ตอนที่ 645 ฟู่อวิ๋นเซิน ‘สำนักผู้วิเศษ จะสักแค่ไหนกัน’
เรย์ไม่มียั้งมือแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่ได้ใช้ปืน
ในฐานะที่เป็นอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์ ฝีมือของเขาย่อมไม่ด้อย
ใบมีดนี้พุ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูง ไม่ถึงห้าวินาทีก็ไปถึงคฤหาสน์ตระกูลฟู่
ฟู่อี้หันเป็นคนธรรมดาอย่างแท้จริง ปกติก็แค่ออกกำลังกาย หูไม่ไวเท่าคนฝึกการต่อสู้โดยเฉพาะ
เขาไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย แค่สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
แต่เซ่าอวิ๋นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวตั้งแต่ใบมีดนั้นอยู่ห่างจากคฤหาสน์ร้อยเมตร
เขาเงยหน้ามองทิศทางที่ใบมีดพุ่งมา สีหน้าดุดันขึ้นมาทันที
วินาทีถัดมาก็มีประกายไฟเกิดขึ้น
“ฟึ่บ!”
ใบมีดเล่มนั้นถูกเซ่าอวิ๋นใช้หว่างนิ้วหยุดไว้ได้ แน่นิ่งขยับต่อไม่ได้อีก
เหล่าคนคุ้มกันที่อยู่แถวนั้นตกใจจนพากันชักดาบออกมาล้อมเซ่าอวิ๋นไว้ทันที “ท่านหัวหน้าตระกูล!”
มีคนคิดจะลอบสังหารอวี้เซ่าอวิ๋นที่นี่!
เซ่าอวิ๋นไม่พูดอะไร ใบหูขยับ จับทิศทางที่ถูกต้องได้อย่างรวดเร็ว
เขาหมุนข้อมือ
ใบมีดพุ่งกลับไปด้วยพลังที่รุนแรงยิ่งกว่า
เรย์สีหน้าเปลี่ยน รีบม้วนหลบบนหลังคาถึงหลบใบมีดนั้นได้
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ไหล่ของเขาก็ถูกเฉือนเป็นแผลขนาดใหญ่
เรย์เอายามาใส่แผลบนไหล่ทันที เลือดหยุดไหลอย่างรวดเร็ว บาดแผลหายสนิทในเวลาไม่กี่วินาที
เขาทำเสียงจึ๊ “น่าเบื่อ”
เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะฆ่าฟู่อี้หันได้ในทันทีหรอก
อย่างไรเสียหัวหน้าตระกูลอวี้ก็อยู่ตรงนั้นด้วย การเคลื่อนไหวแค่นี้เล็ดลอดสายตาเขาไปไม่ได้อยู่แล้ว
เรย์ก็แค่อยากลองดูว่าลูกชายที่อวี้เซ่าอวิ๋นอยากตามหาเป็นยังไงกันแน่
ดูจากตอนนี้ก็งั้นๆ
เทียบกับลูกชายสายตรงคนนั้นไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
ลั่วเฟิงที่อยู่ข้างๆ เพิ่งตั้งสติได้
เขาจับบ่าเรย์ ชักโมโห “คิดจะทำอะไร!”
พวกเขาแค่รับหน้าที่มาปกป้องเซ่าอวิ๋น ไม่ได้มาฆ่าคน
“ฉันทำอะไร” เรย์สะบัดมือของลั่วเฟิงออก ยิ้มประชด “ทำไม ฉันจะทำอะไรต้องรายงานนายด้วยหรือไง นายคู่ควรเหรอ”
เขาเป็นอัศวินของหน่วยอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในสี่หน่วยอัศวินใหญ่
คนคุ้มกันตระกูลอวี้กล้าสงสัยในตัวเขาเหรอ
ลั่วเฟิงโมโหยิ่งขึ้น มือจับดาบ “อยากตายเหรอ!”
“มาๆๆ ฟันตรงนี้เลย” เรย์ชี้ที่คอตัวเอง ทั้งยังขยับเข้าไปหา “ฟันสิ ถ้ากล้าฟันฉัน ชิปที่อยู่ในร่างกายฉันจะเอาภาพการตายกับข้อมูลสภาพร่างกายของฉันส่งกลับไปที่สำนักผู้วิเศษ”
“พอถึงตอนนั้นก็ลองดูว่าชีวิตของนายหรือคนในครอบครัวนายจะพอชดใช้ไหม”
ลั่วเฟิงกัดฟัน จ้องตาเขม็งด้วยความโมโห
เรย์ได้ใจ “ไม่กล้าก็หุบปากซะ ฉันจะบอกนายให้นะ ฉัน โอ๊ย!”
อยู่ๆ เขาก็ร้องทรมานด้วยความเจ็บปวด
หัวถูกจับกระแทกบนหลังคาจนหลังคาร้าวเป็นรู
คนคุ้มกันทั้งห้าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นรวมถึงลั่วเฟิงต่างตะลึง
เห็นอยู่ๆ ก็มีคนในชุดโบราณสองคนโผล่มา พวกเขาถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยความระแวง
นี่คือจอมยุทธ์ของศาลสถิตยุติธรรม เป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์ทั้งคู่
ทั้งสองคนจับเรย์ไว้ “รนหาที่ตาย!”
เรย์พยายามดิ้น แต่ไม่หลุด “แกเป็นใคร!”
เขาเป็นชาวเมืองแห่งโลก ไม่เคยออกจากเมืองมาก่อน
ในความทรงจำของเขา เจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรไม่เหมือนที่ในหนังสือของเมืองแห่งโลกเขียนไว้
ล้าหลังมาก ยังเป็นสมัยที่ใช้อาวุธระยะประชิด อย่างมากสุดก็แค่มีเครื่องจักรไอน้ำ
ดังนั้นครั้งนี้เรย์มาฮู่เฉิงถึงได้รู้สึกแปลกใจอยู่บ้างที่เห็นเครื่องบินกับรถไฟใต้ดิน
ส่วนการมีตัวตนของจอมยุทธ์ เรย์ยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่
“พวกแกเป็นใคร” เรย์ส่งสายตาอาฆาต “รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร กล้าลงมือกับฉันเลยเหรอ!”
ด้วยเทคโนโลยีและฝีมือการต่อสู้ของเมืองแห่งโลก สามารถทำลายโลกใบนี้ได้อย่างง่ายดาย
ขอเพียงแต่ผู้วิเศษทั้งยี่สิบสองคนอยาก
ด้วยเหตุนี้พวกเขาถึงสูงส่งมาตลอด ก้มมองโลกที่อยู่นอกเมือง
“ฉันไม่สนหรอกว่าแกเป็นใคร” จอมยุทธ์คนหนึ่งแสยะยิ้ม ฟาดเข่าไปที่หลังของเรย์ “ทำตัวดีๆ!”
“เปร๊าะ” เสียงกระดูกหัก
แม้จะเป็นเรย์ที่เคยผ่านการฝึกในสำนักผู้วิเศษก็ยังเจ็บจนร้องเสียงดัง
จอมยุทธ์อีกคนหนึ่งพูดด้วยเสียงเย็นชา “ตามคำสั่งของท่านเงาให้ขังไว้ก่อน รอท่านเงามาจัดการด้วยตัวเอง”
…
ยุโรป
ประเทศเจ
ฟู่อวิ๋นเซินแค่ฟังประโยคเดียวก็สีหน้าเปลี่ยน น้ำเสียงเย็นชา “เฝ้าให้ดี ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
เขาไม่อยากรอช้าแม้แต่วินาทีเดียว คว้าเสื้อคลุมสีดำแล้วเดินออก
อิ๋งจื่อจินคว้ามือเขาไว้ทันที สายตาแน่วแน่ “ฉันจะไปฮู่เฉิงกับคุณด้วย”
ตอนนี้วรยุทธ์ของเธอฟื้นกลับมาถึงหนึ่งร้อยสี่สิบปีแล้ว เสียงแค่นั้นจากในโทรศัพท์ย่อมไม่มีทางหลุดพ้นหูของเธอไปได้
นับตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ไปไหว้หลุมศพฟู่หลิวอิ๋งแล้วสังเกตเห็นว่ามีคนขึ้นไป ฟู่อวิ๋นเซินก็ส่งคนไปเฝ้าฮู่เฉิงไว้นานแล้ว
มีทั้งคนของไอบีไอและศาลสถิตยุติธรรม
ไอบีไอรับหน้าที่สืบ ศาลสถิตยุติธรรมรับหน้าที่คุ้มกัน
เท้าของฟู่อวิ๋นเซินหยุดชะงัก ยิ้มเล็กน้อย “กอดให้แน่นนะ”
เขากอดเอวเธอแล้วเหาะลงจากหน้าต่างของโรงแรม
รวดเร็วมาก
ฝ่าคลื่นลม
ซีนายลูบหัว ทำได้เพียงกดปุ่มที่รองเท้าสองที อาศัยเครื่องยนต์เหาะตามไปด้วย
ทั้งสามคนนั่งเฮลิคอปเตอร์ กว่าจะกลับถึงฮู่เฉิงด้วยความเร็วสูงสุดก็เป็นเวลาสี่ชั่วโมงต่อมาแล้ว
คนของไอบีไอมาถึงก่อนแล้ว ล้อมพวกอวี้เซ่าอวิ๋นไว้
ฟู่อวิ๋นเซินเดินเข้ามา สายตาชะงัก แววตาหม่นลง
เขาไม่ได้มองผู้ชายคนนั้นที่หน้าตาเหมือนเขาเหลือเกิน
แต่มือที่สั่นกลับประจานว่าหัวใจของเขาไม่ได้สงบนิ่ง
อิ๋งจื่อจินจับมือเขาไว้
หลังจากแน่ใจแล้วว่าฟู่อี้หันไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ฟู่อวิ๋นเซินก็โล่งอก “พี่ใหญ่”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย เธอก็เรียก “พี่ใหญ่”
ฟู่อี้หันรู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที “อืม พี่ไม่เป็นไร พวกนาย…”
เขาเจอฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่รู้สึกอะไร ยังคงสุขุมในมาดของพี่ใหญ่เหมือนเดิม
แต่กลับตะลึงที่อิ๋งจื่อจินเรียกเขาว่า ‘พี่ใหญ่’ ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
ซีนายชะโงกหน้า “เขากลัวเธอหรือเปล่า”
อิ๋งจื่อจินสีหน้าไม่เปลี่ยน “ฉันเป็นสาวน้อยที่ว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ ทำไมต้องกลัวฉันด้วย”
ซีนาย “…”
พูดเพ้อเจ้อได้หน้าตาเฉย
เซ่าอวิ๋นก็มองมาในเวลานี้ เขาตะลึงเล็กน้อย
มือของเขาหดเกร็ง หน้าซีดลง
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า มองเขาด้วยสายตาเย็นชา ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
แต่มือกลับกดหัวซีนายไปด้านหลังอย่างเนียนๆ
หลายวันมานี้เธอได้รู้เกี่ยวกับเมืองแห่งโลกหลายเรื่อง
ตระกูลอวี้กับตระกูลเรนเกลเป็นสองตระกูลใหญ่ที่ทัดเทียมกันในเมืองแห่งโลก มองผิวเผินดูไม่มีปัญหา แต่ในความเป็นจริงลับหลังมีการต่อสู้ มักเกิดการปะทะกันบ่อยครั้ง
ฝ่ายหนึ่งหมายถึงกองกำลัง อีกฝ่ายคืออำนาจอิทธิพล
เขม่นกันและกัน
ต่างฝ่ายต่างอยากเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว
“อาอิ๋ง ไม่เป็นไร เขาไม่รู้จักฉัน” ซีนายจับนิ้วอิ๋งจื่อจิน “อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็นคนในตระกูลก็มีแค่ไม่กี่คนหรอกที่รู้จักฉันในตอนนี้”
ร่างกายของเธอหดเล็กลงเพราะยาเล่นแร่แปรธาตุ นิสัยก็เปลี่ยนไปมาก ควบคุมตัวเองไม่ได้
คนที่รู้ว่าร่างกายของเธอมีปัญหามีแค่คณะผู้อาวุโสกับสองสามีภรรยาคุณนายสามที่ได้ดูแลตระกูลเรนเกลเป็นการชั่วคราว และยังมีพ่อบ้านกับคนรับใช้ไม่กี่คนที่รู้
ฟู่อวิ๋นเซินหันไป “ขังไว้ไหน”
“รายงานผู้บัญชาการ ห้องใต้ดินครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินขึ้นหน้า ตอบด้วยความนอบน้อม
นี่คือหนึ่งในคนระดับสูงของไอบีไอ วาเลนส์
ชื่อมาจากจักรพรรดิโรมัน
ปีนี้เขาเองก็เพิ่งรู้ว่าฟู่อวิ๋นเซินก็คือผู้บัญชาการสูงสุดของไอบีไอ
หลังจากได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของฟู่อวิ๋นเซินกับตาตัวเอง เขาก็ตื่นเต้นมาก สงบสติอารมณ์ไม่ได้
ฟู่อวิ๋นเซินกวาดตามอง “เฝ้าพวกเขาไว้ให้ดี”
วาเลนส์หน้าขรึม “ครับ ผู้บัญชาการ”
ฟู่อี้หันมองสัญลักษณ์ของไอบีไอที่อยู่บนตัวพวกวาเลนส์ ชั่วขณะนั้นคิดตามไม่ทัน
เขาครุ่นคิดเงียบๆ อยู่สักพักว่าน้องเจ็ดของเขาเป็นใครกันแน่
…
ภายในห้องใต้ดิน
เรย์ถูกจอมยุทธ์สองคนมัดติดไว้กับกำแพง ทั้งยังถูกผนึกจุดลมปราณไว้
สีหน้าของเขาบึ้งตึง มองผู้ชายที่เดินเข้ามา
จอมยุทธ์ทั้งสองเรียกด้วยความนอบน้อม “ท่านเงา”
ฟู่อวิ๋นเซินก้มมองเล็กน้อย ดวงตาสีอำพันฉายแววดุดัน “มาจากเมืองแห่งโลกเหรอ”
“ใช่” เรย์ตอบด้วยความภูมิใจ “ทำไม คิดจะกล่าวหาว่าฉันฆ่าคนเหรอ”
“อย่าว่าแต่ฉันไม่ได้ฆ่าเขาเลย ต่อให้ฆ่าจริงแล้วไงล่ะ ก็แค่พวกมนุษย์ชั้นต่ำของเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทร ฉันอยากจะฆ่าเยอะแค่ไหนก็ได้”
สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินเย็นชา ราวกับมองคนตาย
“ดูท่าแกต่างหากที่เป็นลูกนอกคอกของตระกูลอวี้” เรย์หรี่ตามอง “แต่แกกล้าฆ่าฉันเหรอ อย่าว่าแต่แกเลย ต่อให้เป็นพ่อแกก็ไม่กล้าหรอก!”
จอมยุทธ์สองคนสีหน้าเปลี่ยน “ท่านเงา!”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูด แค่ยกมือขึ้น
“ฟึ่บ!”
มีดยาวเล่มหนึ่งลอยเข้ามาอยู่ในมือด้วยกำลังภายใน
เรย์สีหน้าเปลี่ยน รู้สึกตะลึง “แก…”
คำพูดที่เหลือไม่ทันได้ออกจากปาก
“สำนักผู้วิเศษ อัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินก้มตัว จับด้ามมีดแล้วตีหน้าเรย์
ใบมีดบาดเลือดไหล เลอะเปื้อนหน้า
เขายิ้ม พูดด้วยเสียงเย็นชา “จะสักแค่ไหนกัน”