สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 348 เชื้อเสริมฤทธิ์ยาของจงอ๋อง

บทที่ 348 เชื้อเสริมฤทธิ์ยาของจงอ๋อง

บทที่ 348 เชื้อเสริมฤทธิ์ยาของจงอ๋อง

ณ เรือนหลังใหม่ของจงอ๋อง มู่ซืออวี่นำภาพแบบมาเปรียบเทียบกับผลงานของนายช่างผิง

“ตรงนี้…” มู่ซืออวี่พูด “กำแพงนี้สร้างให้สูงขึ้นได้อีกหน่อย สูงประมาณหนึ่งช่วงแขน”

“ตกลง” นายช่างผิงพูดอย่างใจเย็น “ท่านสามารถดูได้ว่ามีอะไรที่ต้องแก้ไขอีกหรือไม่ ตอนนี้ความคืบหน้าของเรือนอีกแห่งใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะต้องไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นอีก ไม่เช่นนั้นผู้ใดก็ชดใช้ไม่ได้”

“ในแง่ของการสร้างอาคารเรือน เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ข้ารับผิดชอบการตกแต่งภายในของเรือนเป็นหลัก” มู่ซืออวี่กล่าว “นายช่างผิง เจ้ายังโกรธอยู่หรือไม่?”

“จะกล้าได้อย่างไรขอรับ เถ้าแก่เนี้ยมู่เป็นผู้มีชื่อเสียงข้างกายจงอ๋อง ข้าน้อยเป็นเพียงช่างก่อสร้างตัวเล็ก ๆ มิบังอาจโกรธเถ้าแก่เนี้ยมู่หรอกขอรับ”

“ไม่ว่าเจ้าจะไม่พอใจข้ามากเพียงใด อย่างน้อยเราก็มีเป้าหมายร่วมกัน นั่นคือต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดี เราควรเรียนรู้ที่จะยับยั้งอารมณ์ของตัวเอง ไม่ให้ปะปนกับเรื่องงาน” มู่ซืออวี่กล่าว

“ถูกต้อง” นายช่างผิงขมวดคิ้ว “มีอีกเรื่องหนึ่งที่พวกเราต้องการขอความช่วยเหลือจากท่าน”

นายช่างผิงต้องการขอให้มู่ซืออวี่ช่วยทวงค่าจ้างของทุกคนให้ เขาทำงานที่นี่มานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ค่าจ้างเลยแม้แต่ตำลึงเดียว

มู่ซืออวี่ไม่เห็นด้วย

ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ของตัวเอง หากนางยอมตกลงก็เหมือนหาเรื่องใส่ตัวเอง ซึ่งโง่เขลายิ่งนัก

คนเหล่านี้หวาดกลัวจงอ๋อง แล้วนางไม่กลัวหรือ? นางไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับจงอ๋องหรือมีค่าในสายตาจงอ๋องตามข่าวลือแต่อย่างใด

นายช่างผิงไม่แปลกใจเมื่อเห็นว่านางไม่เห็นด้วย

เขาแค่ขอร้องไว้ก่อน ไม่แปลกใจที่นางไม่เห็นด้วย เพราะนางไม่ได้มีภาระหน้าที่ที่จะต้องยืนหยัดเพื่อพวกเขา

“อาจารย์ นางว่าอย่างไรบ้าง?” พวกนายช่างเข้ามารวมตัวกันถาม

นายช่างผิงส่ายหน้า

ทุกคนรู้สึกผิดหวัง

“นางเป็นที่โปรดปรานมาก เพียงแค่ประโยคเดียว เหตุใดนางถึงช่วยพูดให้ไม่ได้?”

“เจ้าลิงทะโมนนี่ พวกเราไม่ใช่คนของนาง หากนางไม่ช่วย มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ เอาเถอะ ข้าจะคิดหาทางอื่น”

เมื่อมู่ซืออวี่กลับมาที่ร้าน ทันทีที่นางเข้าไปในสวนหลังบ้าน กลิ่นคาวเลือดรุนแรงก็โชยมากระทบจมูก

“นี่มันกลิ่นอะไรเนี่ย?” จื่อซูสูดกลิ่น “น่าจะมาจากห้องที่ฮูหยินพักอยู่นะเจ้าคะ”

“จื่อเยวี่ยน รีบไปเรียกพี่เซี่ยมาเร็วเข้า” มู่ซืออวี่พูดเสียงเบา

ขณะที่นางกำลังจะเข้าไปถึงห้อง เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากข้างใน “มานี่เร็ว…”

