บทที่ 73 ไม่ทำแผลให้
บทที่ 73 ไม่ทำแผลให้
มู่ซืออวี่เดินลงจากภูเขาพร้อมเด็กทั้งสอง และบังเอิญได้พบกับชาวบ้านบริเวณเชิงเขา จากนั้นจึงมองเห็นเด็กสองคนที่ช่วยชี้ทางยืนอยู่ท่ามกลางชาวบ้าน
เหล่าชาวบ้านต่างโล่งใจเมื่อเห็นลู่ฉาวอวี่และเถี่ยโถวลงมาจากภูเขาได้อย่างปลอดภัย
“เถี่ยโถว เจ้าเด็กนิสัยเสีย” มู่ต้าหนิวยกฝ่ามือตีเถี่ยโถว “เจ้ายุยงให้ฉาวอวี่ขึ้นเขาใช่หรือไม่? อยากโดนไม่เรียวข้าหรืออย่างไร? ไม่ถูกเฆี่ยนเพียงสองสามวัน เจ้ากล้า…”
“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้…” เถี่ยโถวรีบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังมู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่เข้าไปปรามมู่ต้าหนิวพลางกล่าวว่า “ต้าหนิว เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของเถี่ยโถว หากไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือของเขา ฉาวอวี่คงตกหน้าผาตายไปแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดเด็กพวกนี้ถึงวิ่งขึ้นไปบนภูเขา?”
“เด็ก ๆ พวกนี้ล้วนเติบโตในหมู่บ้าน ถึงจะไปเก็บฟืนบนภูเขา บนนั้นก็ไม่ค่อยมีอันตรายอะไร ทว่าวันนี้พวกเขากลับเข้าไปลึกกว่าเดิม แม้แต่ข้าก็ไม่กล้าเข้าไป ไร้เหตุผลสิ้นดี” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวอย่างโกรธเคือง “มีใครอีกบ้างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้? ยืนขึ้นรับสารภาพมาซะ ถ้าข้ารู้ทีหลัง ข้าจะลงโทษพวกเจ้าสถานหนัก”
เด็กทั้งห้าคนจ้องมองกันด้วยสีหน้าลังเล จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างกระวนกระวาย
พ่อแม่ของเด็กทั้งห้าโกรธขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าลูกของพวกเขามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย
“เจ้าเด็กนิสัยเสีย กล้าเล่นพิเรนทร์เช่นนี้ได้อย่างไร! หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นต่อชีวิตของฉาวอวี่ พวกเจ้าจะรับผิดชอบอย่างไร?”
“ข้าไม่ได้เฆี่ยนตีเพียงสองสามวัน เจ้าอาจหาญถึงเพียงนี้เชียวหรือ! เช่นนั้นแล้วข้าก็จะตีสอนเจ้าให้ตายเสีย”
“โอ๊ย! ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว อย่าตีข้าเลย!”
“ท่านแม่ช่วยข้าด้วย โอ๊ย ท่านแม๊!!”
“พอได้แล้ว ลูกไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
“นั่นสิ ลูกไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงยังทุบตีลูกชายของตนเช่นนี้อีก?”
