ตอนที่ 697 ผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูล ทำไมถึงได้กล้าแตะต้อง
ถึงแม้ฉินหลิงเยี่ยนก็ไม่รู้ว่าทำไมบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของฟู่อวิ๋นเซินถึงมีเบอร์อวี้เซ่าอวิ๋น
แต่เขาแน่ใจได้ว่านี่คือชื่อของหัวหน้าตระกูลอวี้
ตระกูลอวี้ก็เคยจ้างแฮกเกอร์ของสมาพันธ์แฮกเกอร์ ประธานสมาพันธ์ก็เคยพูดชื่ออวี้เซ่าอวิ๋นให้ฉินหลิงเยี่ยนฟังหลายครั้ง
บอกว่าน่าเสียดายจริงๆ ที่กลายเป็นเครื่องมือแย่งชิงอำนาจของตระกูล
“ล้อเล่นอะไรน่ะ” ชายวัยกลางคนมองมา เห็นชื่ออวี้เซ่าอวิ๋นแล้ว เขาแสยะยิ้ม “แกคิดว่านี่คือเบอร์มือถือของหัวหน้าตระกูลอวี้เหรอ ฉันล่ะสงสัยว่าเอาเบอร์คอลเซ็นเตอร์มาบันทึกเป็นชื่อหัวหน้าตระกูลอวี้ล่ะไม่ว่า”
ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เอาเรื่อง “เอาสิ กล้าแอบอ้างชื่อหัวหน้าตระกูลอวี้ ความผิดเพิ่มอีกหนึ่งกระทง!”
แม้แต่เขายังไม่เคยเจออวี้เซ่าอวิ๋น แล้วชาวบ้านธรรมดาจะมีเบอร์ติดต่ออวี้เซ่าอวิ๋นได้ยังไง
อวี้เซ่าอวิ๋นเป็นคนระดับไหน
คนที่ทำให้หัวหน้าตระกูลอวี้ติดต่อมาด้วยตัวเองได้ อย่างน้อยก็ต้องระดับประธานสมาพันธ์แฮกเกอร์
ฉินหลิงเยี่ยนงง “ประสาทหรือเปล่า”
เขาไม่สนใจชายวัยกลางคน “เหล่าฟู่ รับไหม”
“ไม่ต้องรับ ฉันยุ่งอยู่” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ
เขาหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดมือ
จากนั้นก็ปัดฝุ่นบนเสื้อเชิ้ตสีดำ เหยียบบอดี้การ์ดชุดดำสิบกว่าคนนั้น เหลือบตาขึ้นแล้วยิ้มพลางพูด
“ดีจริงๆ ถึงตาแกแล้ว”
“พะ…พ่อ!” อีวานอดถอยหลังไม่ได้ ร้องโวยวายไม่หยุด “พ่อ ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย!”
ชายวัยกลางคนหันกลับมาถึงได้เห็นบอดี้การ์ดที่เขาพามาถูกซัดหมอบหมดแล้ว
ตระกูลมอร์แกนไม่ถือเป็นตระกูลใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นตระกูลสูงศักดิ์ บอดี้การ์ดย่อมมีฝีมือ
ทำไมถึงถูกล้มได้ง่ายๆ แบบนี้
“คะ คนชั้นต่ำ!” ชายวัยกลางคนตัวสั่น “แกจบแน่ ฉันขอบอกเลย ชีวิตแกจบสิ้นแน่!”
