บทที่ 281 มู่เจิ้งอี้อยู่ที่ใด
บทที่ 281 มู่เจิ้งอี้อยู่ที่ใด
เมื่อเห็นเจี่ยงเสี่ยวถง แม่เฒ่าเจียงก็เก็บสีหน้ามุ่งร้ายของนาง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มเอ็นดู “หิวแล้วหรือ? อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว! ตงหยวนตื่นแล้วหรือยัง?”
ความรังเกียจแวบผ่านแววตาของเจี่ยงเสี่ยวถง
มู่ตงหยวนน่ะหรือ?
เดิมทีเห็นเขาหน้าตาไม่เลว แต่เขาขาเป๋แล้ว แม่เฒ่าเจียงให้สินสอดจำนวนมาก พร้อมรับปากว่าทรัพย์สินกองโตของครอบครัวแม่เฒ่าเจียงจะเป็นของนางทั้งหมด นางจึงได้แต่งเข้ามา นึกไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะท่าดีทีเหลวอย่างที่เล่าลือกัน
ไม่ แม้แต่ท่าดีก็ยังไม่มี
นางแต่งมาแล้ว เพื่อทรัพย์สินมากมายนั้นคงทำได้เพียงต้องทนแล้ว
“ยังไม่ตื่นเจ้าค่ะ สามีเหนื่อยมากแล้ว ให้เขานอนต่ออีกหน่อยเถอะเจ้าค่ะ” เจี่ยงเสี่ยวถงขมวดคิ้ว แสร้งทำเป็นเขินอาย
“ถูกแล้ว ๆ ให้เขานอนให้มากหน่อย” เมื่อเห็นสีหน้าของเจี่ยงเสี่ยวถง แม่เฒ่าเจียงก็รู้ว่าสำเร็จแล้ว
นางกังวลมาโดยตลอดว่ามู่ตงหยวนจะบาดเจ็บไปถึงส่วนอื่น ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ เท่านี้ก็สำเร็จแล้ว นางเพียงแค่รออุ้มหลานชายแล้ว
มู่ต้าไห่ตื่นขึ้นมาแล้วก็ไปนั่งรอกินข้าวอยู่ในลานบ้าน
ในตอนนี้เอง ลูกสุนัขตัวหนึ่งก็โผล่เข้ามา
ทันทีที่มู่ต้าไห่เห็นลูกสุนัขตัวนั้นก็รู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง เขาพยายามนึกดู สุดท้ายจึงจำมันได้
“ท่านแม่!” มู่ต้าไห่เรียกแม่เฒ่าเจียง “ท่านรีบออกมาดูเร็วเข้า”
แม่เฒ่าเจียงค่อนข้างมีความอดทนกับลูกชายของนางเอง แน่นอนว่ายกเว้นมู่ต้าซาน
ตอนนี้มู่ต้าซานเริ่มเจริญก้าวหน้าแล้ว นางมีใจอยากคืนดีกับเขา ทว่าความเย็นชาห่างเหินไม่อาจละลายได้ในเวลาอันสั้น มู่ต้าซานไม่คล้อยตามนางแม้แต่น้อย หลังจากร่วมงานแต่งของมู่ตงหยวนแล้ว เขาก็จากไปใช้ชีวิตในบ้านโทรม ๆ หลังเล็กของเขา
แม่เฒ่าเจียงเห็นสุนัขตัวนั้นก็จำมันได้ในทันที “นั่นไม่ใช่สุนัขของนางสารเลวมู่ซืออวี่หรือ?”
“เป็นของนาง ท่านแม่ จับมันเอาไว้ วันนี้พวกเรากินเนื้อสุนัขกัน” มู่ต้าไห่ถูไม้ถูมือ มองเสี่ยวเฮยอย่างโหดเหี้ยม
เสี่ยวเฮยสัมผัสได้ถึงอันตราย มันวิ่งหนีมู่ต้าไห่
“จับมันไว้!” มู่ต้าไห่ตะโกนขึ้น “แม่เด็ก ๆ เจ้าก็ออกมา…”
ถังซื่อได้ยินเสียงจึงวิ่งปรี่ออกมา ในมือถือตะกร้าเอาไว้
แม่เฒ่าเจียงลังเลใจเล็กน้อย “หากมีคนเห็นเข้าแล้วรู้ว่าพวกเราจับสุนัขของนังสารเลวคนนั้น นังสารเลวคนนั้นมาบ้านเราจะทำอย่างไร?”
