บทที่ 282 นำเงินมามีประโยชน์กว่า
บทที่ 282 นำเงินมามีประโยชน์กว่า
แม่เฒ่าเจียงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่ามีเรื่องกับครอบครัวลู่อี้ไม่ใช่เรื่องดีอะไรนัก
ทันทีที่ลู่อี้และคนอื่น ๆ ออกไปแล้ว นางก็รีบไปถามคนในหมู่บ้านทันที เมื่อนางรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับต้าจู้ ด้วยความรีบร้อน นางจึงให้มู้ต้าไห่ออกไปตามหามู่เจิ้งอี้ในเมืองทันที
มู่ต้าไห่ยังคงรู้สึกเป็นห่วงลูกชายคนนี้ เมื่อรู้ว่าลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านกำลังจะเข้าเมืองไปจับมู่เจิ้งอี้ เป็นตายร้ายดีอย่างไรเขาก็ต้องตามไป
ถังซื่อเดินกลับไปกลับมาอยู่ในลานบ้าน กระวนกระวายราวกับมดในหม้อ
“อี้เอ๋อร์เลอะเลือนโดยแท้ เหตุใดเขาจึงต้องไปล่วงเกินต้าจู้ด้วย?”
เหยาซื่อหญิงปากร้ายผู้นั้นเกาะขาลู่อี้อยู่แท้ ๆ ไปก่อกวนต้าจู้ไม่เท่ากับไปก่อกวนลู่อี้หรือ? พวกเขามีชีวิตที่ดีแล้ว เหตุใดต้องไปหาเหาใส่หัวอีก?
มู่ซือเจียวกำลังป้อนข้าวต้มให้ลูกของนาง
เด็กเงียบเสียง ไม่ร้องไห้กระจองอแงอีกต่อไป เพียงแต่ความเร็วในการกินข้าวเร็วอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าหิวเป็นอย่างมาก
ถังซื่อเดินเข้าไปหามู่ซือเจียว “หากอีกเดี๋ยวกลายเป็นพี่ของเจ้าทำจริง ๆ เจ้าก็ยอมรับผิดเสีย รู้หรือไม่?”
มู่ซือเจียวหยุดป้อนข้าวต้ม เงยหน้าขึ้นมองถังซื่อทันที “ท่านเป็นแม่แท้ ๆ ของข้าจริงหรือ? เหตุใดข้าต้องยอมรับในสิ่งที่ข้าไม่ได้ทำ? ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านดีเพียงนั้น ท่านก็ไปช่วยยอมรับแทนเขาเสียสิ!”
“อยากตายหรือ?” ถังซื่อเอื้อมมือไปบีบแขนของมู่ซือเจียว “เหตุใดต้องตะโกนเสียงดัง? กลัวว่าผู้อื่นจะได้ยินไม่ชัดใช่หรือไม่?”
“โธ่เอ๊ย พี่สะใภ้ ท่านก็อย่าทำให้เด็กตกใจเลย” เจี่ยงเสี่ยวถงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้ยังไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร ท่านอย่าได้ใจร้อนไปเลย!”
สีหน้าของถังซื่อเยือกเย็น นางเอ่ยด้วยท่าทีประชดประชัน “เรื่องนี้ไม่ได้ตกใส่หัวเจ้า แน่นอนว่าเจ้าไม่ร้อนใจอยู่แล้ว”
“พี่สะใภ้พูดอะไรน่ะ พวกเราเป็นคนครอบครัวเดียวกัน เรื่องของท่านก็คือเรื่องของข้า ต่อให้เขาทำจริง ๆ แล้วละก็ พวกเราก็สามารถหาข้อแก้ตัวบอกปัดได้ไม่ใช่หรือ?”
ถึงแม้ถังซื่อจะมองเจี่ยงเสี่ยวถงผู้นี้ไม่ออก แต่มักจะรู้สึกเสมอว่าหญิงชอบยั่วยวนผู้นี้ ภายหน้าไม่รู้ว่าจะสร้างความวุ่นวายให้ที่บ้านเพียงใด
นางนึกตามคำของเจี่ยงเสี่ยวถง
ใช่แล้ว! ในเมื่อไม่มีหลักฐาน เหตุใดจึงคิดว่าพวกเขาจงใจทำร้ายต้าจู้? หากจะโทษ ก็ทำได้เพียงโทษที่ต้าจู้โชคไม่ดีเท่านั้น พวกเขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก
…
ต้าจู้สงบลงแล้ว
ทันทีที่ทราบสาเหตุ เพียงแค่สั่งยาให้ถูกต้องก็หายดีแล้ว
“ข้าล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ เหตุใดมู่เจิ้งอี้จึงอยากทำร้ายต้าจู้ของพวกเรา?” เหยาซื่อเอ่ยขึ้น “ต้าจู้ของพวกเราเป็นคนซื่อสัตย์มาโดยตลอด อีกทั้งยังไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับมู่เจิ้งอี้”
“เรื่องที่กับดักบ้านพวกท่านมีเพียงพอนมาติด มีกี่คนที่รู้?” ลู่อี้ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถามขึ้นมา
“ตอนนั้นพวกเราตกใจ เสียงจึงดังไปหน่อย พอดีกับที่ถังซื่อ หญิงปากร้ายในหมู่บ้านผ่านมาพอดี นางถามข้าว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าก็บอกไป หมู่บ้านพวกเราเป็นเช่นนี้เสมอ เคยมีความลับที่ใดกัน คนหนึ่งรู้ เท่ากับคนทั้งหมู่บ้านรู้แล้ว”
“นั่นก็หมายความว่า ทุกคนรู้ว่าข้าเป็นคนวางกับดัก เพียงพอนนั้นตกลงมาในกับดักของข้า หากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เช่นนั้นก็เป็นข้าที่นำมา”
เหยาซื่อประหลาดใจ “ลู่อี้ เจ้ากล่าวเช่นนี้หมายความว่า มีคนทำให้ครอบครัวเราผิดใจกันหรือ?”
“เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น” ลู่อี้เอ่ยขึ้น “ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน”
“เจ้าฉลาดหลักแหลมถึงเพียงนี้ เจ้าว่าอย่างไรก็ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ เลวจริง ๆ จิตใจชั่วร้ายอะไรอย่างนี้!” เหยาซื่อตบอก “ยังดีที่ไม่เป็นไปตามความต้องการของเขา มิเช่นนั้นพวกเราคงโง่เกินทนแล้ว”
“ท่านหมอจู สามีของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” จางโม่หลานเอ่ยถามขึ้นมา
“วางใจเถอะ ไม่เป็นอะไรแล้ว” ท่านหมอจูเอ่ย “ช่วงนี้ก็ทานอาหารเบา ๆ ไปก่อน อย่าได้หักโหมเกินไปนัก แค่รอให้พิษในร่างกายของเขาระบายออกก็ดีขึ้นแล้ว”
ไม่กี่ชั่วยามต่อมา ลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านก็คุมตัวของมู่เจิ้งอี้กลับมาแล้ว
หัวหน้าหมู่บ้านนำผู้อาวุโสในหมู่บ้านหลายคนไปสอบสวนมู่เจิ้งอี้ ส่วนชาวบ้านเฝ้าดูอยู่ข้างนอก ฟังความเคลื่อนไหวจากด้านใน
“เจ้าไม่รู้หรือ?” หัวหน้าหมู่บ้านเย้ยหยัน “มู่เจิ้งอี้ เจ้านำของสิ่งนี้กลับมา จุดของสิ่งนี้เอง เจ้าไม่รู้หรือว่ามันมีไว้เพื่ออะไร?”
มู่เจิ้งอี้ตอบโดยไม่แม้แต่จะเปลี่ยนสีหน้า “หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าธูปนี้มีไว้ทำอะไร ข้านึกว่ามันมีไว้เพื่อขับไล่แมลง ข้าจึงจุดมัน บริเวณนั้นมีแมลงไม่น้อย พวกท่านก็รู้”
“ธูปนี้มาจากที่ใด?” หัวหน้าหมู่บ้านถามอีกครั้ง
“ผู้อื่นให้ข้ามา”
“ใครให้มา?”
“คนรู้ใจของข้า” มู่เจิ้งอี้เอ่ย “นางไม่อยากแยกจากข้า ก่อนที่นางจะไปจึงให้ธูปข้ามาเล็กน้อย บอกว่าใช้ขับไล่แมลงได้”
“พูดจาไร้สาระ” หัวหน้าหมู่บ้านตำหนิ “หอมอมตะขับไล่แมลงได้ด้วยหรือ?”
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านรู้เรื่องหอมอมตะด้วยหรือ?” มู่เจิ้งอี้ยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม
“ข้า…”
แม่เฒ่าเจียงที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น “หัวหน้าหมู่บ้าน ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิด เช่นนั้นก็แล้วไปเถิด!”
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าต้าจู้เกือบเป็นบ้าไปแล้ว?” หัวหน้าหมู่บ้านโมโหกับครอบครัวนี้เหลือเกิน “แค่กล่าวออกมาง่าย ๆ ไม่กี่ประโยคก็จะให้แล้วไปงั้นรึ?”
“เช่นนั้นต้องการอะไร?” แม่เฒ่าเจียงแสดงท่าทีอำนาจบาตรใหญ่ “ข้าจะชดใช้ให้เขา 1 ตำลึงเงิน เอาไปรักษาร่างกายของเขา เช่นนี้คงได้กระมัง?”
“1 ตำลึงเงินจะไปพอได้อย่างไรกัน?” เหยาซื่อที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “5 ตำลึง!”
“นี่เจ้าคิดจะปล้นกันหรือ!” แม่เฒ่าเจียงตบโต๊ะหิน
“พวกเจ้าทำร้ายลูกชายของข้า ไม่ควรมีคำอธิบายหน่อยหรือ?”
“บอกแล้วว่าไม่ได้ตั้งใจ ใครใช้ให้ต้าจู้ของพวกเจ้าเคราะห์ร้ายเองเล่า?”
“หัวหน้าหมู่บ้าน” ลู่อี้ที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ท่านสามารถตรวจสอบที่มาของธูปนี้ก่อนได้ เท่าที่ข้ารู้ ธูปนี้ใช่ว่าจะมีขายทุกร้าน จะต้องผ่านช่องทางพิเศษมาเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น หากจะซื้อธูปประเภทนี้ ต้องลงชื่อไว้ กล่าวคือผู้ใดเป็นคนซื้อธูปนี้ไป เพียงแค่สอบถามกับเจ้าของร้านก็จะรู้แล้ว”
” 5 ตำลึงก็ 5 ตำลึง” แม่เฒ่าเจียงกล่าว “ข้าจะจ่ายให้ 5 ตำลึง เรื่องนี้ก็ให้แล้วกันไปเถอะ”
เหยาซื่อมองต้าจู้ “ต้าจู้ เจ้าว่าอย่างไร?”
“ท่านแม่ว่าเช่นไรก็ทำเช่นนั้นเถอะ” ต้าจู้ตอบ
“ได้ เช่นนั้นก็ 5 ตำลึง” เหยาซื่อแบมือไปทางแม่เฒ่าเจียง
แม่เฒ่าเจียงรู้สึกหวาดกลัวลู่อี้โดยสัญชาตญาณ เมื่อเห็นว่าเงิน 5 ตำลึงเงินสามารถแก้ปัญหาได้ นางก็รีบเข้าไปข้างใน หยิบเงินมาให้เหยาซื่อทันที
“ท่านป้าเจียงร่ำรวยเพียงนี้เชียวหรือ? แต่ก่อนตระหนี่ถี่เหนียวเพียงนั้น ตอนนี้กลับนำ 5 ตำลึงเงินออกมาให้ตาไม่กะพริบ”
“มู่ตงหยวนเคยอยู่กับนายน้อยหวังนานถึงเพียงนั้น มู่ซือเจียวก็กลายเป็นอนุของนายน้อยหวังอีก หากนางเก็บหอมรอมริบไว้ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายได้เชียวล่ะ มีเงินก็เป็นเรื่องธรรมดา”
คนในหมู่บ้านถกเถียงกันเรื่องครอบครัวของแม่เฒ่าเจียง
ละครตลกไม่มีให้ดูอีกแล้ว พวกเขาจึงแยกย้ายกันไป
ทันทีที่คนเหล่านั้นไปแล้ว แม่เฒ่าเจียงก็ปิดประตูทันที
มู่ซืออวี่ถามลู่อี้ว่า “ท่านให้ป้าเหยาขอเงิน 5 ตำลึงหรือ?”
“ถึงแม้เรื่องนี้จะไปถึงศาลาว่าการ มู่เจิ้งอี้ก็ไม่ได้รับโทษร้ายแรงถึงเพียงนั้น อย่างมากคงถูกโบยเพียงสิบกว่าไม้เป็นตัวอย่างให้ผู้อื่นดู นายอำเภอคนปัจจุบันที่ไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ หากให้หัวหน้าหมู่บ้านจัดการเรื่องนี้ อย่างมากมู่เจิ้งอี้ก็คงได้แค่คุกเข่าอยู่หน้าโถงบรรพบุรุษ” ลู่อี้กล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น มู่เจิ้งอี้ผู้นี้อีกไม่นานคงก่อเรื่องร้ายแรง เหตุใดต้องมัวรำคาญใจกับเขา?”
“เรื่องนี้ข้าเชื่อ ข้าว่าบ้านพวกเขาคงไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขแม้เพียงวันเดียว” มู่ซืออวี่กล่าว “ครั้งนี้ก็แล้วไปเถิด หากมีครั้งหน้า ซัดเขาก่อนค่อยว่ากันทีหลัง”