เขาพูดจบก็ไม่แม้แต่จะสนบอดี้การ์ดพวกนั้น รีบพาอีวานวิ่งหนีไปอย่างทุลักทุเล
“แค่นี้น่ะเหรอ” ฉินหลิงเยี่ยนอ้าปากค้าง “เดี๋ยวนะ พวกเขากล้าได้ไงวะ”
เขานึกถึงประเด็นสำคัญขึ้นมาได้ สงสัยไม่ไหว “เหล่าฟู่ นายเป็นอะไรกับหัวหน้าตระกูลอวี้”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่สนใจเขา มือข้างหนึ่งเอาเสื้อคลุมพาดบ่าแล้วเดินขึ้นหน้า “ซื้อเสร็จแล้วเหรอเยาเยา”
“อืม ซื้อสูทมาให้ด้วยสองสามชุด” อิ๋งจื่อจินพูด “กลับไปลองใส่ดู”
เธอย่อมเห็นพวกบอดี้การ์ดชุดดำที่นอนเกลื่อนพื้น เดินข้ามไปอย่างใจเย็น
ส่วนทางด้านฉินหลิงอวี๋ก็โยนถุงกระดาษสิบกว่าใบใส่อกฉินหลิงเยี่ยน “คนเพี้ยน ถือไว้”
“ถุย!” ฉินหลิงเยี่ยนโมโห “นั่นเขาเป็นแฟนกัน ฉันเป็นพี่เธอ เก่งนักก็หาแฟนมาช่วยถือของสิ”
“หาไม่ได้” สองมือของฉินหลิงอวี๋ล้วงกระเป๋า พูดอย่างไม่แคร์ “ฉันเตรียมจะอยู่กับแฟนๆ ไปตลอดชีวิตแล้ว โสดดีจะตาย”
ฉินหลิงเยี่ยน “…”
ช่วยไม่ได้ มีน้องสาวอยู่คนเดียว
นอกจากถูกรังแกแล้วเขายังจะทำอะไรได้อีก
…
ทางด้านตระกูลอวี้
เซ่าอวิ๋นมองโทรศัพท์มือถือแล้วถอนหายใจ
สองมือของเขาประสานกัน เม้มริมฝีปากแน่น มองเอกสารหลายฉบับ
ในเอกสารเป็นบันทึกเวลาและสถานที่ที่สัญลักษณ์หัวกะโหลกสีดำปรากฏ
และที่ไหนก็ตามที่มีสัญลักษณ์นี้ปรากฏก็ล้วนแต่มีคนบาดเจ็บล้มตายมากน้อยแตกต่างกันไป
แต่สัญลักษณ์นี้ปรากฏไม่บ่อย ยังไม่ถึงกับทำคนตายเยอะมากกว่าอุบัติเหตุ
ก็เลยไม่มีคนให้ความสำคัญเท่าไร
เซ่าอวิ๋นตามสืบเรื่องพวกนี้มานานมาก แต่ก็ยังสืบไม่พบว่าอิทธิพลไหนในเมืองแห่งโลกที่ใช้สัญลักษณ์หัวกะโหลกสีดำ
ถ้าเป็นสถานที่ที่แม้แต่ตระกูลอวี้ก็ยังเข้าไม่ถึง เซ่าอวิ๋นนึกได้อยู่ที่เดียว…
สำนักผู้วิเศษ
จะเป็นผู้วิเศษคนไหน หรือใครกันแน่
คิ้วของเซ่าอวิ๋นขมวดแน่น
จนกระทั่งหัวคนคุ้มกันเข้ามารายงานด้วยความรีบร้อน “ท่านหัวหน้าตระกูลครับ ตระกูลมอร์แกนมาขอเชิญท่านไปหน่อยครับ”
นามสกุลที่ไม่คุ้นแบบนี้ ทำให้เซ่าอวิ๋นเกิดความสงสัย “มอร์แกนเหรอ”
หัวหน้าคนคุ้มกันรีบกำมือคารวะแล้วตอบ “เป็นหนึ่งในตระกูลที่ส่งสินค้าให้พวกเรา ก่อนหน้านี้นายใหญ่ตระกูลมอร์แกนเพิ่งได้รับแต่งตั้งยศมาร์ควิสจากสำนักผู้วิเศษครับ”
ผู้วิเศษจักรพรรดินีมีสถานะสูงส่งก็เพราะว่าเธอมีอำนาจในการแต่งตั้งยศของตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหลายในเมืองแห่งโลก
ตระกูลอวี้กับตระกูลเรนเกลย่อมเป็นสองอิทธิพลชั้นยอดของเมืองแห่งโลก
แต่ตราบใดที่สำนักผู้วิเศษเอ่ยปาก สองตระกูลนี้ก็จะถูกกำจัดได้ในเวลาอันรวดเร็ว
“ตระกูลส่งสินค้าเหรอ” เซ่าอวิ๋นพยักหน้า ไม่แคร์เท่าไร “มีเรื่องอะไรกัน”
ตระกูลน้อยใหญ่ที่พึ่งพาตระกูลอวี้มีเยอะมาก เอาแค่ตระกูลที่ส่งสินค้าให้ก็มีถึงสามสิบสี่สิบตระกูลแล้ว
ตระกูลอวี้มีคนดูแลธุรกิจให้โดยเฉพาะ ต้องมีเรื่องใหญ่เท่านั้นถึงจะมารายงานหัวหน้าตระกูล
ตระกูลส่งสินค้าแค่ตระกูลเดียวยังไม่มีสิทธิ์นั้น
“มีคนเจตนาไม่ดีเอาชื่อท่านไปแอบอ้างครับ ทั้งยังก่อเหตุวิวาทด้วย” หัวหน้าคนคุ้มกันก็รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ “ท่านหัวหน้าตระกูลครับ เรื่องเล็กแค่นี้ให้พวกเราไปจัดการก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันจะไปหาเจ้าเจ็ดพอดี” เซ่าอวิ๋นยืนขึ้น สวมเสื้อคลุมกันลม “แวะไปดูที่ตระกูลมอร์แกนหน่อยก็ได้”
…
ตระกูลมอร์แกน
นายใหญ่มอร์แกนฟังสองพ่อลูกเล่าจบก็ตกใจ “คนเดียวล้มบอดี้การ์ดสิบกว่าคนได้จริงเหรอ”
มีชาวบ้านธรรมดาที่เก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
“จะ จริงครับ” อีวานปากสั่นฟันกระทบกัน “ผมเห็นมากับตา ไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ”
“สมควรรายงานเรื่องนี้ให้ตระกูลอวี้รู้” นายใหญ่มอร์แกนพยักหน้า “สืบประวัติคนคนนี้ให้ละเอียด จะเป็นสปายหรือเปล่า”
“ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ผมต้องเอามันให้ตาย!” อีวานแสยะยิ้ม “ผมถูกใจแฟนมัน ผมจะเอา”
เซ่าอวิ๋นเพิ่งเข้ามา ได้ยินคำพูดนี้พอดี สีหน้าของเขาเย็นชาลงทันที
หัวหน้าคนคุ้มกันขมวดคิ้ว
ตระกูลมอร์แกนเลี้ยงคนให้ออกมาเป็นแบบไหนกัน
เคยได้ยินมานานแล้วว่าพวกแวดวงคุณชายเละเทะมาก นึกไม่ถึงว่าจะกักขฬะได้ขนาดนี้
“ท่านหัวหน้าตระกูล!” พอเห็นเซ่าอวิ๋น คนตระกูลมอร์แกนก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งด้วยความนอบน้อมทันที “ท่านหัวหน้าตระกูลมาด้วยตัวเองเลยเหรอครับ”
เขาพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ กล้าๆ กลัวๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่อวี้เซ่าอวิ๋นมาเยือนตระกูลมอร์แกน
หรือพวกเขาจะได้เกาะบารมีแล้ว
อวี้เซ่าอวิ๋นส่ายมือ มองอีวานแล้วขมวดคิ้วพูด “พวกคุณกำลังพูดถึงใคร”
“ท่านหัวหน้าตระกูล คนนี้ครับ” ชายวัยกลางคนรีบยื่นรูปถ่ายให้ดู เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง “เขาลบหลู่อำนาจของท่านหัวหน้าตระกูล เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ทำตัวเอาใหญ่แล้ว”
ชั่วขณะที่เห็นรูปนั้น หัวหน้าคนคุ้มกันถึงกับใจหายวาบ
ไอ้โง่เอ๊ย จบสิ้นแล้ว
เซ่าอวิ๋นมองรูปถ่าย ค่อยๆ กำมือแน่น มีเส้นเลือดปูดที่หน้าผาก
เขาพูดพึมพำเสียงเบา “เขาไม่พูดอะไรเลย ไม่บอกอะไร”
ทั้งๆ ที่แค่มาบอกเขาคำเดียวก็ได้แล้ว
เขาเองก็อยากเป็นพ่อที่ปกป้องลูกบ้าง
พลาดแล้ว ไม่ใช่ผิด แต่ว่าผ่านแล้วผ่านเลย
เวลาไม่อาจหวนคืน
ต่อให้ชดเชยมากขนาดไหนก็เติมเต็มไม่ได้
หัวหน้าคนคุ้มกันอึ้ง ไม่เข้าใจ “ท่านหัวหน้าตระกูล”
“ชริ้ง”
ทันใดนั้นดาบได้ถูกดึงออกจากฝัก
ดาบยาวสีเงินจ่ออยู่ที่คอของอีวาน
การกระทำนี้ของอวี้เซ่าอวิ๋นทำให้คนตระกูลมอร์แกนตั้งตัวไม่ทัน
“ทะ…ท่านหัวหน้าตระกูล” อีวานแข้งขาอ่อนแรง ทรุดลงไปคุกเข่าบนพื้น “ท่านหัวหน้าตระกูล ท่าน…ทำอะไรเหรอครับ”
เขาล่วงเกินอวี้เซ่าอวิ๋นตั้งแต่เมื่อไรกัน
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องที่ตัวเองบอกว่าอวี้เซ่าอวิ๋นเป็นลูกพี่ใหญ่ของพ่อเขา ตัวสั่นขึ้นมาทันที “ไม่ใช่นะครับท่านหัวหน้าตระกูล ผมไม่ได้คิดจะหมิ่นอำนาจของตระกูลอวี้ ผะ ผมแค่พูดไปเพราะไม่อยากเสียหน้า จริงๆ นะครับ!”
นายใหญ่มอร์แกนโล่งอก เขารีบพูดขึ้น “ท่านหัวหน้าตระกูล อีวานยังเด็ก ย่อมมีพูดไม่คิดบ้าง”
สายตาของเซ่าอวิ๋นเย็นชา “เมื่อกี้ว่าไงนะ พูดอีกรอบซิ”
อีวานอึ้ง รู้สึกกลัว ตัวสั่นไม่กล้าเปิดปาก
ชายวัยกลางคนกลับดีใจ แอบดันหลังอีวานเบาๆ “อีวาน พูดสิ ท่านหัวหน้าตระกูลจะช่วยจัดการให้แล้ว”
อวี้เซ่าอวิ๋นออกหน้า ต่อให้ชาวบ้านจะสู้เก่งแค่ไหน ยังจะรอดอีกเหรอ
“ผะ ผมแย่งแฟนของเขาต่อหน้าเขา” อีวานกัดฟันแล้วพูดออกไปรวดเดียว “ผมแค่อยากให้เขาเห็นว่า ให้เขา…โอ๊ย!”
ประกายคมดาบแวบผ่านสองครั้ง ตามมาด้วยเสียงร้องโอดครวญด้วยความทุกข์ทรมาน
ฟังแล้วชวนขนลุก สะเทือนแก้วหู
แขนสองข้างของอีวานถูกตัดหล่นพื้น บาดแผลถูกตัดขาดสะบั้น เลือดไหลนอง
เขาล้มไปบนพื้น ดิ้นทุรนทุราย ร้องโวยวายไม่หยุด ไม่มีความอวดดีแบบเมื่อก่อนหลงเหลือ
มีเสียงชริ้งดังขึ้นอีกรอบท่ามกลางความเงียบ
ดาบถูกเก็บเข้าฝักโดยไม่เปื้อนเลือดสักหยด
ทุกคนในตระกูลมอร์แกนต่างตกตะลึง
“อีวาน!” ชายวัยกลางคนร้องด้วยความตกใจ รีบกระโจนเข้าไป “อีวาน! ลูกพ่อ ลูกพ่อ!”
เซ่าอวิ๋นไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย สายตาเย็นชา
ชายวัยกลาคนเงยหน้า ใบหน้าซีดเซียว “ทะ ท่านหัวหน้าตระกูล?”
ตระกูลอวี้หมายความว่ายังไงกันแน่!
“เขาไม่ยอมรับฉัน แต่เขาเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลอวี้เสมอ ผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูล” เซ่าอวิ๋นโน้มตัวลง ข่มความโกรธ พูดเสียงแข็ง “ทำไมถึงได้กล้าแตะต้องเขา”