คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 686 โดนสักที แม่

ตอนที่ 686 โดนสักที แม่

ปีนี้บิลอายุยี่สิบสองปี

ตอนเธออายุสิบสองปี ซีนายถูกจับกรอกยาเล่นแร่แปรธาตุชนิดหนึ่งจนกลายเป็นเด็กหกขวบ

แต่ตอนที่มีซีนายอยู่ สายตาชื่นชมทั้งหมดตกไปอยู่แค่ที่ซีนายเท่านั้น

นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ

ตระกูลเรนเกลก่อตั้งมาร่วมพันปี ก็มีแค่ซีนายเท่านั้นที่เป็นอัจฉริยะขนาดนี้

บิลก็เติบโตมาท่ามกลางความรุ่งโรจน์ของซีนาย

คำพูดที่เธอได้ยินมากที่สุดก็คือ อาของเธอคนนี้เก่งอย่างนั้นอย่างนี้

จนกระทั่งเมื่อสิบปีก่อนซีนายหายตัวไปอย่างไร้สาเหตุ บิลถึงได้รู้สึกว่าไม่มีความกดดันหลงเหลืออีกแล้ว

จนถึงตอนนี้ดูเหมือนทุกคนจะลืมซีนาย รวมทั้งสำนักวิจัยทุกระดับชั้น

คนที่สืบทอดชื่อเสียงความเป็นอัจฉริยะก็คือเธอ นักวิจัยอายุน้อยที่สุดก็คือเธอ

บิลไม่รู้เรื่องที่ซีนายตัวหดเล็กลง แต่จำลักษณะรูปร่างหน้าตาของซีนายได้ดี

โดยเฉพาะการที่ซีนายไม่เหมือนคนอื่นๆ ในตระกูล ผมค่อนข้างสว่างกว่า

ตอนนี้อยู่ๆ เธอก็ได้เจออาที่หายสาบสูญไปสิบปีย่อมรู้สึกตะลึง ร่างกายแข็งทื่อในชั่วขณะ

“นี่ พวกคุณน่ะ รู้หรือเปล่าว่าที่นี่เข้มงวดเรื่องชนชั้น” เทียนเยียนกอดอก มองสำรวจพวกอิ๋งจื่อจินสามคนด้วยสายตาดูถูก “คุณหนูบิลอยู่ตรงนี้ พวกคุณยังจะกล้าเข้าไปก่อนอีกเหรอ”

อิ๋งจื่อจินแปลงโฉม เทียนเยียนเลยจำไม่ได้

ซีนายรู้สึกว่าบิลหน้าคล้ายกัน คิดว่าคงเป็นสมาชิกสักคนในตระกูลเรนเกล

แต่บิลเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งในรุ่นหนุ่มสาว เก่งทั้งวิชาการทั้งต่อสู้ ทั้งยังเคยถูกผู้วิเศษเรียกเข้าพบ

สมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลต่อให้สถานะสูงส่งแค่ไหน มีเหรอจะสูงไปกว่าบิลได้

“เข้มงวดเรื่องชนชั้นงั้นเหรอ” ซีนายพูดกึ่งยิ้ม แต่สายตากลับเย็นชา “ฉันเองก็คิดแบบนั้น”

“งั้นคุณยังไม่รีบเคลื่อนรถออกอีก” เทียนเยียนแสยะยิ้ม “รู้หรือเปล่าที่คุณมีเงินซื้อรถได้เป็นเพราะผลพวงจากการพัฒนาเทคโนโลยีของคุณหนูบิล”

มือของซีนายล้วงกระเป๋ายืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับ

ในที่สุดบิลก็ดึงสติกลับมาได้ เธอเดินขึ้นหน้า โค้งตัวทักทายซีนาย “อาคะ เกือบจำไม่ได้แล้ว ขออภัยที่หนูเสียมารยาทค่ะ”

สมองของเทียนเยียนค้างไปชั่วขณะ ราวกับถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบหัว สะเทือนไปถึงเยื่อแก้วหู

เธอได้ยินอะไรนะ

อะ…อาเหรอ

ล้อเล่นอะไรน่ะ

“โตเป็นสาวแล้ว แต่สายตาเลือกคบเพื่อนไม่ค่อยดีเท่าไร” ซีนายกวาดตามองเทียนเยียนที่ยืนตัวแข็งทื่อ “ได้ยินคณบดีนอร์แมนบอกว่า ผู้หญิงคนนี้พาคนไปรังแกนักศึกษาระดับต้นด้วยนี่”

