ศิษย์พี่หวงผู้นั้นกล่าวออกมา “นางผู้หญิงบ้านั่นโดดเด่นเช่นนั้น เมื่อถึงเวลาข้าจะต้องดูแลนางให้ดีอย่างแน่นอน จะให้นางได้รู้ถึงฉากลงเอยของการที่มาล่วงเกินพวกเรา”
“แต่ศิษย์พี่หวง เกรงว่าผู้แข็งแกร่งลึกลับนั่น…”
“เจ้าโง่เอ๋ย! โลกทั้งสี่ทิศนี้อ่อนแอนัก แม้ว่าจะมีสำนักโอสถฯ ลงมาก็ตามแต่ แต่ก็เป็นแค่เพียงชั้นแรกเท่านั้น ที่จริงแล้วสมบัติล้ำค่าอะไรก็ไม่ได้มากมายนัก มิเช่นนั้นไฉนเลยพวกเราจะได้มา? ผู้อาวุโสท่านนั้นก็ไม่เห็นความสำคัญ จะเข้ามาได้อย่างไร”
“หึ หึ หึ! ที่ศิษย์พี่หวงพูดมาก็ถูกต้อง แต่ว่าเมื่อถึงตอนนั้นศิษย์พี่หวงอย่าลืมแบ่งส่วนแบ่งให้กับพวกเรานะ!”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว! พวกเรามีความสัมพันธ์อะไรกันเล่า” ศิษย์พี่หวงกล่าวพร้อมหัวเราะในลำคอ
บนกระดาษนั้นมีสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดเจ็ดชนิด นี่ไม่ใช่สมุนไพรวิญญาณธรรมดาทั่วไป
หากมิใช่ผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางทักษะการปรุงยาจริง ๆ คาดว่าคงจะรู้จักสมุนไพรวิญญาณบนกระดาษนั้นได้เพียงครึ่งหนึ่ง
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ไม่เสียทีที่สำนักโอสถฯ เป็นผู้ออกข้อสอบ ช่างเจ้าเล่ห์นักนะ!”
ถึงต่อให้เจ้าเล่ห์มากไปกว่านี้ก็ไม่อาจทำให้นางลำบากได้
สมุนไพรวิญญาณที่นี่สามารถพบเห็นได้ทุกที่ มู่เฉียนซีได้ปล้นชิงไปอย่างตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
นางกล่าว “ไม่เสียทีที่เป็นสถานที่ที่สำนักโอสถฯ หวงแหน ที่แห่งนี้มีของล้ำค่าอยู่ไม่น้อยจริง ๆ”
โชคของมู่เฉียนซีนั้นไม่เลวเลย ตลอดทางนั้นนางเก็บเกี่ยวสมุนไพรวิญญาณได้อยู่ไม่น้อย อีกทั้งนางยังหาผลหยวนเทียนซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการในการทดสอบรอบแรกเจอเสียด้วย
ในตอนที่มู่เฉียนซีคิดที่จะถอนผลหยวนเทียนขึ้นมาทั้งรากนั้นก็ได้มีผู้เฒ่าชราชุดคลุมยาวสีดำเดินเข้ามา
เขาเอ่ยขึ้น “แม่นางน้อย ข้ากำลังต้องการผลเทียนหยวนเพื่อผ่านการทดสอบอยู่พอดี เจ้าสามารถเอาผลเทียนหยวนนี่ให้ข้าได้หรือไม่?”
“มาก่อนได้ก่อน! เจ้ามาช้าไปเสียแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย
“รึว่าเจ้าอยากจะให้ข้าแย่งชิงจากเจ้า?” สายตาของผู้เฒ่าผู้นี้แฝงแววตาแห่งการคุกคาม
มู่เฉียนซียิ้มขึ้นมา “เจ้าเฒ่า เจ้าคิดจะแย่งชิงรึ?”
“เป็นเจ้า…”
เขาตะลึงค้าง “อย่าได้คิดว่าเจ้าถีบส่งพวกเดรัจฉานตัวเล็ก ๆ ของสำนักโอสถฯ เพียงไม่กี่คนแล้วจะคิดว่าตัวเองเก่งกาจ ส่งมาเสียดี ๆ เห็นแก่ที่เจ้ามีความดีความชอบในการเปิดมิติ เช่นนั้นข้าจะไม่ติดใจเอาความอะไรกับตุ๊กตาตัวน้อยอย่างเจ้า”
มู่เฉียนซีโต้กลับ “เจ้านั่นแหละที่ต้องไสหัวไปเสียตอนนี้! แล้วข้าจะไม่ติดใจเอาความอะไรกับเจ้า!”
“ช่างปากเก่งนัก ดูท่าแล้วหากผู้ชราเช่นข้าไม่ลงมือก็คงจะไม่ได้แล้ว!” พลันนั้นพลังกดดันของมหาจักรพรรดิแห่งภูตก็ได้แผ่ซ่านออกมา
สายตาของมู่เฉียนซีนั้นเย็นยะเยือก นางเองก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกัน “ขัดขวางความสนใจของข้าในการเก็บสมุนไพร เจ้าจะตายอย่างอนาถเจ้าเฒ่า!”
“อู๋ตี้! เจ้าเฒ่าผู้นี้ต้องมอบให้เจ้าจัดการเสียแล้ว!”
มีเวลาแค่เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น เวลาช่างมีค่านัก นางไม่อยากที่เสียเวลาแม้แต่เพียงวินาทีเดียว เรื่องของการกำจัดสิ่งกีดขวางนั้นก็ให้เป็นหน้าที่ของอู๋ตี้และเสี่ยวหงไปแล้วกัน
เห็นได้ชัดเลยว่าอู๋ตี้นั้นยินดีที่จะทำเรื่องเช่นนี้เป็นอย่างมาก เงาร่างสีขาวได้พุ่งผ่านเข้าไปพลัน พลังกดดันของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกทำให้เจ้าเฒ่านั่นเบิกตากว้างโพลง
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหก!”
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตผู้หนึ่ง แต่เขาก็เป็นนักปรุงยา!
เดิมทีนั้นนักปรุงยาก็ไม่เชี่ยวชาญในการต่อสู้อยู่แล้ว ผิวหนังนั้นบอบบางเป็นอย่างมาก ไฉนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกได้?
สีหน้าของเขาซีดเผือดไปพลันพลางกล่าวว่า “ผลเทียนหยวนนี่ให้เจ้าแล้ว ข้าไม่แย่งชิงกับเจ้าแล้ว!”
พอกล่าวจบเขาก็ได้ใช้ความเร็วอย่างเร็วที่สุดหนีไป!
อู๋ตี้กล่าวอย่างจนปัญญา “เจ้าเฒ่านี่ก็จะปอดแหกเกินไปแล้วกระมัง ไม่ให้โอกาสข้าลงมือเลยสักนิด”
มู่เฉียนซีพอใจกับแดนโอสถนี้เป็นอย่างมาก มันนับได้ว่าเป็นสวนสนุกแห่งหนึ่งของนางเลยทีเดียว
มีสัตว์โจมตีบางพวกเข้ามาใกล้ แต่ก็ได้ถูกอู๋ตี้และเสี่ยวหงป้องกันเอาไว้ นางจึงสามารถเก็บสมุนไพรวิญญาณได้โดยไร้ซึ่งการรบกวน
มู่เฉียนซีบ่นพึมพำ “ส่วนมากล้วนแต่เป็นสมุนไพรขั้นปฐพี ไม่พบแม้แต่เงาของสมุนไพรวิญญาณขั้นสวรรค์ ดูแล้วที่นี่คงมิใช่ใจกลางของแดนโอสถ
คนเหล่านั้นของสำนักโอสถฯ ก็มิได้บอกกล่าวนางว่าส่วนใจกลางของแดนโอสถนั้นอยู่ที่ใด คาดว่าลูกศิษย์เหล่านั้นของสำนักโอสถฯ คงจะรู้เป็นแน่
มู่เฉียนซีบ่นพึมพำขึ้นอีก “หากรู้เช่นนี้โรยผงติดตามไว้ที่ตัวของพวกเขาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้หากคิดที่จะหาตัวให้พบคงต้องดูกันที่โชคเสียแล้ว”
แม้ว่าจะหาตัวคนของสำนักโอสถฯ ไม่พบ แต่ในสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดเจ็ดชนิดมู่เฉียนซีก็หาพบไปสี่ชนิดแล้ว
นางได้กลิ่นหอมอันบางเบาไม่ชัดเจน มันช่างเบาบางยิ่งนัก ถ้าหากมิใช่นักปรุงยาที่ประสาทไวแล้วจะมิอาจรู้สึกได้เลย
มู่เฉียนซีพุ่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่แห่งนี้ไม่มีสมุนไพรวิญญาณใด ๆ เกิดขึ้นเลย ตรงกันข้ามมันกลับมีศิลาสีใสอยู่จำนวนไม่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวพึมพำ “แม้ว่าศิลาอวี้จิงไม่อาจจะใส่ในโอสถได้ แต่สถานที่ที่มีศิลาอวี้จิงมากมายเช่นนี้ ใต้ที่ดินแห่งนี้จะต้องมีของล้ำค่าแน่นอน”
มู่เฉียนซีได้นำเครื่องมือออกมา ก่อนจะหาที่ที่เหมาะเจาะ จากนั้นก็ได้ขุดลงไปใต้ดิน
ที่ใต้ดินนั้นมีลำต้นของต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีขนาดคนหนึ่งคนโอบอยู่ มู่เฉียนซีขุดเข้าไปในต้นไม้นั้น ที่ด้านในต้นไม้มีของเหลวสีเขียวอ่อนอยู่
“น้ำศักดิ์สิทธิ์แก่นไม้หมื่นปี สมุนไพรวิญญาณขั้นสวรรค์ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการบำรุงรักษาที่แข็งแกร่งที่สุด ของดีนี่!”
ถึงแม้ว่าของสิ่งนี้จะมิได้ใช้ แต่ขอแค่เพียงหยดเดียวก็ไม่รู้ว่ามีผู้คนตั้งเท่าไรยอมขายสมบัติทั้งชาติของตระกูลเพื่อที่จะได้มันไป
ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังเก็บน้ำศักดิ์สิทธิ์แก่นไม้หมื่นปีอย่างระมัดระวังอยู่นี่เอง กลิ่นหอมอันเข้มข้นของน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ดึงดูดคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา
เมื่อมองเห็นของเหลวที่อยู่ใจกลางของต้นไม้ที่ตายแล้วนั้นพวกกเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาเป็นที่สุด “มันคือน้ำศักดิ์สิทธิ์แก่นไม้หมื่นปี เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์แก่นไม้หมื่นปีจริง ๆ”
มู่เฉียนซีนั้นไม่ได้สนใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย และได้นำน้ำศักดิ์สิทธิ์แก่นไม้หมื่นปีบรรจุเก็บเอาไว้เสร็จสรรพโดยไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่หยดเดียว
“สาวน้อย สมุนไพรวิญญาณที่ได้พบเจอแต่ไม่อาจได้มาเช่นนี้ เมื่อมาพบเจอแล้วก็มีส่วนด้วย แต่เจ้าเพียงตัวคนเดียวเอาไปหมด มันจะไม่ดูไม่เป็นธรรมไปหน่อยหรือ?”
“ของสิ่งนี้ข้าเป็นผู้ที่พบก่อน ข้าเอาไปแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า? ถ้าหากว่าพวกเจ้าเป็นผู้ที่พบเข้าก่อน ของดีเช่นนี้พวกเจ้ายังจะเหลือเอาไว้ให้ผู้อื่นหรือ? ทุกคนล้วนแต่เป็นนักปรุงยาเหมือนกันพวกเจ้าจงอย่าได้มากล่าวอะไรที่น่าตลก” มู่เฉียนซีแค่นยิ้มพร้อมกล่าว
สีหน้าของคนเหล่านี้มืดครึ้ม เจ้าเด็กสาวนี่ไม่เห็นแก่หน้ากันเลยแม้แต่น้อย
“อย่าได้ขวางทางทำให้ข้าเสียเวลา”
ในขอบเขตพื้นที่นี้หากโชคดีก็สามารถที่จะหาน้ำศักดิ์สิทธิ์แก่นไม้หมื่นปีได้พบ แต่ถ้าหากจะตามหาสมุนไพรวิญญาณดั่งขั้นผลเทพจิ่วหยางนั้นคาดว่าคงจะต้องไปตรงใจกลางถึงจะได้
“สาวน้อย เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาพูดกับพวกเราเช่นนี้!”
“ศิษย์พี่ อย่าได้มากความกับนางเลย แย่งมาเสียก็สิ้นเรื่อง เด็กสาวที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเช่นนี้อย่างไรเสียสำนักโอสถฯ ก็จะไม่ปล่อยนางไว้แน่ พวกเราจัดการกับนางเสียเพื่อที่จะให้นางไม่ต้องตกไปอยู่ในมือของสำนักโอสถฯ มิเช่นนั้นแล้วจะยิ่งแย่!”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นอย่างราบเรียบ “จะลงมือ? ย่อมได้ ข้าจะเล่นเป็นเพื่อน!”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง!”
เงาร่างสีแดงและสีขาวได้พุ่งไปทางคนกลุ่มนั้นประหนึ่งสายฟ้าฟาด หลังจากที่มองเห็นอู๋ตี้และเสี่ยวหงแล้วสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
“มิน่าละสาวน้อยผู้นี้ถึงได้โอหังนัก ดูเบานางไปเสียแล้วจริง ๆ”
“เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า? นางมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แค่เพียงสองตัวแต่พวกเรามิได้มีแค่เพียงสองคน ข้าจะจัดการเด็กสาวนั่นเสียก่อนเลย”
ไม่นานนักเงาร่างเงาหนึ่งก็ได้มุ่งเข้ามาใกล้มู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีชักกระบี่มังกรเพลิงออกมา กระบี่มังกรเพลิงได้ระเบิดเปลวเพลิงอันน่าหวาดกลัวออกมา
เห็น ๆ กันอยู่ว่าเด็กสาวผู้นี้เป็นแค่เพียงจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่แปดเท่านั้น แต่ในตอนนี้กลับทำให้พวกเขารู้สึกอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
ชายวัยกลางคนที่ถูกอู๋ตี้และเสี่ยวหงต่อสู้พัวพันอยู่ตะโกนขึ้น “ศิษย์น้อง! รีบออกไปให้ห่างจากที่นี่เสีย”
แต่ทว่าคำเตือนของก็สายไปเสียแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มังกรเพลิงสังหาร!”