“ท่านแม่ เหตุใดตอนนี้ท่านขี้ขลาดเช่นนี้?” ถังซื่อเอ่ยเย้ยหยัน “แต่ก่อนมู่ซืออวี่อยู่ต่อหน้าท่าน เชื่อฟังท่านถึงเพียงนั้น ตอนนี้ท่านกลับนับวันยิ่งหวาดกลัวนางแล้ว ไม่แปลกใจว่าเหตุใดนางไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย”
“เหลวไหล? ข้าจะกลัวนางหรือ?”
“เช่นนั้นท่านก็จับมันสิ! สุนัขตัวโตเช่นนี้ พวกเราเอามันมากินเถอะ”
แม่เฒ่าเจียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ได้ จับมัน”
เมื่อถูกหลายคนล้อมจับ เสี่ยวเฮยก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา มันรีบวิ่งเข้าไปข้างใน
“นั่นเป็นห้องตงหยวน ให้ตงหยวนปิดประตูจับมันไว้” แม่เฒ่าเจียงเอ่ยขึ้นอย่างยินดี
จัดการมู่ซืออวี่นังสารเลวคนนั้นไม่ได้ จับสุนัขของนางมากินก็ระบายโทสะของนางได้เช่นกัน
มู่ตงหยวนยังนอนอยู่บนเตียง เขาจะลงมาช่วยจับสุนัขได้อย่างไร? ข้างนอกตะโกนอยู่เป็นนานสองนาน ทว่าข้างในยังคงไร้เสียงตอบรับจากเขา
“ชู่ว! อย่าเอะอะมะเทิ่งไป อยากให้ผู้อื่นได้ยินเจ้าหรือ?” ถังซื่อเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ “จริงสิ เจิ้งอี้เล่า? เหตุใดยังไม่เห็นเขาออกมา?”
ปัง! ปัง!
ทันใดนั้นเองก็มีคนมาเคาะประตู
“โฮ่งโฮ่ง” เสี่ยวเฮยเห่าสองครั้งอย่างให้ความร่วมมือ
“จับเจ้าสุนัขตัวนั้นเอาไว้” แม่เฒ่าเจียงเดินออกไปข้างนอกพลางเอ่ยกำชับ
“คงไม่ใช่มู่ซืออวี่มากระมัง?” ถังซื่อเอ่ยพึมพำเสียงเบา “จะให้มันเห่าไม่ได้ รีบจับมันไว้”
แม่เฒ่าเจียงเดินไปเปิดประตู ส่วนคนอื่น ๆ พยายามขังล้อมจับเสี่ยวเฮยเอาไว้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดประตูออกไปกลับไม่พบมู่ซืออวี่ แต่เป็นลู่อี้และเซี่ยคุน ด้านหลังพวกเขายังมีคนอีกหลายคนตามมา ล้วนแต่เป็นคนในหมู่บ้าน
การเคลื่อนไหวนี้…
เหตุใดจึงดูไม่เหมือนแค่มาเอาสุนัขคืนเล่า?
“สุนัขบ้านเราหลุดเข้าไป เรามาเอาคืน” ลู่อี้เอ่ยเสียงเรียบ “รบกวนให้ข้าเข้าไปเถอะ”
แม่เฒ่าเจียงหวาดผวาบรรยากาศกดดันเช่นนี้
ก่อนหน้านี้แม้ลู่อี้จะไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทางการ แม่เฒ่าเจียงยังคงยำเกรงต่อหน้าเขา ทุกครั้งจึงกล้าเพียงแค่รังแก ‘มู่ซืออวี่’ ตอนที่ลู่อี้ไม่อยู่บ้านเท่านั้น
ทันทีที่แม่เฒ่าเจียงขยับออกไปข้าง ๆ นางก็รู้สึกตัวทันที
เหตุใดนางต้องหลีกทางให้ด้วยเล่า? นี่เป็นบ้านของนาง
“พวกเจ้าเข้าไปไม่ได้… พวกเจ้าจะทำอะไร?”
ลู่อี้กับเซี่ยคุนมองหน้ากัน
พวกเขาคนหนึ่งไปที่ห้องของมู่ตงหยวน และอีกคนไปที่ห้องของมู่เจิ้งอี้
ส่วนคนอื่น ๆ นั้นพากันค้นหาไปทั่ว
หากแม่เฒ่าเจียงฉลาดสักนิดก็จะรู้ว่าการกระทำของพวกเขาแปลกพิสดารเพียงใด หากแค่เพียงหาสุนัข ตะโกนเรียกชื่อสุนัขเลยก็ได้ ตามเสียงของสุนัขไปก็รู้แล้วว่ามันอยู่ทางใด ทว่าพวกเขาเข้าประตูมา สุ่มค้นหาไปทั่ว
มู่ซืออวี่รออยู่ข้างนอก เหยาซื่อและครอบครัวก็อยู่กับนาง
พอได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวข้างใน มู่ซืออวี่พลันกังวลขึ้นมา หากไม่พบสิ่งใดขึ้นมา นั่นหมายความว่าพวกเขากล่าวหาครอบครัวมู่ ด้วยนิสัยของแม่เฒ่าเจียงแล้ว เรื่องวันนี้อาจไม่จบลงง่าย ๆ
“นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไร?” แม่เฒ่าเจียงแผดเสียงขึ้นมา “พวกเจ้านำอะไรออกมาจากห้องของอี้เอ๋อร์?”