บางคนทุบตีลูกของตน บางคนคอยห้ามปราม บางคนเพียงยืนนิ่งไม่กล้าทำอะไร ทุกอย่างตกอยู่ในความโกลาหล
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เรื่องนี้เด็ก ๆ ไม่ผิดหรอก” มู่ซืออวี่กล่าว “เด็ก ๆ ไม่ได้มีเจตนาร้าย พวกเขาเพียงยังไม่รู้ในสิ่งที่ควร รอให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วพวกเขาจะเข้าใจเอง”
ทั้งหัวหน้าหมู่บ้านและชาวบ้านไม่ได้คาดหวังว่ามู่ซืออวี่จะมีน้ำใจมากถึงเพียงนี้ พวกเขาต่างคิดว่านางจะเอะอะโวยวายเหมือนทุกครั้ง เหตุใดวันนี้จึงแตกต่างไป? ราวกับไม่ใช่มู่ซืออวี่ที่พวกเขารู้จักอย่างไรอย่างนั้น
มู่ซืออวี่ทำตัวไม่ถูก “แน่นอนว่าปรบมือข้างเดียวไม่ดัง ลูกชายของข้าเองก็มีส่วนผิด หากเขาไม่ยินยอมพร้อมใจ ผู้ใดจะกล้าผลักเขาลงไปที่หน้าผา? ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเลี้ยงดูลูกไม่ดีเอง”
เมื่อเห็นว่านางเป็นคนมีเหตุผล การแสดงออกทางสีหน้าของชาวบ้านก็ดูดีขึ้น
อาจเป็นเพราะวิธีการเอาเปรียบอย่าง ‘ผิดกฎหมาย’ ของมู่ซืออวี่ก่อนหน้านี้โหดเหี้ยม ชาวบ้านรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่านางจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป บางทีนางอาจเปิดโปงพวกเขาแล้วเรียกเอาค่าชดเชย ทว่าตอนนี้ทุกสิ่งที่นางกล่าวกลับฟังดูมีเหตุผล ทำให้ ‘มู่ซืออวี่’ ที่เคยอยู่ในความทรงจำของพวกเขาลบเลือนหายไป และถูกแทนที่ด้วยมู่ซืออวี่คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้านี้แทน
“ไม่มีอะไรแล้วก็กลับกันเถิด” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว “ฉาวอวี่ เถี่ยโถว พวกเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
“เถี่ยโถวช่วยดึงลู่ฉาวอวี่ไว้ มือก็เลยบาดเจ็บ ข้าจะพาเขากลับไปใส่ยา” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้ามียากับอุปกรณ์ทำแผลอยู่ที่บ้าน”
งานฉลองมงคลสมรสยังคงดำเนินต่อไป พวกชาวบ้านจึงกลับไปยังบ้านของลู่ต้าจู้เพื่อร่วมงาน
ณ บ้านของลู่อี้ ลู่ฉาวอวี่ซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างจ้องมองมู่ซืออวี่ที่กำลังทำแผลให้กับเถี่ยโถว
เถี่ยโถวมีใบหน้าแดงก่ำ เขามองมู่ซืออวี่ด้วยความซาบซึ้ง
“เจ็บหรือไม่?” มู่ซืออวี่เช็ดบาดแผลให้กับเถี่ยโถว
หลังจากเช็ดจนเสร็จสิ้น นางก็เป่าบาดแผล และมองเถี่ยโถวด้วยความกังวล
เถี่ยโถวส่ายศีรษะพร้อมกล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย “ไม่เจ็บเลยสักนิด ที่ถางหญ้าที่บ้านบาดมือยังเจ็บกว่า!”
“กล้าหาญไม่พอ อดทนก็ยังเก่ง” มู่ซืออวี่ลูบศีรษะเถี่ยโถวเบา ๆ “พวกเจ้ายังไม่ได้กินข้าวสักเม็ด ต่อให้กลับไปในงานตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรให้กินแล้ว รอสักครู่ ข้าจะไปทำบะหมี่มาให้”
“อย่าลำบากเลย ข้าไม่หิว” เถี่ยโถวกล่าวอย่างเขินอายพลางก้มหน้าลง
โครกก…
เสียงท้องร้องด้วยความหิวโหยดังขึ้น
เถี่ยโถวเขินอายเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นมา
ส่วนมู่ซืออวี่หัวเราะก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังห้องครัว
ลู่ฉาวอวี่จ้องมองแผ่นหลังของมู่ซืออวี่ที่กำลังเดินไปอย่างเงียบงัน
หลังมือของลู่ฉาวอวี่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและเลือดไหลซึม เขาไม่รู้ว่าหญิงผู้นี้ไม่ทันสังเกตหรือตั้งใจจะละเลย
เมื่อครู่นี้ที่นางสวมกอดเขาพร้อมแสดงความห่วงใยอย่างสุดหัวใจ ทั้งหมดไม่ใช่เพียงการแสร้งทำใช่หรือไม่?
หึ!
แท้จริงแล้วไม่ใช่เพราะมู่ซืออวี่ละเลยจนไม่สังเกตเห็นบาดแผลบนหลังมือลู่ฉาวอวี่ เพียงแต่ตอนนี้นางโกรธเกินกว่าที่จะสนทนากับเขา
กลิ่นหอมโชยออกมาจากในครัว เถี่ยโถวกลืนน้ำลายอึกใหญ่พลางจ้องมองไปยังลู่ฉาวอวี่ “อาหารฝีมือแม่เจ้าหอมมาก!”
ลู่ฉาวอวี่จ้องมองอย่างเฉยเมย “อย่างนั้นหรือ?”
ไม่ว่ารสมือในการทำอาหารจะยอดเยี่ยมเพียงใด นางก็ยังเป็นมารร้ายในสายตาลูกชายอยู่ดี
นางไม่สนใจเขาเลยสักนิด
“เจ้านี่ช่างโชคดี ข้าเองยังไม่มีแม่เลย” เถี่ยโถวกล่าว “ถ้าข้ามีแม่ก็คงดี ตอนทายา แม่ของเจ้าอ่อนโยนมากเลย หากข้ามีแม่ นางก็คงอ่อนโยนเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
ลู่ฉาวอวี่ขมวดคิ้ว
เถี่ยโถวเป็นเด็กร่าเริง ลู่ฉาวอวี่ไม่เคยเห็นความอ้างว้างในแววตาของอีกฝ่ายเช่นนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าเด็กชายผู้นี้จะดื้อรั้นเพียงใด แต่หัวใจก็เปราะบางไม่น้อย
“หากข้ามีแม่ ข้าจะเชื่อฟังสุดหัวใจ จะไม่ทำให้ท่านแม่ต้องเป็นกังวล จะไม่ปล่อยให้นางต้องมาทำแผลให้ข้า คนอื่นน่ะชอบบอกว่าข้าเป็นลูกที่ถูกพ่อเก็บมาเลี้ยง แม้แต่พ่อก็ยังไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของข้า”
“เถี่ยโถว” เสียงของมู่ซืออวี่ดังออกมาจากครัว “เจ้าช่วยไปหยิบฟืนให้ข้าได้หรือไม่? อยู่ในโรงเก็บไม้”
“ได้ขอรับ!” เถี่ยโถวตอบกลับอย่างมีความสุข
มู่ซืออวี่ยิ้มแล้วหั่นผักต่อไป
อันที่จริงนางไม่อยากให้เถี่ยโถวที่ได้รับบาดเจ็บต้องทำงาน เพียงแต่รู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้ยินคำกล่าวของเด็กคนนี้ นางจึงพยายามหันเหความสนใจเพื่อให้หยุดคิดฟุ้งซ่านกับเรื่องราวที่ทำให้เขาเศร้าใจ
จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าเถี่ยโถวเป็นเด็กดี ลู่ฉาวอวี่เป็นเพื่อนกับเขาได้ อย่างน้อยก็จะไม่ทำให้รู้สึกเหงา
“ว้าว! ท่านป้า บะหมี่รสมือท่านอร่อยมากเลยขอรับ” เถี่ยโถวกล่าวชมขณะเคี้ยวบะหมี่อยู่ในปาก แก้มของเขาพองโตราวกับกบ ไม่สามารถเอ่ยคำที่ชัดเจนได้
ถงซื่อจูงมือลู่จื่ออวิ๋นเดินกลับมาที่บ้านพอดี
“ท่านพี่!” ลู่จื่ออวิ๋นกระโจนใส่ลู่ฉาวอวี่
ลู่ฉาวอวี่วางชามในมือลงอย่างรวดเร็วแล้วโอบกอดร่างน้อย ๆ ของลู่จื่ออวิ๋น
เมื่อเห็นรอยขีดข่วนบนหลังมือของลู่ฉาวอวี่ ถงซื่อจึงกล่าวอย่างเป็นทุกข์ “ข้าได้ยินมาว่าฉาวอวี่ขึ้นไปบนภูเขาพร้อมเด็กคนอื่น ได้รับบาดเจ็บด้วยไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้าจึงไม่ใส่ยาให้เขาเล่า?”
“ท่านพี่ เจ็บหรือไม่?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยถามอย่างประหม่า “ขอข้าดูหน่อย”
“ที่บ้านมียาหรือไม่?” ถงซื่อเอ่ยถาม “ข้าจะใส่ยาให้ฉาวอวี่”
นางเป็นแม่อย่างไรกัน? ใส่ยาและทำแผลให้แก่เถี่ยโถว แต่กลับเพิกเฉยลูกของตน? ไม่ได้คิดจะ ‘ก่อปัญหา’ ใดอีกใช่หรือไม่?
“เขาไม่ต้องการยา เขาก็เหมือนเทพเจ้านั่นแหละ จะเหาะจะเหินเดินอากาศก็ทำได้ บาดเจ็บแค่นี้จะเป็นไรไป?” มู่ซืออวี่จ้องมองลู่ฉาวอวี่อย่างเย็นชา “ปล่อยแผลไว้เถอะ เขาจะได้ตระหนักบ้างว่าตัวเองทำอะไรผิด”