ตอนที่ 665 เหลือเชื่อ ตัวตนเทพพยากรณ์ถูกเปิดเผยแล้ว
ต่อให้นักทำนายของยุโรปตายในเหตุการณ์พิจารณาคดีแม่มดที่ยาวนานถึงสามร้อยปีไปแล้วแปดสิบเปอร์เซ็นต์ วงการนักทำนายเพิ่งค่อยๆ ฟื้นฟูในอีกร้อยกว่าปีให้หลัง
แต่ไม่มีทางมีนักทำนายคนไหนไม่รู้จัก ‘เทพพยากรณ์’
ตอนนั้นหลังจากที่คำทำนายของเทพพยากรณ์ปรากฏ ก็มีนักทำนายส่วนหนึ่งที่ตำหนิเทพพยากรณ์
ในเมื่อเทพพยากรณ์มีความสามารถทำนายออกมาได้ ก็แสดงว่าต้องแก้ไขได้
แต่เทพพยากรณ์กลับไม่ทำ
ได้แต่มองดูนักทำนายที่ถูกเรียกว่า ‘พ่อมดแม่มด’ ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ด้วยเหตุนี้ตอนนี้ความรู้สึกของนักทำนายในยุโรปที่มีต่อเทพพยากรณ์จึงแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม
ส่วนใหญ่เคารพนับถือ อีกส่วนหนึ่งตำหนิ
แต่ไม่ว่าจะกลุ่มไหนต่างก็มีความเกรงกลัวต่อเทพพยากรณ์
เทพพยากรณ์
รู้อดีต เห็นอนาคต ทำนายเคราะห์กรรม หยั่งรู้ทุกสิ่ง
นี่คือเทพที่แท้จริง
เมื่อตระหนักได้แล้วว่าตัวเองเผชิญหน้ากับใครอยู่ หญิงชราก็ดวงตาเบิกโพลง
จากนั้นก็กระอักเลือดออกมากองใหญ่อย่างควบคุมไม่ได้
“เทพพยากรณ์!” หญิงชราหัวเราะเหมือนคนบ้า สีหน้ายังคงเหลือเชื่อ
“คุณคือเทพพยากรณ์! คุณก็คือเทพพยากรณ์!”
ถ้าไม่ใช่เพราะพลังทำนายของเธอถูกข่มจนหายไปหมด เธอไม่มีทางเชื่อ
เทพพยากรณ์เป็นสาวน้อยที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบอย่างนั้นเหรอ!
หญิงชรามีสีหน้าท้อแท้ หมดแรงจะต่อสู้อย่างสิ้นเชิง
ใครจะกล้าเป็นศัตรูกับเทพพยากรณ์
หญิงชราทรุดลงบนพื้น แต่ทันใดนั้นเธอก็กรีดร้องออกมา “คุณทำนายออกมาได้ แล้วทำไมไม่หยุดมัน!”
เป็นเรื่องจริง บรรพบุรุษของเธอจำนวนมากต้องตายไปในการล่าแม่มดครั้งนั้น
“กาลเวลามิอาจฝืน ไม่ใช่ว่าคำทำนายของฉันมีมาก่อน แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ก่อนแล้ว”
อิ๋งจื่อจินตอบ
“เรื่องที่ไม่มีตัวแปรให้เปลี่ยนได้ ฉันก็เปลี่ยนไม่ได้”
การล่าแม่มดเป็นเหตุการณ์ใหญ่แห่งศตวรรษ
นี่คือเคราะห์ภัยของทั้งโลก
ไม่เหมือนกับดวงชะตาหรือการถึงฆาตของคนแค่คนเดียว มันต่างกันราวฟ้ากับดิน
ต่อให้ตอนนั้นเธอพยายามฝืนหยุดมัน วันหน้าคนที่ควรตายก็ยังคงต้องตายด้วยรูปแบบอื่นอยู่ดี
ไม่มีประโยชน์อะไร
“โกหก!” หญิงชราปากสั่น
“คุณหยุดได้ คุณหยุดได้แน่นอน! ถ้าคุณหยุดมัน พวกเขาก็ไม่มีทางตาย!”
หญิงชราพูดต่อ “ฉันเข้าใจแล้ว คุณเป็นคนตะวันออก คุณอยากให้นักพยากรณ์ของทางนั้นเก่งกว่าทางนี้!”
“น่าสนใจดีนะ” อิ๋งจื่อจินพับแขนเสื้อขึ้น
“ถ้าฉันจำไม่ผิด บรรพบุรุษของคุณไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์อะไร ใช้การทำนายทำร้ายคนไปเท่าไรกันล่ะ”
หญิงชราปากสั่นฟันกระทบกัน แต่ก็เถียงไม่ออก
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเธอ แต่หยิบกล่องบนชั้นที่ติดกับกำแพงขึ้นมา
ในนั้นเป็นไพ่ทาโรต์สำรับหนึ่ง
อิ๋งจื่อจินหันมาแสยะยิ้ม “มิน่าคุณถึงไม่กลัวบาปที่เกิดจากการฝืนเปลี่ยนดวง ที่แท้ก็หาคนมารับเคราะห์แทนไว้แล้ว”
สีหน้าของหญิงชราแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นกลัว “ไม่! อย่านะ!”
อิ๋งจื่อจินปล่อยกำลังภายในด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เปร๊าะ!”
กล่องแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในชั่วพริบตา ไพ่ทาโรต์เจ็ดสิบแปดใบที่อยู่ในนั้นแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทั้งหมด
หญิงชราส่งเสียงกรีดร้องเหมือนจะขาดใจ ร่างกายของเธอเจ็บปวดจนบิดเบี้ยว ผิวยุบบุ๋มลงไปด้วยความเร็วแบบที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
นี่คือผลกรรมที่ต้องแบกรับ
หลายสิบปีที่ผ่านมานี้ หญิงชราใช้การทำนายทำเรื่องเลวร้ายไปไม่น้อย ทั้งยังทำให้คู่รักหลายคู่ต้องแยกจาก
สายตาของอิ๋งจื่อจินเย็นชา
“พูดตามตรง ถ้าคุณไม่ลงมือกับซีซาร์ ฉันก็ยังไม่รู้ว่ายุโรปมีคนแบบคุณอยู่ด้วย”
หญิงชราสีหน้าเปลี่ยนอีกครั้ง ราวกับนึกอะไรออก
“ซะ…ซีซาร์ เขา…”
เรื่องที่ตระกูลลอเรนท์มีเทพพยากรณ์หนุนหลังไม่ใช่ความลับอะไร
แต่เทพพยากรณ์ก็ผูกมิตรแค่กับซีซาร์ ลอเรนท์ คนเดียว
ซีซาร์ที่ฮอลลี่ถูกใจคือคนเดียวกับราชาแห่งฟลอเรนซ์เมื่อสามร้อยปีก่อนคนนั้นเหรอ!
ความเจ็บปวดอย่างหนักหน่วงทำให้หญิงชราไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลือไปคิดว่าทำไมซีซาร์ ลอเรนท์ ถึงมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้
อิ๋งจื่อจินสวมหมวกเบสบอล เดินออกจากบ้านไม้ ไม่สนใจความเคลื่อนไหวในบ้านอีก
ดึกมากแล้ว
อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น
ดวงตาของเธอหรี่ลงเล็กน้อย เห็นดาวดวงเล็กมากวาดผ่านท้องฟ้าไป
นี่แสดงถึงการสูญสิ้นนักทำนายที่ฝีมือฉมัง
อิ๋งจื่อจินกดปีกหมวกลงแล้วออกจากเขตชนบทแห่งนั้นอย่างไม่รีบร้อน
สายลมพัดผ่าน ประตูไม้ถูกเปิดและปิดลงอีกครั้ง เกิดความเงียบสงัด ราวกับไม่เคยมีใครมา
…
ในเวลาเดียวกัน
ณ เมืองตี้ตู
บ้านตระกูลตี้อู่
ตี้อู่ชวนที่กำลังพักสายตาอยู่ๆ ก็ลืมตาขึ้น หันมองท้องฟ้าด้วยความตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็นับนิ้วคำนวณ แทบหยุดหายใจ “เฟรยาที่อยู่ยุโรปตายแล้ว”
เขากับหญิงชราคนนั้นเคยประลองฝีมือกัน
เธอเป็นนักทำนายฝีมือดี อีกทั้งยังเดินในสายชั่วร้าย ความสามารถก็เลยอยู่เหนือกว่าเขา
แต่เรื่องโชคดีคือ ตี้อู่ชวนเรียนรู้การตั้งค่ายกลฮวงจุ้ยจากตำราที่อิ๋งจื่อจินทิ้งไว้ให้ตี้อู่เซ่าเสียนจนทำเป็นหลายแบบ ถึงได้ไล่หญิงชราคนนั้นไปจากฝั่งตะวันออกได้
ยุโรปไม่มีของอย่างค่ายกลฮวงจุ้ย
ตี้อู่ชวนถอนหายใจยาว “ในที่สุดหายนะนี้ก็จบสิ้นลงแล้ว”
เป็นเรื่องดี
ตี้อู่ชวนไออย่างรุนแรง เขาหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ด มีคราบเลือดเปื้อนกระดาษ
เขาอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้ก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว อย่างไรเสียแต่ไหนแต่ไรคนของตระกูลตี้อู่ก็อายุสั้น
ตี้อู่ชวนมองห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ไฟในห้องนั้นยังสว่างอยู่ เขายิ้มด้วยความพอใจ
แบบนี้พอเขาตายไปก็วางใจยกตระกูลตี้อู่ให้ตี้อู่เย่ว์แล้ว
…
เมื่อนักทำนายตายผิดธรรมชาติ คำสาปที่เธอเคยแช่งไว้ก็หมดไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากซีซาร์ตื่นขึ้นมาตอนเช้า อาการเวียนหัวและเหนื่อยล้าแบบนั้นก็ไม่มีหลงเหลืออยู่อีก
เขากลับมาสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง
“บอสดีกับฉันจริงๆ” ซีซาร์ทำเสียงจึ๊
“น่าเสียดายที่ติดต่อเจ้าบ้านอร์ตันไม่ได้ ไม่อย่างนั้นฉันจะอวดหมอนั่นสักหน่อย”
ซีซาร์ก็รู้สึกได้ว่า บางทีที่อิ๋งจื่อจินกลับมาโลกมนุษย์ครั้งนี้เป็นเพราะเจอปัญหาที่ยากมาก ความสามารถของบอสเขาถูกจำกัดไว้
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้เธอก็ยังคงไปช่วยล้างแค้นให้เขา
“นายท่าน” จ็อบที่อยู่ด้านนอกเคาะประตู พูดด้วยความนอบน้อม “คุณอิ๋งมาแล้วครับ”
ซีซาร์ลุกจากเตียงทันที แต่งตัวด้วยความเร็วสูงสุดแล้วเปิดประตู
อิ๋งจื่อจินยังคงอยู่ในชุดเดิมตอนเธอออกไป เสื้อยืดสีขาวไม่มีเปื้อนฝุ่นแม้แต่น้อย
ยากที่จะทำให้คนเชื่อว่าเธอไปทำอะไรมา ดูเหมือนไปดื่มชามาหนึ่งแก้วมากกว่า
“บอสโอเคใช่ไหม” ซีซาร์เป็นห่วง “บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
สองมือของอิ๋งจื่อจินล้วงกระเป๋า เหลือบตามองเขา “คิดว่าฉันเป็นนายเหรอ”
ซีซาร์เอามือทึ้งผมสีทอง พูดอย่างจนปัญญา
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมร่างกายผมมันอ่อนแอขนาดนี้”
มีอยู่คำพูดหนึ่งที่จ็อบพูดถูก
สุขภาพเขาเป็นแบบนี้จะหาแฟนได้ยังไง
“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ
“อีกเดี๋ยวฉันจะไปจากที่นี่แล้ว พวกเราเจอกันที่ช่องแคบมูเลอร์ตอนเดือนกรกฎาคม”
ประตูที่เจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรจะไปเมืองแห่งโลกอยู่ที่ช่องแคบมูเลอร์
“แน่นอน” สีหน้าของซีซาร์ขรึมลง “ผมจะไปเมืองแห่งโลกด้วยแน่นอน”
“ไปล่ะ” อิ๋งจื่อจินโบกมือแบบขอไปที โยนยาให้ซีซาร์ขวดหนึ่ง
เธอออกจากคฤหาสน์ตระกูลลอเรนท์แล้วขึ้นเฮลิคอปเตอร์
บนเฮลิคอปเตอร์ ซีนายกำลังขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง
ฟู่อวิ๋นเซินกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็คุยเสร็จ เดินเข้ามาหา “เยาเยา มีเรื่องด่วน พี่ชายต้องไปที่เขตสงครามหน่อย”
“เธอพาเด็กคนนี้ไปเดินเที่ยวที่อื่นของยุโรปก่อน อย่าเพิ่งไปโลกจอมยุทธ์จนกว่าพี่ชายจะกลับมา”
“เขตสงครามเหรอ” อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”
“เกิดความวุ่นวายในวงกว้าง” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “คนไม่พอ พี่ชายจะไปช่วยหน่อย”
อิ๋งจื่อจินมองเขา “ฉันไปด้วย”
เขตสงครามกระสุนพุ่งไม่ยั้ง ต่อให้เป็นฟู่อวิ๋นเซินก็มีโอกาสได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรเสียกำลังภายในของจอมยุทธ์ใช่ว่าจะใช้ได้ไม่มีวันหมด
เมื่อไรที่กำลังภายในหมดลง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะยิงไม่เข้า
เธอเคยได้ยินเนี่ยอี้เล่าว่า ฟู่อวิ๋นเซินเป็นที่เคารพนับถือของทุกคนในไอบีไอได้เป็นเพราะเคยเสี่ยงตายหลายครั้งเพื่อปกป้องสันติสุขของโลก
ก็มีแค่สองปีนี้ที่ชีวิตของเขาได้สงบลงบ้าง
อิ๋งจื่อจินเคยตรวจร่างกายให้ฟู่อวิ๋นเซินเป็นการเฉพาะ
บาดแผลบางอย่าง เดิมทีด้วยความสามารถของเขาหลีกเลี่ยงได้
เห็นได้ชัดว่าบาดแผลเหล่านี้ได้มาจากการปกป้องคนอื่น
ฟู่อวิ๋นเซินเงียบไป
เขาโน้มตัวลง ลูบศีรษะเธอ ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“เอาแบบนี้ เธอไปไอบีไอแล้วมาพร้อมกับแอนโทนี่ ดีไหม”
“ได้” อิ๋งจื่อจินเอากระเป๋าของตัวเองยัดใส่มือของเขา
“ยาในนี้น่าจะพอใช้ไประยะหนึ่ง รอฉันนะ”
…
อีกด้านหนึ่ง
โลกจอมยุทธ์
ศาลสถิตยุติธรรม
วันนี้เป็นวันหยุดของเจียงหราน
เขาฝึกเสร็จก็เดินเท้าเอวออกมา เห็นหลิงเหมียนซีรอเขาอยู่ด้านนอก
เจียงหรานประทับใจ “พี่”
นับตั้งแต่เขาถูกรังแกที่ศาลสถิตยุติธรรม ทุกครั้งที่ต้องกลับบ้าน หลิงเหมียนซีก็จะมารับเขาด้วยตัวเอง
“อืม ไปเถอะ” หลิงเหมียนซีสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แอบทำสีหน้ารังเกียจ
นับตั้งแต่เจียงหรานได้โทรศัพท์มือถือของตัวเองจากหลิงเหมียนซี เขาก็อ่านข่าว ขมวดคิ้วพูด
“พี่ ที่ยุโรปวุ่นวายอีกแล้วเหรอ”
เขากดดูรูป ในนั้นเป็นรูปพายุกระสุน
จำนวนคนบาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
เจียงหรานเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาสีหน้าเปลี่ยน
“พี่ ทางนั้นสถานการณ์ไม่สงบ งั้นเนี่ยอี้ก็ไปด้วยสิ”
วรยุทธ์ของเนี่ยอี้ยังห่างชั้นกับปรมาจารย์จอมยุทธ์อีกมาก
กันกระสุนได้ แต่ไม่มีทางใช้กำลังภายในหยุดกระสุนได้แบบปรมาจารย์จอมยุทธ์
“ฉันรู้” หลิงเหมียนซีหยุดเล็กน้อย
“เพราะงั้นสัปดาห์หน้าเลยไม่ว่างมารับนาย นายไม่ต้องกลับบ้านหรอก อยู่ศาลสถิตยุติธรรมไปก่อน”
“ไม่มั้ง พี่ก็จะไปด้วยเหรอ” เจียงหรานอึ้ง “ถ้าพี่เป็นอะไรไปแล้วคุณป้าจะทำไง”
ขณะพูดเขาก็ขมวดคิ้วอีกรอบ “เนี่ยอี้ไม่บอกอะไรพี่เลยเหรอ”
ฟังถึงตรงนี้หลิงเหมียนซีก็เงียบไป พูดเสียงเบา “เขาเคยพูดกับฉันตอนออกไปทำภารกิจครั้งแรก”
เจียงหรานงง “พูดอะไร”
“อะ” หลิงเหมียนซีโยนโทรศัพท์มือถือให้เขา
เจียงหรานอึ้ง “ใจกว้างถึงขนาดให้ผมอ่านข้อความของพวกพี่เลยเหรอ”
“ให้นายดูแล้วยังไง ไม่ได้มีอะไรเป็นความลับเสียหน่อย” หลิงเหมียนซียักไหล่
“ทำอย่างกับว่านายจะแย่งพี่เขยไปได้”
เจียงหราน “…”
โว้ย…
เขาเป็นชายแท้นะ
นอกจากเขาจะเถียงไม่เคยชนะซิวอวี่ กับหลิงเหมียนซีเขาก็ไม่เคยเถียงชนะเหมือนกัน
เจียงหรานรู้สึกโชคดีที่อิ๋งจื่อจินไม่ใช่คนพูดมาก ไม่มีทางเถียงเขาฉอดๆ
เขาก้มหน้าอ่านข้อความที่เนี่ยอี้ส่งให้หลิงเหมียนซี
ตรงมุมขวาล่างแสดงวันเวลา เดือนกันยายนปีสองพันสิบเก้า
เมื่อสองปีกว่าที่แล้ว
ข้อความของเนี่ยอี้ก็เหมือนนิสัยของเขา สั้นๆ ตรงไปตรงมา
[เสี่ยวเหมียน ถ้าผมเป็นอะไรไป ไม่ต้องรอผม]
เจียงหรานใจหายวาบ
เขานึกออกแล้ว ช่วงเวลานั้นเป็นตอนที่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบสักแห่งบนโลก
เนี่ยอี้ไปรบ โชคดีที่ไม่ตาย แต่ก็บาดเจ็บไม่ใช่น้อย
เขาเม้มริมฝีปาก คืนโทรศัพท์ให้หลิงเหมียนซี “งั้นพี่ยังจะ…”
งานของเนี่ยอี้ไม่ต่างจากจอมยุทธ์ของศาลสถิตยุติธรรม
ก่อนอื่นพวกเขาต้องปกป้องประชาชน
ต่อมาถึงเป็นครอบครัว
“นี่เป็นหน้าที่ของเขา” หลิงเหมียนซีเก็บโทรศัพท์
“ถ้าเขาไม่มีความรับผิดชอบ ฉันก็ไม่มีทางคบกับเขา”
เธอเอียงศีรษะ “ตอนนายเข้าศาลสถิตยุติธรรมไม่ได้สาบานเหรอ”
เจียงหรานเกาหัว “ผมยังระดับไม่สูง ต้องระดับหนึ่งถึงจะได้สาบาน”
“ก็จริง” หลิงเหมียนซีพยักหน้า “ตอนนี้วรยุทธ์ของนายต่ำเกินไป”
เจียงหรานถามต่อ “เพื่อนซี้พี่ล่ะ”
“อ่อ ฝูอียังเก็บตัวฝึกอยู่” หลิงเหมียนซีตอบ “ฉันเก็บตัวไม่ไหว ให้ฉันไปเก็บตัวนานขนาดนั้นไม่ต่างจากเอาชีวิตฉัน”
เจียงหรานยักไหล่
ถ้าพี่สาวของเขาขยันเก็บตัวฝึกแบบฝูอี ไม่แน่อาจก้าวเข้าสู่ปรมาจารย์จอมยุทธ์ไปครึ่งทางแล้วก็เป็นได้
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติ
เดือนกันยายนปีสองพันสิบเก้า หลิงเหมียนซีเพิ่งจะอายุสิบหกปี
เจียงหราน “…”
จบแล้วเนี่ยอี้
…
อีกด้านหนึ่ง
ตระกูลเซี่ย
พ่อบ้านเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อนแล้วกระซิบข้างหูเซี่ยเนี่ยน
“คุณหนูใหญ่ ข่าวจริงครับ ในเน็ตของโลกปุถุชนเต็มไปด้วยข่าวพวกนี้ เนี่ยอี้ไม่อยู่ในประเทศจีนครับ”
“ดีมาก” เซี่ยเนี่ยนลืมตา ริมฝีปากแดงมีรอยยิ้มชั่วร้าย “เตรียมลงมือ”