ตอนที่ 684 รักษาซู่เวิ่น ตัวตนเปิดเผยรัวๆ
“…”
เสียงเอะอะในห้องทดลองเงียบลงทันที
ไม่ใช่แค่พวกนักศึกษาระดับสูงที่ถูกเทียนเยียนเรียกมา พวกนักศึกษาระดับต้นที่มองดูอยู่ข้างๆ ต่างก็อึ้งเหมือนกัน
อิ๋งจื่อจินมาอยู่สำนักวิจัยได้ไม่ถึงสองวัน
เพียงแต่เธอมีใบหน้าที่งดงามโดดเด่น ต่อให้เป็นคนที่ไม่ได้อยู่ห้องทดลองระดับต้นนี้ก็มีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยของห้องทดลองอื่นที่มองมาด้วยความอิจฉา
ในความทรงจำของพวกเขา อิ๋งจื่อจินเป็นคนเงียบๆ ถ่อมตัวมาก
กล้าพูดกับนักศึกษาระดับสูงแบบนี้เลยเหรอ
เธอรู้ความแตกต่างระหว่างคำว่าระดับสูงกับระดับต้นหรือเปล่า
ตราบใดที่เป็นนักศึกษาระดับต้นที่ไม่มีอิทธิพลหนุนหลังหน่อยก็ต้องกลายเป็นเบี้ยล่างให้ถูกรังแก
เทียนเยียนถึงได้ทำตัวกร่างขนาดนี้
โดยเฉพาะนักศึกษาระดับสูงของสองคณะใหญ่
คณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์พึ่งการตัดต่อและปลูกถ่ายยีน คณะวิศวกรรมเครื่องกลและการบินพึ่งการคิดค้นอาวุธระยะไกลรุ่นใหม่ๆ
ศักยภาพโดยรวมแข็งแกร่งกว่า โดยทั่วไปไม่มีใครกล้าหาเรื่อง
ปิงหลานลนลานยิ่งกว่าเดิม “อาอิ๋ง อันที่จริงไม่เป็นไรหรอก โต๊ะทดลองคืนสภาพได้อัตโนมัติ มีอุปกรณ์ซ่อม กดทีเดียวก็ได้แล้ว”
แต่ไหนแต่ไรมาห้องทดลองมักระเบิดอยู่บ่อยครั้ง
สำนักวิจัยก็เลยคิดค้นเทคโนโลยีซ่อมแซมแบบนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ
ต่อให้โต๊ะทดลองระเบิดหมดห้อง กดปุ่มซ่อมแซมทีเดียว อย่างช้าสุดก็คืนสภาพในสิบนาที
เทคโนโลยีนี้ทำให้ทำการทดลองได้เร็วขึ้นมาก
อิ๋งจื่อจินก้มมองเครื่องร่อนที่ถูกเตะหักครึ่ง แววตาแน่นิ่ง ยังคงพูดเหมือนเดิม “เก็บซะ”
“เก่ง เก่งจริงๆ เลยนะ น้องใหม่ไม่กลัวใคร” นักศึกษาชายปรบมือ ยิ้มกว้างกว่าเดิม “เธอน่ะ หน้าตาใช้ได้นะ เอาไปทำการทดลองตัดต่อยีนก็ออกจะเสียของไปหน่อย”
“ไม่สู้ให้พวกเราเล่นสนุกก่อน เบื่อแล้วค่อยเอาไปทดลอง ถือว่าไม่สิ้นเปลืองของดีด้วย”
ในสายตาของพวกเขา ผู้หญิงคือคนอ่อนแอ
จะรังแกตามสบายอย่างไรก็ได้
“อย่าทำหน้าบึ้งอย่างนั้นสิจ๊ะ มา ยิ้มหน่อย” นักศึกษาชายยิ้มพลางเดินขึ้นหน้า ยื่นมือออกไปจะจับบ่าอิ๋งจื่อจิน
ท่าทางหยอกเย้า ไม่เก็บมาใส่ใจ
ปิงหลานใจหายวาบ “อาอิ๋ง!”
ตึง!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว สะเทือนแก้วหู
อิ๋งจื่อจินแค่ยกมือขึ้นเล็กน้อย จับทุ่มไปหนึ่งที นักศึกษาชายคนนั้นหมอบไปอยู่บนพื้น
ชาไปทั้งตัวในชั่วพริบตา ไม่มีเวลาให้เขาตั้งตัวแม้แต่น้อย
“!”
