“บัวแดงพิฆาต!”
ดอกบัวเพลิงสีแดงฉานพุ่งไปห้อมล้อมผ้าไหมสีดำนั้นเอาไว้
พลังของมังกรเพลิงได้ระเบิดออกมาทำลายล้างทุกสิ่งอย่าง!
อาวุธใหม่ของไป๋เหยียนเอ๋อร์ได้ถูกพลังของการระเบิดจากมังกรเพลิงทำลายไปเสียจนไม่เหลือร่องรอย
บึ้ม! เกิดเสียงดังสนั่นเสียงหนึ่งขึ้น ไป๋เหยียนเอ๋อร์สีหน้าซีดเผือดและถอยหลังออกไปอยู่หลายก้าว ร่างบางหมดแรงและล้มลงบนพื้น
เมื่อครู่นี้ได้ระเบิดพลังในร่างของนางออกมาทั้งหมดแล้วแต่ก็ยังไม่ได้อยู่ดี!
เป็นเพราะกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์!
พลังของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อ่อนแอลงเรื่อยๆ
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวอย่างไม่ยินยอม “มู่เฉียนซีถ้าหากว่าไม่มีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ในมือเจ้า ข้าก็ฆ่าเจ้าได้ง่ายดั่งพลิกฝ่ามือ! เจ้าก็แค่เพียงพึ่งพามหาอาวุธศักดิ์สิทธิ์เทพเท่านั้น”
มู่เฉียนซีแค่นยิ้มแล้วกล่าว “ถ้าหากไม่มีพลังที่หมิงจีมอบให้เจ้า ข้าว่าเจ้าคงไม่ถึงแม้แต่จะมาถึงขั้นราชาแห่งภูต ไหนเลยจะมาเป็นมหาจักรพรรดิแห่งภูต ข้าจะบี้เจ้าให้ตายมันก็ง่ายกว่าบี้มดตัวหนึ่งเสียอีก เจ้าว่าไหมเล่า?”
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าว “มู่เฉียนซี เจ้าพูดไร้สาระ! มันไม่ใช่เช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย พลังของข้านั้นมาจากพรสวรรค์ในการฝึกบำเพ็ญของข้า เจ้ากำลังอิจฉา!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าไม่อยากที่จะพูดไร้สาระกับเจ้าแล้ว!”
ที่นิ้วมือของมู่เฉียนซีได้รวบรวมพลังอันแข็งแกร่งขึ้นมาและปล่อยพุ่งไปทางไป๋เหยียนเอ๋อร์
“ทักษะโยวหลัว!”
“ธิดาศักดิ์สิทธิ์!” มีนักปรุงยาของตำหนักตงจี๋หลายคนพุ่งเข้ามาและพาไป๋เหยียนเอ๋อร์หลบการโจมตีนี้
แต่ทว่าความเร็วของพวกเขานั้นยังคงช้าไปนัก ปัง! เสียงหนึ่งเกิดขึ้น แม้พลังหัตถ์นี้ของมู่เฉียนซีจะไม่ได้ระเบิดอัดหัวใจของไป๋เหยียนเอ๋อร์ให้แหลกสลาย แต่กระดูกทั้งแขนของนางนั้นก็ได้แหลกไปในทันที!
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กัดฟันเอาไว้อย่างเจ็บเจียนตาย สีหน้านั้นซีดเผือด!
คนอื่น ๆ เองก็เป็นกังวลจึงได้นำยาลูกกลอนให้นางกิน “ธิดาศักดิ์สิทธิ์!”
ในตอนนี้เองยอดฝีมือเหล่านั้นของตำหนักตงจี๋ก็ได้หนีกลับไปโดยมีบาดแผลอยู่เต็มตัว และทิ้งให้ยอดฝีมือผู้นั้นของเกาะไห่เทียนอยู่รับศึกผู้เดียว
หน้าสีดำคล้ำของยอดฝีมือผู้นั้นแห่งเกาะไห่เทียนกำลังจะมีโลหิตหยดแล้ว บัดซบ พวกนั้นกลับทิ้งเขาเอาไว้คนเดียว
เขาเองก็อยากที่จะหนี แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันไม่เป็นผลดีต่อพวกเขาอย่างมาก
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวขึ้นอย่างรีบร้อน “ไป! พวกเรารีบไป!”
“พวกเจ้าคอยกันหลัง!”
“โฮก!” แน่นอนว่าอู๋ตี้และเสี่ยวหงจะไม่ปล่อยให้พวกเขาไปได้อย่างสบาย ๆ เช่นนั้น การโจมตีอันบ้าคลั่งได้ตกลงมา
คนของตำหนักตงจี๋นั้นตอบสนองได้ค่อนข้างรวดเร็ว แต่ทว่าคนของเกาะไห่เทียนนั้นกลับช้าไปก้าวหนึ่ง
“เหยียนเอ๋อร์!” ไห่ฝานที่ควบคุมอาการบาดเจ็บให้ดีขึ้นมาได้อย่างยากเย็นก็ได้ตะลึงค้างไปในทันที
สตรีผู้ที่เขาเฝ้าคิดอยู่ตลอดว่าจะปกป้องนั้นกลับหนีไปในทันทีโดยไม่พูดไม่กล่าวเช่นนี้
หากต้องสู้กับพวกคนเหล่านั้นของตำหนักตงจี๋ มู่เฉียนซีมิได้หวาดกลัวพวกเขาเลย
แต่เมื่อพวกเขาหนีไปทั้งหมด มู่เฉียนซีเองก็ยากที่ตามติดไปขวางเอาไว้เหมือนกัน
อีกทั้งนางเองก็ไม่มีเวลามาไล่ตามพวกที่พ่ายแพ้พวกนั้นด้วย!
“นายน้อย รีบไป!”
“พรวด!”
ยอดฝีมือผู้นั้นของเกาะไห่เทียนได้ถูกชิงอิ่งซัดเสียจนกระอักเลือด ในที่สุดเขาก็ได้พบเจอเข้ากับศัตรูที่น่ากลัวเสียแล้ว
ที่เจ้าเด็กนั่นสามารถโอหังได้ก็เพราะว่านางมีที่พึ่งพาอันแข็งแกร่งอยู่ พวกเขาไม่ควรที่จะเป็นศัตรูกับนางจริง ๆ เลย!
มาตอนนี้เพิ่งจะคิดได้มันก็สายไปเสียแล้ว
ปัง! ชิงอิ่งได้เปิดการโจมตีสุดท้ายที่ถึงแก่ชีวิตของเขา เขาไม่อาจที่จะหลบหลีกได้เลย
ยอดฝีมือผู้นี้แห่งเกาะไห่เทียนอีกทั้งยังเป็นยอดปรมาจารย์นักปรุงยาอีกด้วย แต่กลับจะต้องมาตายตกอยู่ที่นี่
บนสีหน้าของคนอื่น ๆ ก็ฉายแววหวาดกลัวออกมา ไห่ฝานกล่าว “บัดซบยิ่งนัก!”
“ไป! รีบคุ้มกันข้าไปเร็ว!”
มู่เฉียนซียิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าว “ตอนนี้เพิ่งคิดที่จะไป ดูท่ามันจะสายไปหน่อยเสียแล้ว! หากรู้เช่นนี้ตั้งแต่แรกพวกเจ้าเห็นข้าแล้วก็ควรที่จะเดินอ้อมไป ช่างเสียเวลาข้าเสียจริง”
คนเหล่านั้นของเกาะไห่เทียนโกรธเสียจนแทบกระอักเลือด เห็น ๆ อยู่ว่าพวกเขาสิถึงจะอนาถที่สุด เสียยอดฝีมือไปเป็นจำนวนมากเช่นนั้น!
มาตอนนี้นางกลับมารังเกียจบอกว่าพวกเขาทำให้นางเสียเวลา
“ปกป้องนายน้อย!”
“คุ้มกันนายน้อยถอยไป!”
อู๋ตี้และเสี่ยวหงได้ตัดทางหนีของพวกเขาในทันที มู่เฉียนซีคิดที่จะลงมือแต่ชิงอิงนั้นกระโดดลงมาที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซี
ชิงอิ่งกล่าว “เฉียน พักผ่อน!”
มู่เฉียนซีได้ระเบิดพลังอันแข็งกล้าพลังหนึ่งของมังกรเพลิงออกมาทำให้ไป๋เหยียนเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก คนเหล่านั้นของตำหนักตงจี๋ก็ไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรดี ในตอนนี้ก็ได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว
แม้ว่าชิงอิ่งจะไม่ใช่มนุษย์ แต่กลับไวต่อความรู้สึกทุกอย่างที่เกี่ยวกับมู่เฉียนซีเป็นอย่างมาก
ไม่อยากให้นางเหนื่อยมากนัก!
มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อชิงอิ่งขอเองเช่นนั้นก็มอบให้เจ้าจัดการแล้วกัน ยาลูกกลอนเหล่านี้มอบให้เจ้า”
มู่เฉียนซีนำยาลูกกลอนออกมาให้ชิงอิ่งโดยไร้ซึ่งความตระหนี่ เมื่อครู่นี้ชิงอิ่งได้สู้รบปรบมือกับยอดฝีมือถึงสองคนเพียงลำพัง สูญเสียพลังไปก็ค่อนข้างมาก
มู่เฉียนซีมอบยาลูกกลอนให้แก่เขา เขากินมันเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ!
คนของเกาะไห่เทียนได้เห็นชิงอิ่งกินยาลูกกลอนเข้าไปอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้น เพียงเวลาแค่ไม่นานยาลูกกลอนราวร้อยเม็ดก็หมดสิ้น อีกทั้งยังเป็นยาขั้นสวรรค์
พวกเขาเป็นนักปรุงยานี่! แต่ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยพบเห็นผู้ใดที่กินยาลูกกลอนมากมายเช่นนี้แล้วไม่เป็นอะไรมาก่อน
“ไม่ถูกต้อง! เขาไม่ใช่มนุษย์ ไม่มีพลังวิญญาณและพลังชีวิต ช่างคล้ายกับหุ่นเชิดนัก!”
“เป็นนักปรุงยามาก็หลายปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าการกินยาลูกกลอนนั้นช่วยบำรุงการต่อสู้ของหุ่นเชิดได้นี่!”
“อีกทั้งยังสิ้นเปลืองยาลูกกลอนเช่นนี้ คาดว่าคงจะไม่มีใครสามารถเลี้ยงหุ่นเชิดเช่นนี้ได้ไหว”
พวกเขาชาวเกาะไห่เทียนที่บอกว่าตนนั้นเก่งกาจกว่าสำนักนิกายระดับสามก็ยังไม่อาจที่จะเลี้ยงบำรุงหุ่นเชิดเช่นนี้ได้
ในขณะที่พวกเขากำลังตกตะลึง ชิงอิ่งก็ได้ลงมือเสียแล้ว
“อ๊าก!” เมื่อเผชิญหน้ากับชิงอิ่งที่เป็นเครื่องมือสังหารอันฝืนชะตาฟ้า พวกเขานั้นไม่มีโอกาสที่จะได้ตอบโต้เลย
คิดจะหนี? ขอโทษด้วย มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าและระดับหกกำลังรออยู่! ซึ่งไม่ให้โอกาสพวกเขาได้หนีเลย
“นายน้อย พวกเราหนีไม่ได้แล้ว!”
“นายน้อย จะทำเช่นไร?”
“……”
ไห่ฝานมองไปยังมู่เฉียนซี เขารู้ว่าเมื่อครู่นี้มู่เฉียนซีได้ระเบิดพลังอันน่าหวั่นพรึงออกมาตอนที่ต่อสู้กับไป๋เหยียนเอ๋อร์ ในตอนนี้พลังวิญญาณก็ได้ถูกใช้ไปจนหมดสิ้นแล้วจึงมิได้ลงมือ จะต้องสู้ด้วยได้โดยง่ายดายยิ่งนักเป็นแน่!
ขอแค่เพียงควบคุมมู่เฉียนซีเอาไว้ได้ พวกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นก็จะสามารถจัดการมันไปได้ตามสถานการณ์
เมื่อนึกถึงไป๋เหยียนเอ๋อร์ขึ้นมาพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกร่นด่าออกมาว่านางสารเลว! ได้ทีก็กลับหนีไปตัวคนเดียว เสียทีที่เขานั้นดีกับนางด้วยใจจริง
ไห่ฝานลงมือโจมตีมู่เฉียนซีอีกครั้ง ลูกดอกที่รูปทรงเหมือนดั่งเพชรได้พุ่งออกไปประหนึ่งสายฟ้าฟาดก็มิปาน
ที่ลูกดอกนั้นมีพิษร้ายของเกาะไห่เทียนของพวกเขาอยู่ หากทันทีที่มันโดนมู่เฉียนซีเข้า มู่เฉียนซีจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
สำหรับมู่เฉียนซีแล้วการโจมตีของไห่ฝานนั้นประหนึ่งเด็กอนุบาลเล่นของเล่นก็มิปาน!
ทันทีที่แขนของมู่เฉียนซีขยับก็สามารถจับลูกดอกนั้นเอาไว้ได้อย่างสบาย ๆ
มันมิเพียงแต่มิทำให้มู่เฉียนซีบาดเจ็บ ซ้ำแล้วมันยังตกไปอยู่ในมือของมู่เฉียนซีอีก!
ไห่ฝานกลับยิ้มขึ้นมาพลัน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็นับว่าเขาทำสำเร็จแล้ว
เขาตื่นเต้นเสียจนแทบกระโดดโลดเต้นขึ้นมา เขามองไปยังมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “มู่เฉียนซี ยังไม่หยุดแล้วรีบคุกเข่าร้องขอชีวิตกับข้าอีก?”
มู่เฉียนซีเล่นลูกดอกที่อยู่ในมือแล้วมองไปยังไห่ฝานด้วยอาการจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “หยุด? คุกเข่าขอชีวิต? เจ้าคิดว่าเป็นไปได้เหรอ? เจ้าโง่!”
.