ตอนที่ 717 ฟู่อวิ๋นเซิน ‘อยากตายเหรอ!’
คล่องแคล่วมาก ท่าทางแบบพร้อมมีเรื่อง
เยี่ยซือชิงยังอึ้งอยู่ มือข้างหนึ่งของอิ๋งจื่อจินดึงเธอไปด้านหลัง
“อิ๋งจื่อจิน” ชายชุดดำที่เป็นหัวโจกก็สงสัยในท่าทางของอิ๋งจื่อจิน เขายิ้มพลางส่ายหน้า “ฉันไม่รู้นะว่าทำไมเธอถึงพูดคำว่า ‘ไม่ต้อง’ ออกมาได้ ทำไม คิดจะใช้อาวุธของคณะวิศวะมาสู้กับพวกเราเหรอ”
สายตาของเขาฉายแววดูถูกอย่างรุนแรง “โทษทีนะ รูปร่างอย่างเธอ แม้แต่โอกาสจะเข้าถึงตัวพวกเราก็ยังไม่มี”
ไม่ว่าจะรูปร่างหรือหน้าตาของอิ๋งจื่อจินต่างโดดเด่นทั้งนั้น
ต้องมาตายไปแบบนี้ก็แอบเสียดาย
ไม่สู้…
ชายชุดดำที่เป็นหัวโจกเกิดความคิดนี้ อิ๋งจื่อจินขยับ
“ดูท่าจะมีฝีมืออยู่บ้าง” เขาหัวเราะแบบไม่แคร์ “แต่บอกแล้ว เธอไม่มีทางเข้าถึง…”
“พลั่ก!”
เสียงดังสนั่นดังอยู่ข้างหู สะเทือนจนอิฐบนกำแพงหล่นลงมาหนึ่งก้อน
ชายชุดดำที่เป็นหัวโจกล้มลงไปกองบนพื้น ร่างกายบิดเบี้ยวเป็นขนมเกลียว สภาพชวนสะพรึงมาก
สมองของเยี่ยซือชิงเหลือเพียงชื่อกระบวนท่าที่เคยดูในละคร
ฝ่ามือแยกเอ็น…แบ่งกระดูกเหรอ
ชายชุดดำอีกเจ็ดคนมองตามไม่ทันแม้แต่เงาของอิ๋งจื่อจิน
พวกเขารู้สึกเพียงว่ามีคลื่นพลังที่ไร้รูปร่างปกคลุมพวกเขา บดขยี้จนพวกเขาเจ็บปวดกระดูก มีเลือดจุกอยู่ตรงลำคอ
มีเพียงสำนักผู้วิเศษเท่านั้นที่รู้ถึงการมีอยู่ของโลกจอมยุทธ์
อย่างไรเสียโลกจอมยุทธ์ก็เพิ่งตั้งเมื่อศตวรรษที่สิบหก แต่ประวัติศาสตร์ของเมืองแห่งโลกมีมาร่วมพันปีแล้ว
พวกชายชุดดำไม่รู้ว่ายังมีสิ่งมหัศจรรย์แบบกำลังภายในอยู่ด้วย
“กร๊อบ…”
มีเสียงแตกหักดังขึ้น เป็นเสียงกระดูกหักที่เกิดจากการแบกรับน้ำหนักไม่ไหว
ตอนที่สู้กับเซี่ยฮ่วนหราน อิ๋งจื่อจินถูกบีบคั้นจนถึงขั้นสุดหลายครั้ง วรยุทธ์ถึงได้ก้าวข้ามจุดอิ่มตัวไปได้
ยิ่งมาช่วงหลังๆ วรยุทธ์ของเธอก็ยิ่งฟื้นฟูได้เร็ว
ตอนนี้วรยุทธ์ของเธอสองร้อยต้นๆ แล้ว
ผู้วิเศษค้นหาพลังจากภายใน
แต่จอมยุทธ์ใช้การฝึกฝน พัฒนาร่างกายของตัวเอง
การดัดแปลงพันธุกรรมสุดท้ายก็แค่ปัจจัยภายนอก แข็งแกร่งขนาดไหนก็สู้จอมยุทธ์ไม่ได้
“พลั่กๆ!”
กำลังภายในที่ปกคลุมในซอยทรงพลังมาก พวกชายชุดดำถูกซัดไปกองบนพื้น
ภายในซอยที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงเย็นชาของเด็กสาวดังขึ้น “นักฆ่ามีเหรอจะพูดมากขนาดนี้”
คู่ควรเหรอ
นักฆ่าอย่างแท้จริงที่เธอเคยเจอมีแค่ฟู่อวิ๋นเซินกับฉินหลิงอวี๋
เวลาลอบฆ่าทำตัวเหมือนวิญญาณ
พวกนักฆ่ากำมะลอแบบนี้ดีแต่พูดมาก
เยี่ยซือชิงอึ้ง “…”
ชายชุดดำแปดคนถูกกองซ้อนกันเป็นแฮมเบอร์เกอร์
กระดูกของพวกเขาหักหมด แขนก็ถูกหัก ไม่มีแม้แต่แรงจะดิ้นรนต่อสู้
โดยเฉพาะชายชุดดำคนแรกที่ล้มลง สมองของเขาตื้อไปหมด ยังไม่อยากเชื่อว่ายังไม่ทันได้ยื่นมือออกไปก็พ่ายแพ้ขนาดนี้แล้ว
“คนพวกนี้ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาจริง” อิ๋งจื่อจินกระโดดลงจากบนกำแพงมายืนบนพื้นอย่างง่ายดาย “แต่พวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยอัศวินของเมืองแห่งโลก สังกัดองค์กรนักฆ่า”
เมืองแห่งโลกก็มีธุรกิจสีเทาและสถานที่ที่ชาวเมืองทั่วไปเข้าไม่ถึงอยู่ไม่น้อย
เหมือนโลกใต้ดินของยุโรป
ชายชุดดำที่เป็นหัวโจกพอได้ยินแบบนี้ก็ตัวแข็ง
เขากัดฟันกรอด พยายามดิ้นรนอยากกัดชิปที่อยู่ในฟัน
วินาทีถัดมา
“กร๊อบ!”
กรามล่างถูกบิดหลุด
ชายชุดดำที่เป็นหัวโจกร้องเสียงทุกข์ทรมาน
แต่เสียงร้องของเขาไม่ลอดออกไปจากซอยนี้ เพราะถูกกำลังภายในปกคลุมไว้
“มีเหรอที่ฉันจะปล่อยให้พวกนายกลับไปรายงาน” อิ๋งจื่อจินก้มหน้า ยิ้มพลางพูด “อยากฆ่าฉัน แถมยังอยากรอดชีวิตกลับไปด้วยงั้นเหรอ”
สายตาของเธอเย็นชาสุดขั้ว สีหน้าไม่แสดงอารมณ์แม้แต่น้อย
พวกชายชุดดำอดตัวสั่นไม่ได้
คนที่พวกเขาเผชิญอยู่ใช่เด็กสาวที่อายุแค่สิบเก้าจริงเหรอ!
พวกชายชุดดำก็เคยรับภารกิจฆ่าคนอื่น ตระกูลอวี้พวกเขาก็เคยเข้าไป
แต่ยังไม่เคยเจอเป้าหมายไหนที่สร้างแรงกดดันมหาศาลให้พวกเขาได้เท่าอิ๋งจื่อจิน
เยี่ยซือชิงมองอิ๋งจื่อจินหิ้วชายชุดดำที่สูงสองเมตรอย่างสบายๆ มือละคน จับไปโยนทิ้งแม่น้ำด้านข้าง
จากนั้นก็กลับมา เอาเหล็กเสียบชายชุดดำที่เหลือแล้วเตะกลิ้งเป็นลูกฟุตบอลลงไป
กลิ้งตกน้ำ สายลมพัดโชย เงียบสงัด
เมืองแห่งโลกมีการต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อน ขอแค่ไม่ก่อเรื่องในโซนใจกลางเมือง เหตุการณ์ใช้กำลังในที่อื่นก็เคยปรากฏ
แต่เยี่ยซือชิงก็เพิ่งเคยเห็นคนต่อสู้กันแบบใกล้ๆ
“ระ รุ่นน้องอิ๋ง” ในที่สุดเธอก็ดึงสติกลับมาได้ พูดด้วยความระมัดระวัง “เธอสอนวิชาต่อสู้ให้บ้างสิ”
อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ “ได้ แต่ระหว่างนั้นจะทรมานหน่อยนะคะ”
อันตรายรอบตัวเธอมีเยอะมาก ควรจะรีบเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ
เยี่ยซือชิงทำโปรเจ็กต์กับเธอ ยากที่จะรับประกันว่าจะไม่ถูกจับตามอง
“ไม่เป็นไร” เยี่ยซือชิงตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ดีกว่าเอาชีวิตไปทิ้ง”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ค่ะ เดี๋ยวกลับถึงหอพักจะให้กินลูกอม”
เปลี่ยนเรื่องคุยเร็วมาก เยี่ยซือชิงเกือบตามไม่ทัน “ลูกอมอะไรเหรอ”
“รสสตรอเบอร์รี่”
“อ่อๆ พี่ชอบรสสตรอเบอร์รี่”
อิ๋งจื่อจินกดปีกหมวก