ตามมาด้วยนักศึกษาระดับสูงคนอื่นที่ยืนช็อกอยู่ที่เดิม
เป๊าะ!
เสียงดังชัดเจน
ครั้งนี้เป็นเสียงกระดูกหัก
ในขณะเดียวกันนักศึกษาชายก็ร้องเหมือนจะขาดใจ มีเลือดไหลออกจากมุมปาก
“อ๊ากกก!”
อิ๋งจื่อจินเหยียบหน้าอกของเขา กระดูกซี่โครงหักไปสามสี่ท่อน
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง พูดเสียงเย็นชา “ก็บอกแล้วว่าให้เก็บซะ”
อย่างไรเธอก็ชอบใช้หมัดคุยมากกว่า
ไม่มากเรื่อง
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องทดลอง
อิ๋งจื่อจินเอาเท้าออก เงยหน้าแล้วเดินไปหา
พวกนักศึกษาระดับสูงคนอื่นๆ ถอยหลังหนึ่งก้าวอัตโนมัติ ครั้งนี้คนที่ตื่นตระหนกกลายเป็นพวกเขา
“ฉันขอเตือน อย่าคิดลงมือกับพวกเรา” นักศึกษาระดับสูงคนหนึ่งพูดเสียงขรึม “เธอเป็นแค่นักศึกษาระดับต้น ถ้ากล้าลงมือ บ้านเธอ…”
ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกเสียงตุบตับอุดปาก
คราวนี้คนที่นอนอยู่บนพื้นกลายเป็นหกคน
นักศึกษาระดับต้นบางคนกลัวจนวิ่งหนีออกไปแล้ว ภายในห้องทดลองเหลือยืนกระจัดกระจายอยู่ไม่กี่คน
อิ๋งจื่อจินพูด “เก็บซะ”
ยังคงพูดสั้นๆ เหมือนเดิม แต่กลับทำให้นักศึกษาระดับสูงเหล่านี้แทบสติแตก
ซ้อมพวกเขาขนาดนี้แค่ต้องการให้พวกเขาเก็บกวาดเหรอ!
แต่พอมองดวงตาหงส์ที่แสนเย็นชาคู่นั้นของเธอ หัวใจก็หวาดกลัวไปแล้วกว่าครึ่ง
นอกจากนักศึกษาชายที่เจ็บหนักคนแรก นักศึกษาระดับสูงคนอื่นๆ ก็อดทนต่ออาการบาดเจ็บ ลุกขึ้นมาเก็บพวกอุปกรณ์ทดลองที่พวกเขาทำล้มระเนระนาด
อิ๋งจื่อจินนั่งบนเก้าอี้ มองนักศึกษาชายพวกนี้ที่ถูกซ้อมจนหน้าเขียวหน้าบวมเก็บโต๊ะทดลองของเธอกับปิงหลาน
สิบนาทีต่อมาโต๊ะทดลองก็กลับสู่สภาพเดิม
พวกนักศึกษาระดับสูงหันมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ “กะ เก็บเสร็จแล้ว”
อิ๋งจื่อจินหันไป “อยากให้ถีบส่งด้วยไหม”
พวกเขารีบหามนักศึกษาชายคนนั้นขึ้นมาแล้วรีบออกไปทันที “ไป! ไปเร็วเข้า!”