“ไม่เก่งพอขึ้นระดับเอส แต่ความป่วยให้ระดับเอส อวดดีจริงนะ”

คำพูดนี้ทำให้เทียนเยียนตัวเย็นเฉียบ

เธอแข้งขาอ่อนแรง ทรุดลงไปคุกเข่าบนพื้น สีหน้าลนลาน “คุณซีนาย ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ ไม่ใช่แน่นอนค่ะ”

ซีนายรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักวิจัยได้อย่างไร

อิ๋งจื่อจินเป็นแค่นักศึกษาระดับต้น ทำไมเรื่องไปถึงคณบดีนอร์แมนได้

บิลกลับรู้ดีว่าคณบดีนอร์แมนให้ความสำคัญกับซีนายมากแค่ไหน เธอสั่งเสียงเข้ม “ไล่คนคนนี้ออกไป ต่อไปห้ามมาเหยียบที่นี่อีกแม้แต่ครึ่งก้าว”

“ครับ!”

คนคุ้มกันสองคนเดินขึ้นหน้า ล็อกตัวเทียนเยียนไว้

เทียนเยียนสีหน้าแตกตื่นยิ่งกว่าเดิม “คุณหนูบิล! คุณซีนายคะ!”

แต่พวกคนคุ้มกันก็ไม่ให้เวลาเธอได้ดิ้น ลากออกไปโยนทิ้งข้างนอกทันที

“อาคะ หนูคบเพื่อนไม่ระวังเอง” สายตาของบิลเคลื่อนไปที่อวี้เสวี่ยเซิงกับอิ๋งจื่อจิน “สองคนนี้คือใครเหรอคะ”

“เธอไม่มีสิทธิ์ถาม” ซีนายพูด “สนแต่เรื่องตัวเองก็พอ”

บิลยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

เธอเม้มริมฝีปาก แววตาขรึมลง “ค่ะอา”

บิลเหลือบมองอิ๋งจื่อจินที่สวมหมวก รู้สึกคุ้นๆ อย่างบอกไม่ถูก

น่าแปลก

ทำไมถึงมีความรู้สึกแบบนี้

ภายในสวนหย่อม

เมื่อวานบ่ายซีนายกลับมาแล้วครั้งหนึ่ง พวกคนรับใช้ถึงไม่ได้รู้สึกช็อกแบบก่อนหน้านี้

คุณนายสามก็พอบังคับให้ตัวเองนิ่งได้

เธอไม่รู้ว่าซีนายใช้อะไรกันแน่ถึงกลับคืนสภาพได้ แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวกับเธอ

ขอแค่ซู่เวิ่นไม่ฟื้นขึ้นมา ซีนายก็ไม่มีอำนาจอะไรในมือ

“คุณอวี้คะ ไม่พบกันนานเลยนะคะ” คุณนายสามยิ้มพลางเดินเข้าไปต้อนรับ “คุณหนูห้าของเราไม่ประสีประสา อยากจะเชิญคุณมาในเมืองแห่งโลกให้ได้”

“คุณนายสามเกรงใจเกินไปแล้วครับ” อวี้เสวี่ยเซิงหลบอย่างสุภาพ “เชิญครับคุณหนูห้า”

คุณนายสามหน้าบึ้ง ทำได้เพียงมองสามคนนั้นเดินเข้าไป

เธอนั่งอยู่กับโมเชี่ยนด้านนอก

คุณนายสามร้อนใจ “เกิดพวกเขาทำให้ซู่เวิ่นฟื้นขึ้นมาได้จะทำไงดีล่ะ”

“ทำไงน่ะเหรอ” โมเชี่ยนสูบบุหรี่ รู้สึกแปลกใจ “ล้อเล่นอะไรน่ะ ขนาดผู้วิเศษยังช่วยไม่ได้ นักสะกดจิตที่มาจากเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรยังจะทำได้อีกเหรอ”

“เราสองคนก็รู้ว่าโรคทางใจของซู่เวิ่นคืออะไร ก็คงหนีไม่พ้นพี่ใหญ่กับลูกสาวที่ตายไปของเธอ แต่ยี่สิบปีแล้วนะที่พี่ใหญ่ไม่กลับมา ลูกสาวของเธอก็ตายไปแล้ว ใครยังจะช่วยเธอได้อีก”

ฟังถึงตรงนี้คุณนายสามก็ใจเย็นลง

ถูกต้อง

ซู่เวิ่นไม่มีทางฟื้น

ภายในห้องรักษา

รอบเตียงเย็นเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์สารพัด มีข้อมูลแสดงผลมากมายละลานตา

นี่เป็นครั้งแรกที่อิ๋งจื่อจินเจอคุณนายซู่เวิ่นที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองแห่งโลก

คุณนายซู่เวิ่นนอนอยู่บนเตียงเย็น ใบหน้าไม่แตกต่างจากเมื่อยี่สิบปีก่อน

ความสวยของเธออาจไม่ถึงขั้นสยบทุกสายตา แต่บุคลิกในตัวเธอไม่มีใครเทียบได้

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง นั่งตรงหน้าเตียง เตรียมหยิบเข็มทองกับเข็มเงินออกมาจากกล่องยาว

เธอเพิ่งเปิดกล่อง

“หยุดนะ!” หมอรีบร้อนเดินมาจากห้องทำงานที่อยู่ติดกัน สีหน้าเคร่งเครียด “คุณจะทำอะไร”

อิ๋งจื่อจินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฝังเข็ม”

“ฝังเข็มเหรอ” หมอโมโหจนหัวเราะ “คุณฝังเข็มไม่ได้ พวกคุณเป็นนักสะกดจิตหรือเป็นแพทย์แผนจีนกันแน่”

“เป็นหมด” ซีนายขมวดคิ้ว “ทำไมถึงฝังเข็มไม่ได้”

“ขอโทษด้วยครับ” หมอยังคงปฏิเสธ พูดอย่างสุภาพแต่ฟังดูห่างเหิน “พวกเราไม่อนุญาตให้คนนอกใช้วิธีการรักษาที่ล้าหลังอย่างการฝังเข็มกับคุณนายใหญ่ครับ”

ยุคสมัยไหนแล้ว ยังจะฝังเข็มอีกเหรอ

วิธีแบบนี้ถูกเมืองแห่งโลกโละทิ้งไปตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อนแล้ว

ตอนนี้เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า พวกหุ่นยนต์สมองกลสามารถทำงานแทนมนุษย์ได้หลายอย่างแล้ว

อีกไม่นานพวกหน่วยอัศวินทั้งสี่ก็อาจตกงาน ใช้หุ่นยนต์แทนที่

เมืองแห่งโลกจึงไม่มีอาชีพอย่างนักสะกดจิต

หมอเองก็ไม่อยากมานั่งอธิบายเหตุผลให้คนที่เป็นแค่ผู้ช่วยฟัง เขาหันไป “คุณอวี้ครับ อย่าว่าแต่เอาเข็มทิ่มลงไปเลย ต่อให้คุณนายซู่เวิ่นผมร่วงเส้นเดียว มีคนแตะไหล่ของเธอ ชิปกับเครื่องมือต่างๆ ก็จะส่งข้อมูลไปที่สำนักผู้วิเศษครับ”

“พอถึงตอนนั้น ถ้าคุณนายใหญ่ฟื้นขึ้นมายังพอไหว แต่ถ้าไม่ฟื้น…” สายตาเฉียบคมของเขามองสำรวจอิ๋งจื่อจินกับอวี้เสวี่ยเซิง “พวกคุณจะถูกหน่วยอัศวินของสำนักผู้วิเศษจับตัวไปแล้วประหารทิ้งทันที ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ”

ซีนายกอดอก สายตาเย็นชา “ถ้าไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้ไงว่าไม่ฟื้น”

“คุณซีนายครับ ผลการประเมินความเสี่ยงจากการรักษาด้วยการฝังเข็มบ่งชี้ว่า มีอันตรายมากถึงเก้าสิบเก้าจุดเก้าเปอร์เซ็นต์” หมอทำมือกดๆ กลางอากาศ ไม่นานก็มีหน้าจอสามมิติเด้งขึ้นมา “คุณอยู่ในสำนักวิจัยมานานขนาดนี้ คงรู้ว่าเครื่องมือไม่มีทางผิดพลาดครับ”

บนหน้าจอแสดงความเป็นไปได้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับซู่เวินหลังการฝังเข็ม

ตายทันที 50%

เป็นเจ้าหญิงนิทรา 20%

ไม่มีความเปลี่ยนแปลง 15%

ดีขึ้นเล็กน้อย 5%

ความเป็นไปได้ที่จะฟื้นมีเพียงศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นต์

ซีนายขมวดคิ้ว

หมอพูดถูก

นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะตัดสินใจได้

คุณนายสามไม่กล้าแตะต้องซู่เวิ่นก็เพราะมีสำนักผู้วิเศษอยู่

เธอเชื่อในตัวอิ๋งจื่อจิน แต่สำนักผู้วิเศษกับคนอื่นๆ ในตระกูลเรนเกลไม่เชื่อ

ใครกันจะเชื่อคนที่เพิ่งมาเมืองแห่งโลก

“ไม่ต้องแล้วล่ะ” อิ๋งจื่อจินวางเข็มทองลง “ยังไม่ต้องทำ”

หมอถึงได้ลดความระแวงลง “ครับ ผมจะปลดล็อกระบบป้องกันเป็นการชั่วคราว ขอแค่พวกคุณไม่ทำให้คุณนายใหญ่มีอันตรายเป็นพอ”

เขากดปุ่ม ระบบป้องกันบนเตียงเย็นหายไปในชั่วพริบตา

อิ๋งจื่อจินจับข้อมือของซู่เวิ่น นิ้วของเธอขยับเล็กน้อย

ร่างกายของซู่เวิ่นเย็นมาก

สิบกว่าวินาทีต่อมาอิ๋งจื่อจินก็เอามือออก

ซีนายมีสีหน้าวิตกกังวล “เป็นไงบ้าง”

“เธอมีความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ แต่เธอไม่อยากฟื้น” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “พูดง่ายๆ ก็คือ เธอสร้างโลกที่สวยงามให้ตัวเองไว้ ดินแดนแห่งความฝันนี้งดงามกว่าโลกความเป็นจริง เธอก็เลยไม่จำเป็นต้องตื่น”

“ในทางจิตวิทยาพวกเราเรียกว่า ‘การหนี’” อวี้เสวี่ยเซิงพูด “หนีจากสิ่งเลวร้ายเข้าหาสิ่งดีเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อหลายปีก่อนผมก็เคยวินิจฉัยเอาไว้แบบนี้ครับ”

“แต่ตอนนี้อาการของเธอดีขึ้น เพราะผมสังเกตเห็นว่าดูเหมือนจะมีแรงจากภายนอกกำลังทำลายดินแดนในความฝันของเธอ มันเป็นเรื่องที่เธอรู้สึกแย่มาก แต่ถ้าความฝันนี้ถูกทำลาย เธอก็จะฟื้นขึ้นมาได้”

หมอรู้สึกทนฟังต่อไปไม่ไหว

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นหมอที่สำนักผู้วิเศษส่งมาด้วยตัวเอง มีหน้าที่รักษาซู่เวิ่นเกือบสิบปีแล้ว

เครื่องมือทางการแพทย์ทั้งหมดที่ราคาแพงถูกนำออกมาใช้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์

“อืม” อิ๋งจื่อจินพูด “ก่อนหน้านี้เธอมีการตอบสนองบางอย่างทางร่างกายด้วยใช่ไหม”

ฟังถึงตรงนี้หมอก็ตะลึง “มีครับ คุณรู้ได้ยังไง”

การสะกดจิตและจิตวิทยาเทพขนาดนี้เลยเหรอ

“นี่ก็คือแรงจากภายนอกที่ผมพูดถึง” อวี้เสวี่ยเซิงยิ้มบาง “นี่เป็นข่าวดี ก่อนหน้านี้ผมไม่มั่นใจว่าจะทำให้เธอฟื้นได้ แต่ตอนนี้มีอย่างน้อยหกสิบเปอร์เซ็นต์ครับ”

หมอถึงได้เริ่มเชื่อขึ้นมาบ้าง “ต้องใช้เวลานานแค่ไหนครับ”

“ดูที่ความแข็งแกร่งของแรงภายนอกนี้ อย่างเร็วก็สามเดือน นานกว่านั้นก็หนึ่งปี” อวี้เสวี่ยเซิงพูด “ผมกับผู้ช่วยจะมาสัปดาห์ละครั้งครับ”

อิ๋งจื่อจินพอเข้าใจอาการป่วยของซู่เวิ่นแล้ว เธอยืนขึ้น “ไปเถอะ”

ซีนายตามออกไป คิ้วยังคงขมวดแน่น

ทิ้งหมอไว้จดบันทึกข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับร่างกายของซู่เวิ่น หมอเหลือบเห็นบางอย่างโดยไม่ตั้งใจ

ซู่เวิ่นที่อยู่บนเตียงเย็นขยับนิ้ว ราวกับต้องการคว้าของบางอย่าง

หมออึ้ง รีบวิ่งไปตรวจดูอย่างละเอียด จากนั้นก็มองจอดูอัตราการเต้นของหัวใจและคลื่นสมองที่อยู่บนเครื่องมือการแพทย์

สุดท้ายก็ยังคงไม่พบอะไรผิดปกติ

หมอขมวดคิ้ว

เขาอาจมองผิดเอง

ซีนายออกมาจากห้องรักษาแล้วไปยังห้องแลปที่อยู่ข้างกัน

เธอค้นบนชั้น

“หาอะไรเหรอ” มีเสียงดังอยู่ด้านหลังเธอ “หาตัวอย่างเลือดของคุณนายใหญ่เหรอ โทษทีนะ ไม่มีแล้ว”

ซีนายเอามือลง หันหน้าไป นัยน์ตาสีน้ำเงินฉายแววเย็นชา

นี่ต่างหากนิสัยและลักษณะท่าทางที่เป็นปกติของเธอ

เย็นชา ไม่มีความนุ่มนวลแม้แต่น้อย

โดยเฉพาะการที่เมื่อก่อนซีนายเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องทดลองกับพวกเครื่องมือต่างๆ มีความสดใสและร่าเริงแบบเด็กสาววัยรุ่นที่อายุเท่ากันที่ไหนกัน

คุณนายสามไม่ชอบซีนายแม้แต่น้อย

คุณนายสามแสยะยิ้ม “ตัวอย่างเลือดของคุณนายใหญ่ที่เคยเก็บไว้ ในสิบปีคุณใช้อยู่คนเดียว คุณเอาตัวอย่างเลือดพวกนี้ไปตามหาคนที่ตายไปแล้ว”

“สิบปีแล้วนะ คุณคิดว่าตัวอย่างเลือดใช้ได้ไม่มีวันหมดเหรอ”

วิทยาการของเมืองแห่งโลกเจริญก้าวหน้ามาก

วิธีพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ลูกก็มีหลากหลายแบบ

แต่สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนคือ จำเป็นต้องใช้สิ่งต่างๆ ในร่างกายเพื่อพิสูจน์ เช่น เลือด เส้นผม

ซีนายไม่พูดอะไร ออกจากห้องแลป

คุณนายสามมองซีนาย สีหน้าขรึมลง

ทำไมคนที่จับซีนายกรอกยาตอนนั้นถึงไม่ฆ่าซีนายให้จบๆ เรื่อง

แต่ก็นะ

ถ้าลูกหลานสายตรงคนไหนก็ตามของตระกูลเรนเกลตายก็จะต้องถูกจับขึ้นศาลผู้วิเศษ เพื่อให้ทั้งสำนักผู้วิเศษทำการตัดสิน

คุณนายสามก็ได้แต่คิด ส่วนเรื่องลงมือทำ เธอมีเหรอจะกล้า

ด้านนอก

อวี้เสวี่ยเซิงเอารถมาจอดแล้ว

ซีนายก้มตัวขึ้นรถ กำลังจะพูด

แต่อิ๋งจื่อจินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่ายหน้าให้เบาๆ

เธอพิมพ์ข้อความ

[มีคนสะกดรอยตาม ถูกติดตั้งอุปกรณ์ติดตามในรถ]

ซีนายเข้าใจ

อวี้เสวี่ยเซิงที่อยู่ตรงที่นั่งคนขับเริ่มออกรถ เข้าสู่เส้นทางจราจรบนฟ้า

อิ๋งจื่อจินหลับตาลง พิงหน้าต่างพักสายตา

ในความเป็นจริง กำลังภายในของจอมยุทธ์กำลังถูกปล่อยออกมาอย่างเงียบๆ บดขยี้อุปกรณ์ติดตามทุกตัวที่อยู่บนรถ

“อาอิ๋ง ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อเธอนะ” ซีนายเงียบไปชั่วครู่ “ฉันเคยไปข้างนอกหลายครั้ง รู้ว่าจอมยุทธ์กับแพทย์แผนโบราณมีความมหัศจรรย์ขนาดไหน แต่สำนักผู้วิเศษไม่เชื่อ พวกเขาเชื่อแค่ข้อมูลที่อยู่บนเครื่องมือต่างๆ”

อิ๋งจื่อจินหันมา “หมายความว่า ขอแค่ได้รับอนุญาตจากผู้วิเศษคนใดคนหนึ่งในสำนักผู้วิเศษก็ได้แล้วงั้นเหรอ”

“เป็นแบบนั้น” ซีนายส่ายหน้าเล็กน้อย “แต่จะไปขอจากไหน”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ได้”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset