วร้ายให้กลายเป็นความชอบธรรมเพื่อคนที่ตัวเองรัก ตอนนี้ตระกูลซั่งจึงเป็นตระกูลใหญ่ที่แท้จริง การจะตามหาคนธรรมดาๆ คนหนึ่งนั้นไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน แต่แค่ไม่รู้ว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลซั่งได้ยังไง”
พอเจิ้งเหยียนพูดจบ อวี๋เยว่หานและเหนียนเสี่ยวมู่ก็นึกถึงคนคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน
ซั่งซิน!
คนอื่นไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของซั่งซิน แต่อวี๋เยว่หานและเหนียนเสี่ยวมู่ต่างรู้ดี
เธอคือคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลซั่ง “ซั่งมู่ซิน” ลูกสาวคนเดียวของซั่งหลิงซือ!
การที่จะไปขอความช่วยเหลือจากซั่งหลิงซือให้ช่วยตามหาคน ไม่มีใครเหมาะไปว่าซั่งซินอีกแล้ว
-
คฤหาสน์ตระกูลถัง
พ่อบ้านยืนอยู่ในห้องอาหารและกำลังยุ่งอยู่กับการกำชับให้พ่อครัวเตรียมอาหาร
“ตอนนี้คุณซั่งซินกระเพาะไม่ดี ลดน้ำมันลงหน่อย พยายามทำอาหารรสอ่อนๆเข้าไว้”
“วางปลาเก๋านึ่งไว้ข้างหน้าหน่อยเพราะคุณซั่งซินชอบทานอาหารจานนี้”
“รังนกเสร็จหรือยัง? รีบยกมาเสิร์ฟเร็ว…”
ถังหยวนซือจูงมือซั่งซินเข้ามาในห้องอาหารตามเสียงของพ่อบ้าน
ถังหยวนซือหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงก็พบว่าไม่ใช่เสียงโทรศัพท์ของตัวเอง
ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหันไปมองคนข้างๆ
เสียงทุ้มลง
“เอาโทรศัพท์ออกมา”
“ฉันแค่พกมันเอง ไม่ได้เล่นซะหน่อย”
ซั่งซินดิ้นหลุดจากมือเขา เธอถือโทรศัพท์ตัวเองหลบไปด้านข้างพลางถลึงตามองเขา
พูดกับเขาด้วยเหตุผล
“พี่เสี่ยวซือ ฉันแค่ท้องเองนะ ไม่ได้ป่วยเรื้อรังเสียหน่อย เล่นโทรศัพท์หน่อยเดียวไม่เป็นไรหรอกน่า จริงด้วย พี่ก็เห็นว่าฉันพกโทรศัพท์แล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่”
ง่ายมากที่จะลุกลามให้กลายเรื่อง
เขาเองก็เคร่งเครียดเกินไป….