พวกเขาเจอคนอ่อนแอไม่มีทางสู้ที่ไหนกัน นี่มันเจอของแข็งชัดๆ
“อาอิ๋งสุดยอดไปเลย!” ปิงหลานหายอึ้งเสร็จก็ตื่นเต้นมาก “ท่าต่อสู้ของเธอไปเรียนมาจากไหนเหรอ”
คนพวกนั้นเป็นถึงนักศึกษาระดับสูงของคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์เชียวนะ
ถึงแม้จะไม่ใช่นักศึกษาระดับสูงทุกคนที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม แต่ฝีมือการต่อสู้ของพวกเขาก็ใช่ว่านักศึกษาระดับต้นจะสู้ได้
แต่อิ๋งจื่อจินเอาชนะผู้ชายตัวใหญ่หลายคนได้อย่างสบายๆ
อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ “เมื่อก่อนถ้าอยากมีชีวิตรอดก็ต้องมีวิชาป้องกันตัว”
สิ่งที่ปกป้องตัวเองได้ก็มีแค่มือตัวเองเท่านั้น
ปิงหลานอึ้ง
ถึงแม้เธอจะเป็นคนธรรมดา แต่ครอบครัวอบอุ่น พ่อแม่สุขภาพแข็งแรง
ไม่ถึงกับมีชีวิตที่ร่ำรวย แต่อย่างน้อยก็พอกินพอใช้ไม่เดือดร้อน
“อาอิ๋ง เธอไม่มีเงินกินข้าวใช่ไหม” ปิงหลานคิด “เอาบัตรกินข้าวของฉันไปสิ รูดได้ตามสบายเลยนะ”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “แล้วเธอล่ะ”
“ฉันกินหมั่นโถวก็พอแล้ว” ปิงหลานพูดเสียงเศร้า “เธอยังไม่เคยกินของอร่อยเลยนะ”
“ไม่ต้องหรอก” อิ๋งจื่อจินกระแอมหนึ่งที ยิ้มเล็กน้อย “ฉันพอมีเงิน ไม่ได้ยากจนแบบที่เธอคิด”
เธออ่านข้อความแจ้งเตือนจากโซนซื้อขายของเว็บดับบลิว
ข้อความแจ้งเตือนว่ารองเท้าคู่นั้นที่เธอทำถูกประมูลที่ราคาห้าล้านแล้ว
ดูเหมือนว่าหาเงินในเมืองแห่งโลกจะง่ายยิ่งกว่า
“อาอิ๋ง!” ดูเหมือนปิงหลานจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ดูร้อนใจ “เธอซ้อมพวกเขาจนสภาพเป็นแบบนั้น คณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่”
“นักศึกษาระดับต้นอย่างพวกเรายังไม่ได้เข้าทดสอบ ไม่มีคณะคอยปกป้อง”
สถานะของนักศึกษาระดับต้นก็เลยต่ำที่สุด
นักศึกษาระดับต้นกลุ่มนี้ต่างกำลังรอการสอบวันที่ยี่สิบสี่กรกฎาคมในสัปดาห์หน้า
“ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินหยิบพวกวัสดุออกมา “ให้พวกเขามาเลย”
ปิงหลานถึงนึกออกว่าอิ๋งจื่อจินมีแอ๊กเคานท์ระดับเอของเว็บดับบลิว รู้สึกโล่งอกขึ้นมาหน่อย
จากนั้นก็เห็นอิ๋งจื่อจินเหม่อมองปุ่มซ่อมแซม เธอแอบสงสัย “คิดอะไรอยู่เหรอ”
“ฉันกำลังคิดว่า…” อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดพลางตอบ “เทคโนโลยีนี้เหมาะกับน้องชายของฉันกับเหล่าสหายที่ชอบระเบิดห้องทดลอง”
ปิงหลาน “?”
…
เสียงเอะอะในห้องทดลองระดับต้นย่อมไม่มีทางรอดพ้นสายตาของคนอื่นไปได้
แต่พอตกบ่ายก็ไม่มีกลุ่มที่สองมาหาเรื่อง เห็นได้ชัดว่าช็อกกับฝีมือต่อสู้ของอิ๋งจื่อจินกันหมด
อิ๋งจื่อจินทำพวกวัสดุเสร็จก็กลับห้องพัก วิดีโอคอล
“อาอิ๋ง”
มีเสียงราบเรียบของผู้หญิง บนหน้าจอเป็นใบหน้าที่งดงาม
ผมยาวสีบลอนด์ นัยน์ตาสีน้ำเงิน
