ตอนที่ 699 ตะลึงตาค้าง ตายแน่!
“มาแล้วๆ เดิมทีผมออกมานานแล้ว ปรากฏว่าวันนี้รถติด” ฉินหลิงเยี่ยนบ่น “มีเด็กคนนึงเล่นสเกตบอร์ดคึกคะนองบนท้องฟ้า เกือบทำเกิดอุบัติเหตุต่อเนื่อง”
“ตอนนั้นผมกินบะหมี่ถ้วยอยู่ เลอะหมดทั้งหน้า”
อิ๋งจื่อจิน “…”
ยาเล่นแร่แปรธาตุประเภทนั้นทำลายระบบประสาทของซีนายมากทีเดียว
ตอนร่างกายของซีนายปกติกับตอนกลายเป็นเด็ก นิสัยแตกต่างกันมาก
เธอแค่ช่วยซีนายระงับอาการที่ไม่ดีส่วนหนึ่งเอาไว้ชั่วคราว ไม่ได้ตัดรากถอนโคน
อิ๋งจื่อจินเตรียมเอาซีนายไปทิ้งไว้ให้นอร์ตันโดยเร็วที่สุด ให้เขาทำยาแก้
“ตอนนี้ไม่มีบะหมี่ถ้วย” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าให้เขาเบาๆ
“มีเครื่องดื่ม อยู่ในตู้เย็นเล็ก ไปหยิบเอาตามสบาย”
“เฮ้อ ก็ได้” ฉินหลิงเยี่ยนลูบหัว พูดพึมพำ “ผมจะควบคุมตัวเอง”
บทสนทนาของทั้งสองคนไม่ต่างกับคุยกันปกติทั่วไป
“…”
เกิดความเงียบทั้งห้องทดลอง ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจ
แม้แต่เยี่ยซือชิงยังมองด้วยความตะลึง เห็นฉินหลิงเยี่ยนนั่งลงหน้าตาเฉย เอาคอมพิวเตอร์วางบนโต๊ะ
“คุณเป็นรุ่นพี่ของบอสผมเหรอ” ฉินหลิงเยี่ยนส่ายมือ “ไม่ต้องเกรงใจนะ เดี๋ยวผมจะช่วยเขียนโค้ดส่วนหลังให้ ยังไงซะช่วงนี้ผมก็ว่างอยู่ ไม่มีอะไรทำ”
“ไว้เดี๋ยวตอนลองเอายานอวกาศขึ้นบิน แค่พาผมไปด้วยก็พอ”
เขาโตจนป่านนี้ยังไม่เคยไปเที่ยวดาวดวงอื่นเลย
ไปดาวอังคารก็ได้
เยี่ยซือชิงยังอึ้งอยู่ วิญญาณหลุดลอยไปแล้ว “หา? อ่อๆ…”
ใช่ว่าโปรเจ็กต์นี้จะขอความช่วยเหลือจากภายนอกไม่ได้ แต่ส่วนขับเคลื่อนที่เป็นหัวใจสำคัญจำเป็นต้องให้นักศึกษาภายในกลุ่มทำกันเอง
อย่างพวกโค้ดที่ต้องเขียนตอนหลัง เดิมทีขอให้นักศึกษาคณะคอมพิวเตอร์ช่วยได้
แต่นักศึกษาคณะคอมพิวเตอร์เมื่อเทียบกับแฮกเกอร์ของสมาพันธ์แฮกเกอร์ก็ยังด้อยกว่าหน่อย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า นี่เป็นถึงนายน้อยที่ประธานสมาพันธ์แฮกเกอร์แต่งตั้งเอง วันหน้าต้องสืบทอดตำแหน่งประธานสมาพันธ์แฮกเกอร์ต่อ
สาเหตุที่สวีจิ่งซานอยากไปอยู่กลุ่มเอมาตลอดเป็นเพราะกลุ่มเอพึ่งเส้นสายของบิล ติดต่อนักวิจัยระดับเอของคณะคอมพิวเตอร์ได้
กลุ่มบีอย่างมากสุดก็ได้แค่ขอให้นักศึกษาทั่วไปช่วย
ฝีมือไม่ใช่แค่ห่างชั้นธรรมดา
สวีจิ่งซานคิดว่าพอเขาไปแล้ว กลุ่มบีต้องเขียนโค้ดในส่วนหลังไม่ได้แน่ เขารู้สึกสะใจ
แต่นายน้อยสมาพันธ์แฮกเกอร์!