จื่อซูได้ยินก็จำได้ นางจึงพูดว่า “เสียงคุณชายเหวินนี่”

มู่ซืออวี่ผลักประตูเข้าไป เห็นคนผู้หนึ่งกำลังทับร่างของเหวินอี้ไว้ เขากัดไหล่ของเหวินอี้ กลิ่นคาวเลือดโชยคลุ้งไปทั้งห้อง

หยาดเลือดมากมายเปื้อนเสื้อของเหวินอี้ ชายคนนั้นยังคงกัดเหวินอี้ต่อไป จากนั้นก็มีเสียงกลืนน้ำลายเป็นจังหวะ

มันคือการดูดเลือด

“จื่อซู ทุบเขาเลย” มู่ซืออวี่กล่าว

จื่อซูรีบหยิบบางอย่างขึ้นมาทุบคนที่กำลังกัดเหวินอี้ไว้จนหมดสติไป

เมื่อชายคนนั้นล้มลง ทุกคนก็เห็นหน้าตาของเขาชัดเจน

จงอ๋อง!

“ฮู… ฮูหยิน” จื่อซูกำลังจะร้องไห้ “ข้าชะตาขาดเสียแล้วใช่หรือไม่?”

“ไม่หรอก ข้าบอกให้เจ้าทุบเขาเอง หากเขาต้องการโทษใครสักคน เขาก็ต้องโทษข้า” มู่ซืออวี่พูด “แต่เหตุใดเขาถึงได้ดูดเลือด?”

“คุณชายเหวิน เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ควรทำอย่างไรดี ควรจัดการกับคนผู้นี้อย่างไรดี” จื่อซูเข้าไปประคองจงอ๋อง

เหวินอี้เกาะข้างเตียง ใบหน้าของเขาซีดเผือด ราวกับว่ากำลังจะล้มลงในชั่วพริบตา

“วางเขาไว้บนเตียงก่อน” เหวินอี้บอก “ขอโทษฮูหยินด้วยขอรับ ข้าไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้มากเกินไป เขามากะทันหัน จึงตัดสินใจเลือกที่จะอยู่ในห้องของฮูหยิน…”

มู่ซืออวี่ “…”

แล้วพวกเขามาทำอะไรในห้องของนาง?

เหตุใดคำพูดเช่นนี้ถึงทำให้คนฟังคิดไปไกลได้ถึงเพียงนี้?

“เจ้าสองคนมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?” มู่ซืออวี่ถาม “ข้าทำให้จงอ๋องขุ่นเคือง เจ้าต้องบอกข้ามาว่าอะไรทำให้เขาขุ่นเคือง ใช่หรือไม่?”

เซี่ยคุนรีบตามจื่อเยวี่ยนมา

เมื่อเห็นสถานการณ์ในห้อง เซี่ยคุนก็ขมวดคิ้ว “แล้วผู้ติดตามของจงอ๋องอยู่ที่ใด?”

“วันนี้เขาไม่ได้พาผู้ติดตามมาด้วย” เหวินอี้พูดพร้อมไออย่างรุนแรง

“ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี?” มู่ซืออวี่ถาม “จงอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?”

“อาการของเขากำเริบ เขาจะสบายดีเมื่อตื่นขึ้น” เหวินอี้กล่าว

“เขาสบายดี แต่ดูเหมือนเจ้าจะไม่ค่อยสบาย” เซี่ยคุนพูดเบา ๆ “มีข่าวลือว่าจงอ๋องมีอาการคลุ้มคลั่ง จริงหรือไม่?”

เหวินอี้ไอ ไม่ได้ตอบคำถามของเซี่ยคุน

มู่ซืออวี่กล่าวว่า “ทันทีที่ข้ากลับมาก็ได้กลิ่นเลือด ข้าคิดว่าอาจมีเรื่องอันตรายเกิดขึ้น ข้าจึงบอกให้จื่อเยวี่ยนไปเรียกท่านมา เมื่อข้าได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ข้ากับจื่อซูจึงรีบเข้าไปตรวจสอบ และเห็นจงอ๋องกำลังดูดเลือดเขาอยู่”

“ดูดเลือดหรือ?” เซี่ยคุนหันไปมองเหวินอี้ “เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”

เหวินอี้หอบหายใจ “ข้าไม่บอกได้หรือไม่?”