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “นี่คือเธอตอนโตเหรอ”
ตระกูลเรนเกลมีแต่คนสวย
เชื่อแล้วว่าไม่ได้พูดเล่นๆ
“อืม ขอโทษนะ” ซีนายจับหัว “เมื่อก่อนฉันค่อนข้างเย็นชา ถ้าพูดอะไรไม่เข้าหูก็อย่าถือสาเลยนะ”
“ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินหาวหวอด “ฉันก็เหมือนกัน”
“ฉันกลับมาบ้านแล้ว คุณนายสามช็อกมากเลยล่ะ” ซีนายพูด “ฉันนัดเวลาแล้ว พรุ่งนี้เช้าฉันจะพาเธอไปรักษาพี่สะใภ้ใหญ่ของฉันที่ห้องรักษาตัว”
“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “ฉันจะเข้าไปในฐานะผู้ช่วยของคุณอวี้ ฉันแปลงโฉมได้”
สาเหตุที่ครั้งนี้คุณนายสามปฏิเสธลำบากเป็นเพราะอวี้เสวี่ยเซิงเคยรักษาให้ซู่เวิ่นมาแล้วครั้งหนึ่ง
ครั้งแรกก็เป็นพวกเขาที่ไปเชิญมา
ครั้งนี้ซีนายเชิญอวี้เสวี่ยเซิงมา คุณนายสามไม่พอใจยังไงก็ต้องหุบปากไว้
“อาอิ๋ง ฉันมีอำนาจมากพอที่จะยื่นขอเป็นนักศึกษาระดับสูงให้เธอนะ” ซีนายพูดต่อ “ไม่สิ ด้วยความสามารถของเธอ เธอเลื่อนเป็นนักวิจัยระดับเอสเลยยังได้”
“เดี๋ยวจะถูกสำนักผู้วิเศษเพ่งเล็งได้ง่ายๆ” อิ๋งจื่อจินตอบ “เธอจะเดือดร้อน”
ซีนายเข้าใจ “งั้นเจอกันพรุ่งนี้ ฉันลองยาที่เธอให้แล้ว อยู่ได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง”
พอร่างกายกลับมาเป็นปกติเธอก็เคลื่อนไหวไปมาสะดวกมาก
“ได้” อิ๋งจื่อจินตอบ “ไว้ฉันติดต่อเพื่อนฉันได้ เธอก็น่าจะกลับมาเป็นปกติได้เร็วแล้ว”
ซีนาย “…อันที่จริงฉันไม่อยากติดตามตาแก่ ฉันอยากติดตามเธอ”
อิ๋งจื่อจินคิดแล้วตอบ “ใบหน้าของเขายังหนุ่มมาก ยกเว้นผมที่เป็นสีดอกเลา”
ซีนายแสร้งทำเป็นเชื่อ “…อ่อ”
…
อีกด้านหนึ่ง
คณะวิศวกรรมเครื่องกลและการบิน
“ท่านคณบดีนอร์แมนครับ” เลขาเคาะประตู “นี่คือข้อมูลของนักศึกษาที่ท่านต้องการครับ”
ชายชราดันแว่นตา “เอาเข้ามา”
เลขาวางคอมพิวเตอร์ลงบนโต๊ะ
คณบดีนอร์แมนเปิดดู
ชื่อ-นามสกุล : อิ๋งจื่อจิน
เพศ : หญิง
อายุ : 19 ปี
ระดับ : นักศึกษาระดับต้น
สายตาของคณบดีนอร์แมนเลื่อนลง หยุดตรงแถวข้อมูลครอบครัว
ลำดับเวลาแม่นยำถึงขั้นบอกวันเดือนปี แต่จุดเดียวที่เขาให้ความสนใจคือ แค่เริ่มก็เขียนแล้วว่า ‘บิดามารดาเสียชีวิต’
คณบดีนอร์แมนถอนหายใจ
เขาคิดมากเกินไปแล้ว
บนโลกนี้แม้แต่คนที่หน้าตาเหมือนกันก็ยังมีเปอร์เซ็นต์ที่แน่นอน
หน้าตาคล้ายกันเป็นเรื่องธรรมดามาก
เขาเองก็เคยเจอคนที่หน้าคล้ายซู่เวิ่นยิ่งกว่าอิ๋งจื่อจิน
อีกทั้งลูกของซู่เวิ่นก็ตายไปแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ต่างยอมรับ
คณบดีนอร์แมนเลื่อนลงต่อ เลื่อนไปจนถึงผู้แนะนำ
ตรงช่องผู้แนะนำเป็นเครื่องหมายดอกจัน เห็นได้ชัดว่าปกปิดเป็นความลับ
คณบดีนอร์แมนขมวดคิ้ว กรอกข้อมูลส่วนตัวของตัวเองลงไป จากนั้นก็กดปลดล็อก
รูปถ่ายปรากฏในสายตา
คณบดีนอร์แมนสีหน้าเปลี่ยน มือเกือบจับไว้ไม่อยู่ “ทำไมเป็นเด็กคนนี้!”
เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อย่างสิ้นเชิง มือสั่น ลุกพรวด จะไปหาอิ๋งจื่อจินทันที
“คณบดีนอร์แมนครับ” เวลานี้เลขาวิ่งเข้ามาอีกรอบ หายใจหอบ “เดิมทีไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องนี้มาบอกท่าน แต่เมื่อครู่ท่านขอข้อมูลของเธอ ผมเลยคิดว่าท่านน่าจะให้ความสำคัญกับเธอ”
คณบดีนอร์แมนเงยหน้า “เกิดอะไรขึ้น”
“มีนักศึกษาระดับสูงหลายคนของคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ไปที่ห้องทดลองของนักศึกษาระดับต้น จะเอาตัวนักศึกษาระดับต้นไปทำการทดลองตัดต่อยีนครับ” เลขาพูดเร็วมาก “มีเธอด้วยครับ”
คณบดีนอร์แมนแทบหยุดหายใจ “นักศึกษาระดับสูงพวกนี้อยากตายหรือไง”
เลขาอึ้ง “มะ ไม่ใช่นะครับท่านคณบดี เธอไม่เป็นอะไร เธอซ้อมพวกนักศึกษาระดับสูงอ่วมน่าดูเลยครับ”
“…”
คณบดีนอร์แมนก็พูดไม่ออก “งั้นยังมีเรื่องอะไรอีก”
“อาจารย์ของนักศึกษาพวกนี้โกรธมาก จะไปจับเธอครับ” เลขาพูดต่อ “ตอนนี้กำลังไปหาเธอที่หอพักแล้วครับ เพิ่งออกนอกสำนักวิจัย”
คณบดีนอร์แมนสีหน้าเย็นชา “ผมจะไปดูหน่อย”
เขาใช้สิ่งประดิษฐ์รุ่นใหม่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ไม่นานก็ตามพวกอาจารย์ของคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ทัน
“ท่านคณบดีนอร์แมน” อาจารย์คนหนึ่งเรียกด้วยท่าทีนอบน้อม แต่ไม่ยอมถอย “นี่เป็นเรื่องภายในคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ของพวกเรา นักศึกษาระดับต้นมีมากมาย หายไปสักคนไม่เป็นไรหรอกครับ”
“รู้หรือเปล่าว่าใครส่งเธอเข้ามา” คณบดีนอร์แมนพูด “รู้หรือเปล่าว่าคนที่หนุนหลังคนที่พวกคุณอยากจัดการคือใคร”
อาจารย์ขมวดคิ้ว “ท่านคณบดีนอร์แมน ล้อเล่นอะไรครับ เบื้องหลังนักศึกษาระดับต้นยังจะมีคนใหญ่คนโตหนุนหลังได้อีกเหรอครับ”
นี่เป็นเรื่องของคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ ถ้าคณะวิศวกรรมศาสตร์จะเข้ามายุ่งให้ได้ เรื่องก็จะวุ่นวายมาก
อีกทั้งถ้าอิ๋งจื่อจินมีคนใหญ่คนโตหนุนหลังจริง มีเหรอที่เธอจะมาอยู่ห้องทดลองระดับต้น
ขอแค่ตระกูลมีอิทธิพลหน่อย ย่อมส่งลูกของตัวเองไปอยู่จุดที่สูงกว่า
อาจารย์พูดขึ้นอีกครั้ง ชักหงุดหงิด “ท่านคณบดีนอร์แมนครับ เธอซ้อมนักศึกษาคณะผมจนอาการสาหัส ท่านอย่าปกป้องเลยครับ”
คณบดีนอร์แมนพยักหน้า
เขาใช้อำนาจของตัวเองปลดล็อกข้อมูลที่ขึ้นเครื่องหมายดอกจันตรงช่องคนแนะนำอิ๋งจื่อจินเข้ามา
จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้อาจารย์คนนั้นดู “คุณดูเอาเองแล้วกัน”
อาจารย์ไม่ยินยอมเท่าไร แต่ก็รับมาดู
เป็นรูปถ่าย
ดูจากพื้นหลังน่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว
เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ที่อยู่ในนั้นล้าหลังมากแล้ว
ช่วงเวลาที่ถ่ายรูปนี้อย่างน้อยก็เมื่อสิบปีก่อน
เด็กสาวร่างสูงสวมชุดกาวน์ มองกล้องด้วยสีหน้าเย็นชา
ซีนาย เรนเกล
คณะวิศวกรรมเครื่องกลและการบิน
คณะฟิสิกส์
คณะเทคโนโลยีอวกาศ
ข้างท้ายชื่อคณะเหล่านี้ยังมีอีกหนึ่งคำ
นักวิจัยระดับดับเบิลเอส!