วันนั้นคนที่ไปคุยธุรกิจกับสมาพันธ์แฮกเกอร์ไม่ใช่อาจารย์มั่วเฟิงกับคุณหนูบิลเหรอ
แล้วอิ๋งจื่อจินรู้จักกับฉินหลิงเยี่ยนได้ยังไง แถมยังดูสนิทกันด้วย!
พอเห็นฉินหลิงเยี่ยนกับอิ๋งจื่อจินคุยกันสนิทสนมแบบนี้ บิลก็เม้มริมฝีปาก ตะลึงไปชั่วขณะเช่นกัน
วันนั้นเธอไม่ได้เจอฉินหลิงเยี่ยนจริงๆ แค่ได้พบประธานสมาพันธ์แฮกเกอร์
ประธานสมาพันธ์แฮกเกอร์เป็นชายสูงวัยที่อารมณ์ไม่คงที่ สุดท้ายเรื่องธุรกิจก็เป็นพวกเขากับเชียนจวินคนดูแลของฉินหลิงเยี่ยนที่พูดคุยตกลงกัน
บิลมองอิ๋งจื่อจิน แววตาขรึมลงเล็กน้อย เล็บจิกเข้าฝ่ามือ พูดด้วยเสียงเย็นชาสุดขั้ว “มัวเหม่ออะไร ไปได้แล้ว”
สวีจิ่งซานไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
เขารีบเดินตามหลัง ใบหน้าร้อนผ่าว
นึกถึงเมื่อครู่ที่เขาพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่าฉินหลิงเยี่ยนต้องมาหาบิลแน่นอน เขาก็แทบอยากจะตบปากตัวเอง
“เธอรู้จักกับนายน้อยฉินได้ยังไง” สวีจิ่งซานเดินไปที่ป้ายรอรถ ยังคงไม่อยากเชื่อ “ทำไมเธอถึงรู้จักได้”
เขารู้ข้อมูลของอิ๋งจื่อจินดี เป็นแค่พลเมืองชั้นสอง
ไร้อำนาจไร้อิทธิพล ไม่มีความโดดเด่นอะไร
“ถามฉันแล้วฉันจะไปถามใคร” บิลหงุดหงิดมาก “หุบปากไปซะ คิดว่าพวกเขาได้นายน้อยฉินมาช่วยแล้วจะข่มกลุ่มของพวกเราได้เหรอ”
ถ้าส่วนของแรงขับเคลื่อนที่เป็นหัวใจหลักล้มเหลว ต่อให้เป็นประธานสมาพันธ์แฮกเกอร์เขียนโค้ดให้ด้วยตัวเอง ยานอวกาศก็ไม่มีทางบินขึ้นได้ แล้วจะบินไปในเส้นทางที่กำหนดได้ยังไง
“ขอโทษครับคุณบิล” สวีจิ่งซานรีบขอโทษ “ผมแค่แปลกใจเกินไปหน่อย อย่าถือสาเลยนะครับ”
เขายังต้องพึ่งบิลเพื่อเข้าสู่แวดวงไฮโซ คลุกคลีกับตระกูลเรนเกล ห้ามล่วงเกินเป็นอันขาด
บิลหน้าบึ้ง ไม่พูดอะไร
เรื่องที่อิ๋งจื่อจินเชิญฉินหลิงเยี่ยนมาช่วยได้ยิ่งทำให้เธออารมณ์เสีย
อีกทั้งพรุ่งนี้ก็จะถึงเวลานัดที่สองนักสะกดจิตที่ซีนายพามารักษาซู่เวิ่นแล้ว
แม้สัปดาห์ที่ผ่านมานี้บิลจะไม่ได้กลับตระกูลเรนเกล แต่ก็ยังคงได้รับแจ้งข่าวใหม่ทุกวัน
หลายวันมานี้ผลตรวจสุขภาพและคลื่นไฟฟ้าสมองของซู่เวิ่นฟื้นกลับมาเหมือนคนปกติแล้ว
ถ้าไม่เกิดเหตุไม่คาดคิด ซู่เวิ่นก็จะใกล้ฟื้นเต็มที
พอซู่เวิ่นฟื้น อำนาจที่อยู่ในมือสองครอบครัวก็จะถูกยึดกลับไป
แต่หัวหน้าตระกูลลูเอลก็หายสาบสูญไปนานเหลือเกิน ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นหรือตาย
สุดท้ายซู่เวิ่นก็เป็นแค่คนที่แต่งเข้าตระกูลเรนเกล ไม่มีสิทธิ์เป็นตัวแทนสืบทอดตระกูลเรนเกล
ทนอีกระยะหนึ่ง ขอแค่ยังคงไม่มีข่าวของลูเอล สำนักผู้วิเศษก็จะมีคำสั่งให้ตระกูลเรนเกลเลือกหัวหน้าตระกูลคนใหม่
บิลหลุบตาลง ปกปิดความไม่พอใจในดวงตา
เธอทนไหว รอได้
…
วันต่อมา
ตอนเช้า
อวี้เสวี่ยเซิงขับรถมาที่สำนักวิจัยอีกครั้ง มารับอิ๋งจื่อจินพร้อมซีนาย
ซีนายกินยาคืนสภาพชั่วคราวอีกครั้ง กลับมาเป็นร่างผู้ใหญ่
อิ๋งจื่อจินสังเกตเห็นรอยกระสุนถากที่คอขาวนวลได้อย่างชัดเจน
อีกทั้งยังเป็นแผลใหม่
สีหน้าของเธอชะงัก “เกิดอะไรขึ้น”
“เมื่อเช้าหลังจากที่กลับคืนสภาพก็ถูกโจมตี” ซีนายลูบบาดแผลของตัวเอง สายตาเคียดแค้น “แต่น่าเสียดาย คนที่ทำร้ายฉันตายหมดแล้ว จับมือมืดที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้”
เธออุตส่าห์ไว้ชีวิต แต่ยังไม่ทันได้ใช้ปืนอ่านความทรงจำ อีกฝ่ายก็กินยาพิษตายไปเสียก่อน
สุดท้ายแม้แต่ศพก็สลายไปเองโดยอัตโนมัติ
ซีนายรู้ว่าคนที่โจมตีเธอเป็นพวกเดียวกับที่ตอนนั้นจับเธอกรอกยา
อย่างไรเสียตอนที่เธอเป็นเด็กก็ไม่เคยได้รับบาดเจ็บอะไร
แต่พอกลับคืนสภาพเดิม ความยุ่งยากก็มาหาถึงที่
“พอพ้นวันนี้เธอหยุดกินยาก่อนชั่วคราว” แววตาของอิ๋งจื่อจินขรึมลง “ฉันหาเพื่อนเจอแล้ว อย่างช้าสุดพรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปหาเขา อยู่กับเขาจะปลอดภัยกว่า”
ขณะพูดเธอก็เหลือบตาขึ้น “เธอกลับคืนสภาพมาหลายครั้ง เกรงว่าคงดึงดูดความสนใจของคนในที่ลับเข้าแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าอิทธิพลมืดที่จับซีนายกรอกยาไม่ได้ต้องการชีวิตเธอ
ก็แค่ต้องการทำลายสมรรถนะในร่างกายและระบบประสาทของเธอ ลดระดับสติปัญญาของเธอ ขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของคณะวิศวกรรมศาสตร์
“อืม” ซีนายพยักหน้า “อาอิ๋ง เพื่อนเธออยู่ที่ไหนเหรอ พอฉันกลายเป็นเด็กนิสัยจะแย่มาก กลัวทำเพื่อนเธอโมโห”
“ไม่เป็นไร เขาก็นิสัยแย่เหมือนกัน” อิ๋งจื่อจินคิดแล้วก็พูดเตือนอีกหน่อย “เขาเป็นคนเพี้ยนๆ อารมณ์แปรปรวน วางใจได้ ฉันจะพยายามเน้นย้ำกับเขาว่า ต่อให้เขาอยากรู้อยากเห็นแค่ไหนก็ห้ามผ่าเธอ”
ตอนนั้นที่เธอเจอกับนอร์ตันครั้งแรก นอร์ตันสงสัยในตัวเธอมาก
อยากผ่าร่างกายเธอเพื่อดูว่าดีเอ็นเอกับร่างกายส่วนอื่นของเธอมีความพิเศษกว่าคนธรรมดาตรงไหน ทำไมถึงมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้
ต่อมานอร์ตันก็สู้แพ้เธอ ถึงได้ล้มเลิกความคิดนี้
เคสของซีนายก็เป็นเคสแรกเหมือนกัน กลัวว่าคนเพี้ยนที่สนใจแต่การเล่นแร่แปรธาตุจะอยากผ่าตัดอีกครั้ง
ซีนาย “…”
ทำไมต้องอยากผ่าเธอ คนแบบไหนกัน
ขณะที่ทั้งสองคนคุยกันอยู่นั้น รถก็ได้มาหยุดที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลเรนเกลแล้ว
ซีนายลงจากรถ
บิลเดินขึ้นหน้าอย่างไม่สบอารมณ์นักเพราะคุณนายรองสั่ง เธอเรียกด้วยความนอบน้อม “อาคะ”
ซีนายเดินผ่านเธอไป ไม่สนใจ พาอิ๋งจื่อจินกับอวี้เสวี่ยเซิงเข้าไปภายในห้องรักษา
บิลชะงัก
เธอจิกฝ่ามือ รู้สึกทนไม่ไหว “แม่คะ อาทำเกินไปแล้ว ตัวเองหายไปสิบปี พอกลับมายังจะวางมาดอวดดีแบบนี้อีก”
คุณนายรองมองตามหลังซีนาย กำลูกประคำในมือ ยิ้มบาง “อีกไม่นานก็ไม่อยู่แล้ว”
บิลอึ้ง “แม่คะ?”
“พวกเราแค่รอดูเรื่องสนุกก็พอ” คุณนายรองไม่ได้อธิบาย “ผลลัพธ์เป็นยังไงยังจะไม่รู้อีกเหรอ ไม่จำเป็นต้องเข้าไปพัวพัน”
ไม่ไกลออกไป
นอกห้องรักษา
คุณนายสามนั่งอยู่หน้าห้อง กัดฟันพูด “เป็นไงบ้าง หาวิธีได้หรือยัง”
เธอไม่มีทางยอมให้ซู่เวิ่นฟื้นเป็นอันขาด
ตรงหน้าเธอคือหมอที่ทำการรักษาซู่เวิ่นมาตลอด
“คุณนายสามวางใจได้ครับ คุณนายซู่เวิ่นไม่มีทางฟื้นแน่นอน” หมอพูด “ผมเข้าใจแนวทางรักษาของเธอแล้ว วันนี้ขอแค่เธอทิ่มเข็มลงไป คุณนายซู่เวิ่นก็จะเสียเลือดมาก”
คุณนายสามขมวดคิ้ว “เสียเลือดมากเหรอ วางแผนรอบคอบหรือเปล่า”
“รับรองไม่มีพลาดครับ” หมอพูดต่อ “เรื่องนี้ไม่มีทางเกี่ยวข้องกับตระกูลเรนเกลและห้องรักษา”
“พอถึงตอนนั้นพวกเราลากตัวสองคนนี้ไปให้ศาลตัดสินได้ โดยอ้างว่าพวกเขามีเจตนาร้ายต่อคุณนายซู่เวิ่น!”
พอซู่เวิ่นตาย คนที่น่าสงสัยมากที่สุด นอกจากแพทย์แผนโบราณที่รักษาเธอแล้ว ยังจะมีใครอีก
รวมถึงซีนายที่เป็นคนเชิญมาด้วย ย่อมไม่รอดเหมือนกัน!