ตอนที่ 642 สายเกินกว่าจะเสียใจ หมอเทวดาหัตถ์เทวะที่อายุน้อยที่สุด
ถ้ารู้ว่าจะบีบให้หมอเทวดาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังโรงพยาบาลเซ่าเหรินออกมาได้ง่ายขนาดนี้ เธอคงลงมือนานแล้ว
จำเป็นต้องรอถึงตอนนี้ด้วยเหรอ
ขนาดหมอเทวดาตอนนี้ยังต้องมาขอโทษเธอถึงที่เลยไม่ใช่เหรอ
ซังอวี่เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว ปรับให้เป็นสีหน้าเย็นชา
เธอเสยผมไปไว้หลังหูแล้วเงยหน้าขึ้น
พอเงยหน้า คำพูดที่เตรียมไว้ก็จุกอยู่ในลำคอทั้งหมด
ชั่วขณะที่เห็นใบหน้าของอิ๋งจื่อจินชัดเจน ซังอวี่ก็ออกอาการตะลึง
เธอรีบหลีกทาง ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบ ดูไม่มีความผิดปกติอะไร “ประ ประธานอิ๋ง? มาได้ยังไงคะ ชะ เชิญเข้าบ้านค่ะ”
พ่อกับแม่ของซังอวี่ก็แปลกใจท่าทีที่เปลี่ยนไปของลูกสาว ต่างก็มองตามไป
หญิงสาวมีใบหน้าที่งดงามชวนตะลึง ดวงตาหงส์เย็นชาเล็กน้อย
ด้านหลังเธอมีคนตามมาด้วยสองคน ดูเหมือนจะเป็นผู้ช่วยของเธอ
อิ๋งจื่อจินแต่งตัวเรียบง่าย ไม่มีการแต่งแต้มใดๆ บนใบหน้า หน้าสดร้อยเปอร์เซ็นต์
ส่วนซังอวี่ เนื่องจากเพิ่งกลับจากฝึกที่บริษัท ยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอางออก เปลือกตายังคงทาอายแชร์โดวสีแดง
เกิดเป็นความแตกต่างที่เห็นได้ชัด
แต่ครั้งนี้กลับเป็นซังอวี่ที่แต่งหน้าจัดถูกกลบรัศมีไปอย่างสิ้นเชิง
ในเมื่อซังอวี่ถึงขั้นเคยผ่านสัมภาษณ์ของบริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สมาแล้ว หน้าตาเธอก็ไม่ได้แย่ เป็นใบหน้าแบบที่ขึ้นกล้องภาพยนตร์
พ่อแม่ของซังอวี่ไม่พอใจเท่าไร
ใครจะอยากเห็นลูกตัวเองดูด้อยกว่า
พ่อซังพูดขึ้น “อวี่เอ๋อร์ ใครเหรอ”
“พ่อไม่ได้อ่านข่าวเลยเหรอคะ” ซังอวี่จงใจแกล้งยิ้มตำหนิ “นี่บอสของหนูค่ะ ซีอีโอของชูกวงมีเดีย คุณอิ๋งจื่อจิน”
พ่อซังสีหน้าเคร่งขรึม ยืนขึ้นทันที “ที่แท้คุณก็คือคุณอิ๋ง ขออภัยที่เสียมารยาทครับ คุณดูเด็กกว่าที่ผมคิดอีกนะครับ”
พ่อกับแม่ของซังอวี่อยู่เมืองนอกมาตลอด ไม่ค่อยสนใจเรื่องภายในประเทศจีน
ส่วนแม่ซังพอเห็นอิ๋งจื่อจินถึงได้เชื่อคำพูดของลูกสาวอย่างสนิทใจ
อิ๋งจื่อจินทั้งสวยทั้งอายุน้อย แถมยังได้เป็นถึงซีอีโอในวงการบันเทิง ถ้าบอกว่าไม่มีนายทุนหนุนหลังใครจะเชื่อ
คราวนี้แม่ซังเห็นด้วยเต็มที่ที่ซังอวี่เข้าชูกวงมีเดีย
หากเทียบการเจิดจรัสในวงการบันเทิง การปีนขึ้นได้สูงกว่านั้นต่างหากที่สำคัญที่สุด
มีบริษัทนับพันนับหมื่นที่ก่อร่างสร้างตัวในต่างประเทศ ตระกูลซังก็เป็นหนึ่งในนั้น
ซังอวี่เข้าไปยกชาร้อนกับผลไม้ในห้องครัวมาด้วยตัวเองแล้ววางลงตรงหน้าอิ๋งจื่อจินอย่างนอบน้อม “ประธานอิ๋งคะ ไม่รู้ว่าคุณจะมาเลยไม่ได้เตรียมอะไรเป็นพิเศษ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเหรอคะ”
เวลานี้ซังอวี่ลืมเรื่องหมอเทวดาไว้ข้างหลังหมดแล้ว
หมอเทวดาที่ต้องขอโทษเธอจะสำคัญกว่าบอสได้ยังไง
แววตาของอิ๋งจื่อจินเรียบเฉย พยักหน้าเล็กน้อย “เอาของมาให้”
“ประธานอิ๋งเอาของมาให้เหรอคะ” ซังอวี่อึ้ง แอบดีใจสุดๆ “ประธานอิ๋งเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ ถ้ามีของอะไรฉันไปเอาเองก็ได้ค่ะ จะกล้ารบกวนให้ประธานอิ๋งเอามาให้ด้วยตัวเองได้ยังไง”
อิ๋งจื่อจินไม่ตอบอะไร เอาเอกสารฉบับหนึ่งวางบนโต๊ะรับแขก
ซังอวี่หยิบเอกสารขึ้นมาดูชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว จากนั้นรอยยิ้มก็ค้างเติ่ง
บนเอกสารเขียนไว้อย่างชัดเจน
จดหมายทนาย…
ด้านล่างมีลายเซ็นและตราประทับของโรงพยาบาลเซ่าเหริน
ซังอวี่ปรับอารมณ์ไม่ถูกไปชั่วขณะ เธอเงยหน้าอย่างอึ้งๆ อ้าปากค้าง “ประ ประธานอิ๋ง?”
ทำไมอิ๋งจื่อจินถึงเป็นคนเอาจดหมายทนายของโรงพยาบาลเซ่าเหรินมาให้เธอ!
เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับชูกวงมีเดียหรือไง
พ่อซังมีประสบการณ์ชีวิตเยอะกว่า ตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทันที เริ่มเข้าเน็ตอ่านข่าวในประเทศจีน
ไลฟ์สดผ่านไปแล้วแปดชั่วโมง ความนิยมในเวยปั๋วที่เกี่ยวข้องกับหมอเทวดามีแต่จะเพิ่มขึ้น ไม่มีลดลง
#หมอเทวดาหัตถ์เทวะที่อายุน้อยที่สุด#
#อิ๋งจื่อจินเป็นหมอเทวดา#
เรื่องนี้ถ้าเกิดขึ้นกับคนอื่น ต่อให้เป็นไลฟ์สดก็ยังจะถูกสงสัยว่าสร้างขึ้นมาตบตา
แต่พอเป็นอิ๋งจื่อจินย่อมไม่มีใครตั้งข้อสงสัย
พ่อซังมีสีหน้าตะลึง รู้สึกเหลือเชื่อ “อวี่เอ๋อร์ ลูกไม่รู้เหรอว่าบอสของลูกก็คือหมอเทวดา!”
คำพูดนี้ของพ่อซังได้ทำลายจินตนาการอื่นๆ ของซังอวี่อย่างสิ้นเชิง
เบื้องหน้าของซังอวี่มืดเป็นระลอก แทบจะยืนไม่อยู่ “บะ บอสเหรอคะ”
“คุณกุข่าวลือเมื่อวันที่หกพฤษภาคม วันนี้เป็นวันที่สิบพฤษภาคม” สายตาของอิ๋งจื่อจินไม่ขยับ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ผิวแพ้จนเป็นแบบนั้น แถมยังหายได้เร็วขนาดนี้ ไม่ทราบว่าไปหาหมอเทวดาที่ไหนมา”
เธอเห็นรูปผิวที่เกิดอาการแพ้ที่ซังอวี่โพสต์แล้ว
หนักหนาถึงขั้นผิวเหวอะ
หากรักษาด้วยยาสองสามวันก็พอจะทำให้หายอักเสบได้ แต่ผิวกลับมาหายสนิทย่อมเป็นไปไม่ได้
เรื่องบางอย่างไม่ต้องใช้หลักฐานอย่างอื่น แค่เห็นด้วยตาก็เพียงพอแล้ว
พนักงานที่อยู่ด้านหลังหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาเริ่มถ่ายซังอวี่
“ดูท่าจะไม่มีแล้ว” อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น “ฉันพอจะเดาสาเหตุที่คุณกุข่าวลือได้”
ขณะพูดเธอก็หันไปมองแม่ของซังอวี่แล้วพูดขึ้น “แน่นหน้าอกต่อเนื่องมาห้าปี มีเจ็บบ้างเป็นระลอก ครั้งที่นานสุดคือห้าชั่วโมง”
“มักจะทำให้หายใจลำบาก ไปตรวจที่โรงพยาบาลมาหลายครั้งก็ไม่พบอะไรอุดตัน กินยาแผนตะวันตกกับแผนจีนไปหลายครั้ง แต่ก็ทำได้แค่กดอาการไว้ ไม่หายขาด”
“อาการกำเริบครั้งล่าสุดตอนเย็นวันที่เก้าพฤษภาคม ปวดต่อเนื่องสามชั่วโมง”
“…”
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องรับแขกอยู่นาน
แม่ซังตะลึงพูดไม่ออก
ถูกต้องทุกอย่าง!
แม้แต่เวลาก็ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวานเธอก็ไม่ได้ไปหาหมอ
แค่มองเธอก็ดูออกหลายเรื่อง
ไม่ใช่หมอเทวดาแล้วจะเป็นอะไร
“หมอเทวดา!” พ่อซังตื่นเต้น “คุณหมอเทวดา คุณพูดอาการป่วยของภรรยาผมถูกต้องทุกอย่าง คุณจะต้องมีหนทางช่วยภรรยาผมแน่”
“วางใจได้ค่ะ ไม่ถึงตาย อย่างมากสุดก็แค่ทรมานหน่อย” อิ๋งจื่อจินลุกขึ้นมองด้วยสายตาเย็นชา “ได้ยินว่าพวกคุณไม่ต้องการหมอของโรงพยาบาลเซ่าเหริน ฉันดีใจมาก”
แม่ซังยังไม่ทันได้ดีใจ คำพูดนี้ดุจน้ำเย็นที่สาดรดหัวของเธอ
ชั่วขณะนั้นเย็นยะเยือกไปทั้งตัว
อะไรคืออย่างมากสุดก็แค่ทรมาน
ตอนที่เจ็บปวดที่สุดไม่สู้ตายไปดีกว่า
แม่ซังอยากรักษาโรคนี้ให้หายขาด
ซังอวี่ตกใจลนลานยิ่งกว่า รู้สึกคอแห้งผาด “ประธานอิ๋ง ฟังฉันอธิบายก่อนนะคะ ฉัน…”
ทำไมอิ๋งจื่อจินถึงเป็นหมอเทวดาที่พวกเขาตามหาตัวล่ะ!
เธอทำอะไรลงไป
“เดิมทีก็แค่เอาของมาให้คุณ นี่คือฉบับที่สอง” อิ๋งจื่อจินหยิบเอกสารจากมือพนักงานที่อยู่ด้านหลังมาวางบนโต๊ะ “คุณทำผิดสัญญาบริษัทแต่เพียงฝ่ายเดียว ถูกไล่ออกแล้ว กรุณาชำระเงินค่าปรับให้หมดภายในสามวันทำการ”
ซังอวี่ตัวสั่น ลนลานอย่างสิ้นเชิง “ประธานอิ๋ง ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นนะคะ จริงๆ นะคะ ฟังฉันอธิบายก่อน!”
อิ๋งจื่อจินไม่อยู่ต่อ ออกจากบ้านตระกูลซัง
ครอบครัวซังทั้งสามคนยังคงอึ้งอยู่
ระหว่างทางอิ๋งจื่อจินเอาพวกหลักฐาน เช่น รูปถ่าย เป็นต้น ส่งให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเซ่าเหริน
หลังจากผู้อำนวยการได้รับก็รีบโพสต์ลงบนเวยปั๋ว
แอทโรงพยาบาลเซ่าเหริน : [คุณอิ๋งไปเยี่ยมคุณซังด้วยตัวเอง พบว่าใบหน้าของคุณซังปกติสมบูรณ์ดี จากการตรวจดู สุขภาพของคุณซังไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา คุณ แอทซังอวี่ ยังอยากพูดอะไรอีกไหมครับ]
หลักฐานมัดตัวแน่น คราวนี้ไม่มีใครกล้าเข้าข้างซังอวี่อีกแล้ว
[อยู่ๆ ก็ค้นพบว่าคุณซังคนนี้สุดยอดไปเลยนะ เป็นดาราในสังกัดชูกวงมีเดีย แต่กลับกุข่าวลือเล่นไปถึงบอสตัวเอง ฉันล่ะนับถือใจจริงๆ]
[ซังอวี่เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก เห็นในเวยปั๋วเหมือนหมาขี้ประจบเทพอิ๋ง ลับหลังเป็นคนงี้เหรอ]
[ชัดเจนมาก คุณซังไม่รู้ว่าเทพอิ๋งเป็นหมอเทวดาของโรงพยาบาลเซ่าเหริน ถึงได้กล้ากล่าวหาทางโรงพยาบาลว่าขายของปลอม ฮ่าๆๆ ขำเป็นบ้า ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าตอนนี้คุณซังนึกเสียใจจนมีสภาพไหนแล้ว หน้าเขียวแล้วหรือยัง]
[เทพอิ๋งบอก อยากบ๊ายบายก็เชิญ คนต่อไปคงทำตัวดีกว่านี้]
ซังอวี่รู้สึกเสียใจจริงๆ
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือด้วยมือที่สั่นมาอ่านข่าว อ่านจนเหงื่อท่วม
เธอไม่รู้จริงๆ ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นหมอเทวดาของโรงพยาบาลเซ่าเหริน
มีหมอเทวดาอายุน้อยเท่านี้ที่ไหนกัน!
ซังอวี่ส่งเสียงกรีดร้องอย่างที่ควบคุมไม่ได้ เอามือกุมหัว
อิ๋งจื่อจินจะเป็นเทพหรือเปล่าเธอไม่รู้ เธอรู้แค่ว่าเธอทำเรื่องที่ไม่อาจหวนกลับได้อีกแล้ว
…
ในเวลาเดียวกัน
สำนักงานใหญ่ของเหยียนหรูอวี้ที่เมืองตี้ตู
ประธานตู้โกรธหน้าเขียว เส้นเลือดปูดบนหน้าผาก “วันๆ พวกคุณกินข้าวหรือกินอะไร แค่นี้ก็ปล่อยให้สืบเจอเหรอ!”
ไม่เพียงแต่โรงพยาบาลเซ่าเหรินจะโพสต์หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับซังอวี่ ยังได้แปะหลักฐานการว่าจ้างระหว่างเหยียนหรูอวี้กับอีกสามสิบกว่าคนที่อ้างว่าผลิตภัณฑ์ของฮวาเสี่ยงหรงมีปัญหาลงในเน็ตอีกด้วย
ข่าวแพร่ไปเร็วมาก หุ้นของเหยียนหรูอวี้เริ่มดิ่งเป็นน้ำตก
ภายในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงลงไปแล้วห้าจุด
ประธานตู้เกือบเป็นลม
นี่เป็นวิธีการที่พบได้บ่อยในวงการธุรกิจ แต่กลับเป็นวิธีที่มีประโยชน์ที่สุดในการเล่นงานศัตรู
ใครมันจะบ้าไปตรวจสอบบัญชีการเงินของคนสามสิบกว่าคน
“ประธานตู้คะ พวกเราทำอย่างรัดกุมมากแล้วนะคะ” พวกผู้จัดการต่างลำบากใจ “กระจายออกไปหลายบัญชีแถมยังมีโอนหลอกไปที่อื่นก่อนด้วย หากว่ากันตามเหตุผลแล้วไม่ควรจะสืบเจอ”
เลขาพูด “ประธานตู้คะ คุณอิ๋งคนนี้เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยตี้ตู ได้ยินว่าเธอก็เก่งคอมพิวเตอร์ด้วยค่ะ”
ประธานตู้ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ กัดฟันกรอด เส้นเลือดปุดๆ “ไม่ว่ายังไงพวกเราก็เป็นแบรนด์เก่าแก่ห้าสิบปีแล้ว ทำไมถึงตกต่ำเร็วขนาดนี้”
สินค้าจะขายดีหรือไม่ก็ดูกันที่การบอกต่อของคนทั่วไป เหยียนหรูอวี้ก็มีให้ดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่อย่างมากยอดซื้อจากแฟนคลับก็แค่หนึ่งในสิบ
เลขาเม้มริมฝีปาก พูดด้วยความลังเล “ประธานตู้คะ เกรงว่าคุณอิ๋งคนนี้จะครองใจคนได้มากกว่าที่เราคิดไว้นะคะ อีก อีกทั้งยังมีท่านผู้เฒ่ามู่…”
เหยียนหรูอวี้ฟันธงว่าไม่มีหมอเทวดาที่ยกยอปอปั้นกันหรอก ถึงได้ร่วมผสมโรงตีคลื่นใต้น้ำ
คราวนี้กลับพาตัวเองซวยไปด้วย
ประธานตู้นึกเสียใจเหลือเกิน
แต่ตอนนี้มันก็สายไปแล้ว
…
อีกด้านหนึ่ง
เมืองแห่งโลก
พ่อบ้านรับคำสั่งมาจากจูซา เอาของแทนตัวจูซายื่นให้ทางสำนักผู้วิเศษ
แต่ทุกวันมีคนเข้ามาขอพบจำนวนไม่น้อย วันนี้เพิ่งจะถึงคิวของเขา
ในฐานะที่เป็นที่นับหน้าถือตาของชาวเมืองแห่งโลกทุกคน แต่ไหนแต่ไรมาผู้วิเศษยี่สิบสองคนไม่มีทางเปิดเผยหน้าต่อหน้าสาธารณชน
ผู้วิเศษส่วนใหญ่ไม่เคยออกมาเลยร้อยกว่าปี ผู้วิเศษที่พอมีความเคลื่อนไหวบ้างมีแค่สองคน
คนหนึ่งคือผู้วิเศษลำดับที่สี่ จักรพรรดินี
อีกคนเป็นผู้วิเศษลำดับที่หก สังฆราช
พวกไพ่ทาโรต์ที่ขายตามท้องตลาดตอนนี้ ลำดับของไพ่สำรับใหญ่ยี่สิบสองใบเหมือนกับลำดับของผู้วิเศษ
แต่ลำดับก่อนหลังไม่ได้แสดงถึงความแข็งแกร่ง
พ่อบ้านรออยู่นอกสำนักผู้วิเศษด้วยความอดทน
“นี่คือป้ายคำสั่งของท่านจักรพรรดินี” อัศวินสาวคนหนึ่งเดินออกมาเอาป้ายคำสั่งวางบนมือพ่อบ้าน “เอาป้ายคำสั่งนี้ไป สามารถพานักรบของเมืองแห่งโลกไปบนโลกได้ห้าสิบนาย แต่ห้ามเกิดการบาดเจ็บในวงกว้างเป็นอันขาด”
“มิฉะนั้นจะถูกประหาร”
ในมุมมองด้านฟิสิกส์ ถึงแม้เมืองแห่งโลกกับเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรจะอยู่กันคนละมิติ แต่ก็อยู่บนโลกนี้เหมือนกัน
อยู่บนดาวดวงเดียวกัน
ก็แค่เมืองแห่งโลกกับเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรแยกจากกันมานาน คนของเมืองแห่งโลกก็เลยเรียกอีกแห่งว่าบนโลกมาตลอด
อัศวินสาวพูดต่อ “นี่คืออัศวินของสำนักผู้วิเศษ รับหน้าที่จับตาดู”
“น้อมรับคำสั่งของท่านจักรพรรดินี” พ่อบ้านคำนับเสร็จก็กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลอวี้ เอาป้ายคำสั่งให้หัวหน้าคนคุ้มกัน
“ลั่วเฟิง นายต้องคุ้มกันความปลอดภัยของท่านหัวหน้าตระกูลให้ดี” พ่อบ้านกำชับ “ต้องให้ท่านหัวหน้าตระกูลกลับมาอย่างปลอดภัย ห้ามบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว”
ลั่วเฟิงประสานมือคารวะ สีหน้าจริงจัง “รับทราบ ไม่ว่าอย่างไรความปลอดภัยของท่านหัวหน้าตระกูลจะต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าใครทำตัวเป็นศัตรูต่อท่านหัวหน้าตระกูล พวกเราจะฆ่าทิ้งอย่างแน่นอนครับ”
แน่นอนว่าที่พูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขามีฝีมือการต่อสู้ที่เหนือกว่าเซ่าอวิ๋น
ตระกูลอวี้แสดงถึงพลังต่อสู้ที่กินขาด
การคัดเลือกหัวหน้าตระกูลมีเงื่อนไขด้านต่อสู้ที่สูงมาก
ในเมื่อเซ่าอวิ๋นได้กลายเป็นหัวหน้าตระกูลแล้ว ก็แสดงว่าเขาได้อันดับหนึ่งในการทดสอบ
จูซาพูดถูก พ่อบ้านก็กลัวเซ่าอวิ๋นจะรู้สึกผิดในใจจนไม่ทันระแวงลูกชายของฟู่หลิวอิ๋ง
ใครจะไปรู้ว่าฟู่หลิวอิ๋งจะเอาความคิดไม่ดีกรอกใส่หัวลูกชายหรือเปล่า
ดังนั้นต้องให้คนคุ้มกันเหล่านี้แอบตามอวี้เซ่าอวิ๋นไปอย่างเงียบๆ เพื่อกำจัดคนที่คุกคามความปลอดภัยของเขาทั้งหมด
พ่อบ้านพูดต่อ “ลั่วเฟิง นี่คืออัศวินของสำนักผู้วิเศษ เรย์”
ลั่วเฟิงกำมือคารวะ “คุณเรย์”
เรย์ทำเสียงหึ ตามทีมคุ้มกันของตระกูลอวี้ออกไป
เขากำมือแล้วคล้ายออก ก้มมองอักษรที่อยู่บนมือตัวเอง