“เลือดเขาเสริมฤทธิ์ยาให้ข้า” ไม่รู้ว่าจงอ๋องฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด และไม่รู้ว่าเขาได้ยินไปมากเพียงใด เขาลุกขึ้นนั่งช้า ๆ แล้วมองคนในห้องด้วยสายตาคร่ำเคร่ง

“พวกเจ้ากล้ามากที่ยังไม่รีบหนีไปไหน” จงอ๋องเย้ยหยัน “พวกเจ้ารู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ คิดว่าจะได้มีชีวิตอยู่อีกหรือ?”

“เจ้านายของข้าบอกว่าท่านอ๋องดูดเลือดคน ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด ท่านอ๋องดูดเลือดของเหวินอี้เพราะเขามีพิษทุกชนิดในร่างกาย จึงต้องใช้เขาเป็นเชื้อเสริมฤทธิ์ยาของท่าน กล่าวคือเขาเป็นเชื้อเสริมฤทธิ์ยาของท่านมาตั้งแต่ยังเด็ก สุขภาพของเขาจึงแย่มาก ใช่หรือไม่?” เซี่ยคุนเอ่ยขึ้น

“เจ้ารู้อะไรอีกบ้าง?” จงอ๋องมองเซี่ยคุนด้วยสายตาเหมือนกำลังมองคนตาย

“ข้ารู้ด้วยว่าด้วยสุขภาพของเขา หากเขาถูกท่านดูดเลือดอีกครั้ง เขาก็คงจะอยู่ได้ไม่นาน หากเขาอยู่ไม่ได้ ท่านก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน หากท่านต้องการหลุดพ้นจากอาการนี้ ก็ต้องหาคนใหม่มารักษาอาการป่วยของท่าน”

“เจ้าคิดว่าข้าไม่ต้องการหายหรือ? คิดว่าข้าเต็มใจเป็นปีศาจดูดเลือดเช่นนี้หรือ?” นัยน์ตาของจงอ๋องแดงก่ำ “ข้าส่งคนไปตามหาคนมารักษาเขาแล้ว แต่…”

“แสดงว่าคนของท่านอ๋องไม่มีฝีมือมากพอ” เซี่ยคุนพูด “ข้าหาคนผู้นั้นพบแล้ว”

จงอ๋องและเหวินอี้มองเซี่ยคุน

เซี่ยคุนพูดเสียงเบา “เราจะไม่แพร่งพรายสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้นท่านอ๋อง…”

“หากเจ้าสามารถหาคนที่รักษาข้ากับเหวินอี้ได้ ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ตำหนิเจ้า แต่ข้ายังจะให้สัญญากับเจ้าด้วย” จงอ๋องกล่าว “แต่หากเจ้าไม่สามารถ…”

“ในเมื่อข้ากล้าพูด ก็แสดงว่าข้ามั่นใจ ไม่เช่นนั้นข้าจะให้ความหวังและทำให้ท่านผิดหวังไปเพื่ออะไร?” เซี่ยคุนกล่าว “ข้าจะคุยกับท่านอ๋องเรื่องรายละเอียดนี้ทีหลัง ตอนนี้ข้าจะพาท่านกลับไปที่จวนก่อน”

จงอ๋องมองเหวินอี้ “เจ้ายังต้องการอยู่ที่นี่หรือ?”

เหวินอี้พึมพำ “ท่านรู้หรือไม่ ข้าไม่เคยกลัวความตาย แต่ข้าอยากเห็นโลกภายนอก”

จงอ๋องมองบาดแผลของเหวินอี้ “ครั้งหน้าก็ทำให้ข้าหมดสติไปเถิด”

หลังจากที่จงอ๋องจากไป มู่ซืออวี่ก็มองเหวินอี้

เหวินอี้เม้มปากอันซีดเผือด “ข้า…”

“เจ้าบาดเจ็บมาก ช่วงนี้เจ้าคงทำงานไม่ได้ ห้องนี้เจ้าใช้ไปแล้ว ข้าคงอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ข้าจะปล่อยให้เจ้าพักที่นี่ชั่วคราว” มู่ซืออวี่กล่าว

“ฮูหยินจะไม่ถามอะไรข้าหน่อยหรือ?”

“อันที่จริง…” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าไม่ได้อยากรู้อยากเห็นถึงเพียงนั้น แต่หากเจ้ายืนยันที่จะบอกข้า ข้าก็สามารถฟังได้”

จื่อซูและจื่อเยวี่ยน “…”

พวกนางเกือบจะเชื่อที่มู่ซืออวี่พูดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าคุณชายเหวินจะเชื่อหรือไม่

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset