ตอนที่ 652 คนใหญ่คนโตรวมตัว ช็อกกันต่อเนื่อง!
เครือบริษัทอันดับหนึ่ง ประธานใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปเป็นคนจีน!
นี่ถือเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการธุรกิจระดับโลก!
นักข่าวมือสั่น เกือบทำกล้องตก
เขามือสั่นจับขาตั้งกล้อง มือเท้าเย็นเฉียบ เลือดในกายพลุ่งพล่าน
ตื่นเต้นและช็อกมาก
เป็นที่ทราบกันดีว่า บริษัทแข็งแกร่งห้าร้อยอันดับแรกของโลกมีบริษัทในเครือวีนัสกรุ๊ปติดอันดับไปแล้วเกือบเจ็ดสิบบริษัท
นอกเหนือจากนี้ยังมีห้องทดลองอีกไม่น้อย
เป็นยักษ์ใหญ่ของวงการธุรกิจอย่างแท้จริง
เป็นของประเทศจีน!
“…”
เงียบสงัด ยังคงเงียบสนิท
ทุกคนต่างมองผู้ชายที่ยืนอยู่หลังโพเดียม ดวงตาเบิกโพลง
ถือว่าฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้มีชื่อเสียงมากนักในยุโรปและโซนประเทศอื่น
โดยเฉพาะคนทางนี้ที่ค่อนข้างมีนิสัยดูถูกคนตะวันออก กอปรกับความอวดดีในตัว พนักงานบางคนในวีนัสกรุ๊ปจึงมีอคติต่อฟู่อวิ๋นเซิน
แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนจีนที่กุมอำนาจเครือบริษัทอันดับหนึ่งของโลก
นี่ไม่เท่ากับตบหน้าทั้งทวีปยุโรปเหรอ
โยเซฟลุกพรวด หน้าซีด คล้ายไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
เขาจ้องผู้ชายดูดีที่ยืนอยู่กลางเวที กำมือแน่น ปากสั่นฟันกระทบกัน “ปะ เป็นไปไม่ได้…”
ฟู่อวิ๋นเซินเป็นประธานใหญ่ได้ยังไง!
หลายปีมานี้เขาทำงานให้คนจีนเหรอ
ล้อเล่นอะไรน่ะ!
เวลานี้นีลรู้สึกดีขึ้นจากความทุกข์ทรมานแล้ว
เขาปรบมือทันที เริ่มส่งเสียงเชียร์ “บอสของพวกเราหล่อที่สุดในโลก!”
พอนีลปรบมือนำแบบนี้ คนอื่นๆ ก็เหมือนตื่นจากฝัน ปรบมือตามเขาไปด้วย
เสียงปรบมือดังลั่นห้องประชุม
มีเพียงโยเซฟที่สีหน้าแย่ลง บึ้งตึงแบบปิดไม่มิด
รอบตัวมีแต่กล้อง เขาจำต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้ระเบิดออกไป บังคับตัวเองให้นั่งลง
ผู้หญิงที่นั่งข้างกันหน้าซีด “โยเซฟ ทำไงดีคะ”
“อะไรคือทำไง” โยเซฟกัดฟันพูด “ก็ต้องทำตามแผนอยู่แล้ว ประธานใหญ่จะเป็นใครก็ไม่มีผลกระทบ”
แต่สีหน้าของเขาดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
นีลปรบมืออย่างบ้าคลั่ง ขาดก็แค่ลุกขึ้นร้องเล่นเต้นระบำ
“นีล” เอียนทำเสียงจึ๊ “อาทิตย์ก่อนคุณยังพูดอยู่เลยไม่ใช่เหรอว่าจะให้บอสไปเป็นลูกน้องคุณ เป็นประธานฝ่ายขายใช่ไหม”
“ผมพูดเหรอ” นีลแย้ง “ผมไม่เคยพูดเลยนะ ผมพูดแค่ว่าผมจะทำงานเพื่อท่านประธานใหญ่ตลอดไป จะพยายามเพิ่มกำไรให้เครือบริษัท หาเงินเข้ากระเป๋าบอสให้มากๆ!”
เอียน “…”
ประสาท
ชาวเน็ตที่รับชมถ่ายทอดสดอยู่ก็กรีดร้อง ช็อกไปตามๆ กัน
[โอ้โห!!!]
[ทุกคน พิมพ์สุดยอดกันเดี๋ยวนี้!]
[สุดยอด นี่เท่ากับไล่ตัวเองออกแล้วไปเป็นบอสใหญ่แทน ความคิดเทพ ผมล่ะเข้าไม่ถึงเลยครับ]
[พวกนักเลงคีย์บอร์ดก่อนหน้านี้เงิบกันหมดเลยใช่ไหมล่ะ ตอนนี้ต้องเปลี่ยนไปเรียกท่านประธานใหญ่ฟู่แล้วนะ!]
[กรี๊ดดด ความภูมิใจของประเทศจีน!]
ฟู่อวิ๋นเซินชูนิ้วชี้วางไว้ที่ปาก
เขาหัวเราะเบาๆ “ชู่ว…”
ท่าทางเรียบง่าย แต่กลับมีเสน่ห์ล้นเหลือ
เกิดความเงียบขึ้นในทันที
ไม่มีเสียงแม้แต่นิดเดียว
ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มพลางพูด “ทุกท่านครับ อย่ามองผม มองที่หน้าจอครับ”
ถึงเขาจะพูดแบบนี้ แต่สายตาของทุกคนก็ยังคงมองตามท่าทางของเขา
ละสายตาออกไปไม่ได้
ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ที่ยิ่งใหญ่และลึกลับ มีออร่าติดตัวมาแต่กำเนิด
“นี่คือรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติที่วีนัสกรุ๊ปสร้างขึ้นมาใหม่ครับ” ฟู่อวิ๋นเซินชี้โมเดลที่อยู่บนจอ “พวกเราปรับปรุงล้อใหม่ ดูตรงนี้ครับ มันสามารถกางออกมาได้ห้าเมตร”
“ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าเจอกับเหตุการณ์รถติด เราสามารถกดปุ่มเปลี่ยนโหมดได้ ทำให้รถยนต์อยู่ในโหมดบินครับ”
“รถยนต์รุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยกระแสไฟฟ้า ชาร์ตไฟด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ได้ ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ”
“อาอิ๋ง เทคโนโลยีของพวกเธอพัฒนาไปเร็วนะ” ซีนายตะลึง “นี่น่าจะเป็นก้าวแรกของยานพาหนะส่วนตัวทางอากาศ เมืองแห่งโลกก็คิดค้นได้หลังจากรถยนต์แพร่หลายไปแล้วสามสิบปี”
อิ๋งจื่อจินยิ้ม “เขาเก่งมาตลอด”
เธอเงยหน้ามองฟู่อวิ๋นเซิน ดวงตาหงส์คู่งามเปล่งประกาย
“แต่ในเมืองแห่งโลก สิ่งที่เจริญก้าวหน้ามากที่สุดคือพันธุวิศวกรรม” ซีนายพูด “เมื่อก่อนฉัน…ไม่สิ ทางสำนักวิจัยมีการวิจัยซูเปอร์อัศวินโดยเฉพาะ”
อิ๋งจื่อจินก้มหน้า ครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น “ซูเปอร์อัศวินเหรอ”
“ใช่ ดัดแปลงลำดับดีเอ็นเอหรือทำการแทรกเข้าไป ก็จะทำให้ผู้ที่ถูกดัดแปลงมีสิ่งต่างๆ ที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป เช่น พลัง ความเร็ว เป็นต้น” ซีนายอธิบาย “เหมือนพวกซูเปอร์ทหารแบบในหนังไซไฟของพวกเธอนั่นแหละ ตอนนี้อัศวินหนึ่งในสี่ของหน่วยอัศวินใหญ่ก็เป็นมนุษย์ดัดแปลงพันธุกรรมทั้งนั้น”
“แต่พันธุวิศวกรรมแบบนี้เพิ่งจะเริ่มดำเนินการเมื่อปลายศตวรรษก่อน ล้มเหลวไปหลายครั้ง เพิ่งสำเร็จอย่างสมบูรณ์เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว”
แววตาของอิ๋งจื่อจินขรึมลง
ซูเปอร์ทหารที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมเป็นการฝืนเปลี่ยนสภาพร่างกายมนุษย์
ไม่เหมือนจอมยุทธ์ที่อาศัยวิทยายุทธ์เพื่อใช้ร่างกายให้ถึงขีดจำกัด อายุจึงไม่มีทางยาวนานขึ้น
ถึงขั้นที่อาจตายเพราะการกลายพันธุ์
แต่ก็น่ากลัวมาก
มีเทคโนโลยีแบบนี้สามารถสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งได้ตลอดเวลา
ถ้าเมืองแห่งโลกมาบุกเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรก็ไม่มีใครสามารถต้านทานได้ยกเว้นจอมยุทธ์
มิน่าเมืองแห่งโลกถึงได้มองว่าตัวเองสูงส่งกว่าใคร
แต่พันธุวิศวกรรมแบบนี้เป็นสิ่งต้องห้ามบนโลก
เมื่อสองปีก่อนวีนัสกรุ๊ปกับนักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อยได้ร่วมมือกันออกแถลงการณ์ห้ามทำการทดลองใดๆ ที่เกี่ยวกับการดัดแปลงร่างกายมนุษย์
ทันใดนั้นอิ๋งจื่อจินก็นึกถึงคำพูดของฟู่อวิ๋นเซิน
ฉินหลิงอวี๋เป็นผลงานล้มเหลวของการดัดแปลงพันธุกรรม
หรือว่า…
บนเวที
ฟู่อวิ๋นเซินอธิบายผลงานทั้งสองชิ้นเสร็จแล้ว
หลังจากเขาเดินลงจากเวทีสายตาทุกคู่ก็ยังคงมองตามเขา ไม่ได้สติกลับมา
ตะลึง
มีเพียงความตะลึง
ไม่ใช่แค่เพราะสถานะของฟู่อวิ๋นเซิน ยังตะลึงสองผลงานนวัตกรรมใหม่นี้ด้วย
ขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีได้อย่างแน่นอน
“สวัสดีครับทุกท่าน กลับมาทางนี้ก่อนครับ ถึงท่านประธานใหญ่ของพวกเราจะหล่อมาก แต่ก็ต้องมองแต่พองามนะครับ” พิธีกรกระแอมทำสีหน้าจริงจัง “ต่อไปผมจะแนะนำแขกพิเศษคนสำคัญครับ”
“ขอต้อนรับท่านประธานาธิบดีประเทศเจ คุณเจมส์ครับ”
[ประธานาธิบดีประเทศเจมาเองเลยเหรอ วีนัสกรุ๊ปยิ่งใหญ่มากจริงๆ]
[นั่นลูกสาวประธานาธิบดีใช่เปล่า ว้าว สวยขาวรวยของแท้ ดูดีมาก เหมาะสมกับประธานใหญ่ฟู่ดีนะ!]
กล้องจับภาพไปที่สองพ่อลูกประธานาธิบดีของประเทศเจทันที พร้อมขึ้นข้อความ
เจมส์หันไปโบกมือให้กล้อง ยิ้มอ่อนโยน “สวัสดีครับทุกท่าน”
ข้างกายของเขา หญิงสาวอยู่ในชุดกระโปรงแบบราชนิกุล สวมหมวกสีม่วง พยักหน้าแบบไว้เชิง
เอียนสีหน้าเปลี่ยน “เวรละ”
โจเซฟก็นึกออกแล้ว เขาขมวดคิ้ว “เวรจริง เธอเข้ามาได้ยังไง”
เอียนพูดเสียงขรึม “น่าจะแต่งเป็นบอดี้การ์ด พวกเราถึงไม่สังเกตเห็น ต้องบอกบอสก่อน”
เขาล้วงโทรศัพท์มือถือออกมากดส่งข้อความหาฟู่อวิ๋นเซินทันที
สีหน้าของทั้งสองคนไม่สู้ดีนัก
โยเซฟเห็นแล้ว คิดว่าสองคนนั้นตระหนักได้ถึงวิกฤติของบริษัทแล้ว
เขาหันไปยิ้มพลางพูด “ประธานเอียนกับประธานโจเซฟ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกคุณแล้วนะครับ พวกคุณมาร่วมมือกับผมตอนนี้ยังทัน”
“ถ้าผมเป็นประธานใหญ่ ตำแหน่งของพวกคุณจะไม่มีทางเปลี่ยน เป็นไงครับ”
ฟู่อวิ๋นเซินเป็นประธานใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปแล้วยังไงล่ะ
ตราบใดที่ตระกูลลอเรนท์แช่แข็งเงินหมุนเวียนทั้งหมด ฟู่อวิ๋นเซินก็ทำอะไรไม่ได้
เอียนแสยะยิ้ม “คุณเนี่ยนะ”
“ใช่ ผมนี่แหละ” โยเซฟยิ้ม “ผมนึกไม่ถึงว่าฟู่อวิ๋นเซินจะเป็นประธานใหญ่ พวกคุณปิดบังได้ดีมาก ผมยอมแพ้”
“แต่พวกคุณก็ยื่นข้อเสนอหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ให้ตระกูลลอเรนท์ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”
สมาชิกของตระกูลลอเรนท์มีชื่อเสียงมากเรื่องเห็นแก่เงิน
พอเห็นเอียนสีหน้าเปลี่ยนโยเซฟก็ยักไหล่ อารมณ์ดีขึ้น
พิธีกรยังคงแนะนำแขกต่อ
ทันใดนั้นเขาก็เร่งเสียงดังขึ้น พูดอย่างมีลับลมคมใน “ท่านสุดท้าย แขกวีไอพีสุดๆ ครับ เขาคือผู้กุมอำนาจของตระกูลใหญ่ เรียนเชิญท่านขึ้นมาบนเวทีครับ”
สปอตไลท์ทำการฉายอีกครั้ง แขกเหรื่อตกใจ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไร
ก่อนหน้ามีประธานาธิบดีประเทศเจไปแล้ว ผู้กุมอำนาจของตระกูลหนึ่งเมื่อเทียบกับประธานาธิบดีก็ดูจะเล็กน้อยมาก
ในที่สุดโยเซฟก็รู้สึกโล่งอก ใบหน้าผุดรอยยิ้ม
เขารู้ว่าใคร
ผู้กุมอำนาจตระกูลลอเรนท์
มาช่วยเขายึดวีนัสกรุ๊ปด้วยตัวเอง
เด็กหนุ่มอยู่ในชุดสูทสีขาว เข้ากันกับเนกไทสีน้ำเงิน
สายตาของผู้หญิงถูกสะกดอีกครั้ง
[ยังไม่พูดเรื่องอื่น เขาหล่อมาก]
[น่าจะไม่ใช่ตระกูลใหญ่อะไรมั้ง ยังไงซะสี่ตระกูลมหาเศรษฐีแห่งยุโรปก็เป็นยักษ์ใหญ่แล้ว]
ซีซาร์หยุดยืนบนเวที
เขาจัดเนกไท ยิ้มให้กล้อง ดวงตาสีน้ำเงินคมเข้มดุจมหาสมุทร
“สวัสดีครับทุกท่าน พบกันครั้งแรก ผมซีซาร์ ลอเรนท์ครับ”
เกิดความเงียบภายในงานอีกครั้ง
ลอเรนท์!