มู่ซืออวี่ได้ยินเสียงจากข้างในจึงเปิดประตูเดินเข้าไป พวกเหยาซื่อก็เดินตามเข้าไปเช่นกัน
“เป็นอย่างไรบ้าง?” มู่ซืออวี่เดินเข้าไปหาลู่อี้
ลู่อี้ส่งผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งให้นาง “กลิ่นบนนี้เหมือนกับกลิ่นบนร่างกายของต้าจู้”
“เช่นนั้นก็เป็นมู่เจิ้งอี้ที่ทำ” มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว “แล้วคนเล่า?”
“ไม่อยู่ที่บ้าน” ลู่อี้ตอบ
แม่เฒ่าเจียงไม่รู้ว่าพวกเขากำลังเอ่ยเรื่องอะไร
“เหตุใดพวกเจ้าจึงมาเอาของของอี้เอ๋อร์? อีกอย่างพวกเจ้ามาค้นบ้านเราเช่นนี้คิดจะทำอะไรกัน? หัวหน้าหมู่บ้านเล่า? ข้าอยากพบหัวหน้าหมู่บ้าน”
หัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามา “ข้ามาแล้ว ถึงจะไม่อยากพบข้า ข้าก็ต้องมาอยู่ดี”
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านดูพวกเขาเข้ามารื้นค้นสิ่งของในบ้านพวกเราจนกระจัดกระจายสิ ยุ่งกับสิ่งของของเจิ้งอี้ของพวกเราด้วย” แม่เฒ่าเจียงฟ้อง
มู่ซืออวี่ส่งผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นให้กับหัวหน้าหมู่บ้าน “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านดูสิ กลิ่นนี้เหมือนกับกลิ่นที่อยู่บนร่างกายของต้าจู้ ทว่ากลิ่นนี้กลับเข้มข้นกว่า บนตัวของต้าจู้กลับมีกลิ่นเพียงเล็กน้อย”
“มู่เจิ้งอี้อยู่ที่ใด?” หัวหน้าหมู่บ้านถามแม่เฒ่าเจียง
เจี่ยงเสี่ยวถงมองดูลู่อี้
หล่อเหลายิ่งนัก!
หากมู่ตงหยวนหน้าตาดีได้ครึ่งหนึ่งของเขา เช่นนั้นนางคงโชคดีที่ได้แต่งงาน
ในตอนนี้เอง มู่ตงหยวนก็เดินออกมา เขาเห็นเจี่ยงเสี่ยวถงมองลู่อี้ไม่วางตาพร้อมใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาของเขาพลันเต็มไปด้วยความโกรธ
“ถ้าเจ้าไม่อยากตาย ก็ซื่อสัตย์หน่อยจะดีกว่า” มู่ตงหยวนเอ่ยถากถาง
เจี่ยงเสี่ยวถงหันกลับไปมองเขา แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “สามี ท่านพูดอะไร ผู้อื่นเขาเพียงยืนอยู่ที่นี่พักหนึ่งเท่านั้น ล้วนไม่ได้ทำสิ่งใดทั้งสิ้น”
มู่ตงหยวนเดินเข้าไปในครัวด้วยสีหน้าเฉยชา
ในครัวมีของเหลือจากงานแต่งของพวกเขา เพิ่งอุ่นเมื่อครู่นี้ เขาจึงตักมากิน ส่วนละครตลกข้างนอกนั่นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
“เจิ้งอี้ไม่อยู่ที่บ้าน” แม่เฒ่าเจียงเอ่ยขึ้น “หัวหน้าหมู่บ้าน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ พวกท่านสร้างเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้คิดจะทำอะไร?”
“เจ้านำของสิ่งนี้ไปให้ท่านหมอจูกับท่านหมอกงดู ถามว่าใช่สิ่งเดียวกันหรือไม่ หากว่าใช่ เช่นนั้นก็ไปนำตัวมู่เจิ้งอี้มาเดี๋ยวนี้” หัวหน้าหมู่บ้านสั่ง
“มู่เจิ้งอี้…” ชาวบ้านคนหนึ่งโพล่งขึ้นมา “เมื่อครู่นี้เพิ่งเห็นเขาออกไปจากหมู่บ้าน คงจะเข้าไปในเมืองแล้ว”