ยารสสตรอเบอร์รี่ที่ช่วยให้คนมีพรสวรรค์จอมยุทธ์ได้
ตอนนี้เธออยากกินขนมเค้กแบล็คฟลอเรสต์หลายชิ้นเพื่อปลอบโยนมือของเธอ
…
อีกด้านหนึ่ง
คณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ของสำนักวิจัย
นักศึกษาชายคนหนึ่งกำลังใช้กล้องส่องทางไกลมองไปที่ซอยแห่งหนึ่ง
แต่ในซอยไม่มีใครเลย ว่างเปล่า ถึงขั้นที่แม้แต่ถังขยะจักรกลก็ยังถูกวางอยู่ที่เดิม
“เมอร์วิน ทำอะไรอยู่” มีคนสะกิดหลังเขา “เดี๋ยวมีการทดลอง อย่าลืมล่ะ”
“เปล่า” เมอร์วินตอบแบบขอไปที “ก่อนหน้านี้เกิดระเบิดไม่ใช่เหรอ ฉันแค่สอดส่องดูว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงอะไรอีกหรือเปล่า ไม่แน่อาจแจ้งไปที่ศาลตัดสินทัน”
นักศึกษาคนนั้นไม่พูดอะไรอีก พยักหน้าแล้วออกไป
เมอร์วินขมวดคิ้ว
น่าแปลก
เขาจ่ายไปตั้งร้อยล้าน จ้างแบล็กไซต์องค์กรนักฆ่าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองแห่งโลก
แบล็กไซต์จะส่งนักฆ่าระดับเอออกไปทำงาน หรือว่าแม้แต่นักศึกษาของคณะวิศวะพวกเขาก็ยังฆ่าไม่ได้
เดิมทีเมอร์วินไม่ได้เก็บอิ๋งจื่อจินมาใส่ใจ
แต่การทดลองบินนั้นทำให้หลายคนในเมืองแห่งโลกได้รู้ว่าคณะวิศวกรรมศาสตร์มีม้ามืดปรากฏแล้ว
อิ๋งจื่อจินมีชื่อเสียงโด่งดังมากในเว็บดับบลิว
ทุกปีสำนักวิจัยจะมีโควตาเข้าพบผู้วิเศษสี่โควตา
โดยทั่วไปจะเป็นคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์สามคน คณะวิศวกรรมศาสตร์หนึ่งคน
แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ ตอนคัดเลือกตัวแทนเดือนกันยายน คณะวิศวกรรมศาสตร์จะต้องได้โควตาเพิ่มหนึ่งคนแน่
เขาเป็นอันดับสามของคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ หากคณะวิศวะได้สองโควตา เขาก็ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าพบผู้วิเศษแล้ว
นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เมอร์วินอยากเห็น
บิลเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเรนเกล เมอร์วินย่อมไม่กล้าแตะต้อง
แต่อิ๋งจื่อจินไม่เหมือนกัน เป็นชาวเมืองธรรมดา ไม่มีภูมิหลังอะไร
เมอร์วินมองซอยที่อยู่ไกลออกไปอีกครั้ง ชักสังหรณ์ใจไม่ดี
เขาวางกล้องส่องทางไกลลงแล้วออกจากอาคารเรียน ไปที่ซอยนั้นโดยเร็วที่สุด
วินาทีถัดมาอยู่ๆ ก็ปวดที่คอ หมดสติไปในชั่วพริบตา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เมอร์วินลืมตาอีกครั้ง
รอบตัวมืดสนิท
มีเพียงแสงไฟจุดเดียวจากด้านหน้า
ตรงนั้นมีเงาสูงยาว บุคลิกน่ากลัว
เมอร์วินมีเพียงความหวาดกลัว ขนลุกซู่ “แก…แกเป็นใคร!”
ใบหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ท่ามกลางความมืดหล่อเหลาดุจเทพ แสงไฟวูบไหว
แสงไฟเริ่มช่วยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัดขึ้น แรงอาฆาตแผ่ซ่านในทันที
ความหวาดกลัวขั้นสุดทำให้เมอร์วินร้องตกใจเสียงดัง เขาถอยหลังอย่างรวดเร็ว “แกเป็นใคร แกเป็นใครกันแน่!”
แล้วที่นี่มันที่ไหน!
เขามาได้ยังไงกันแน่
เมอร์วินสับสน ร่างกายก็สั่นไม่หยุด
“หนึ่งร้อยล้านเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตามองต่ำ หัวเราะเบาๆ “รวยนักเหรอ”
“กริ๊ง”
เสียงเหรียญตกลงบนพื้นหนึ่งเหรียญ กลิ้งไปจนถึงหน้าเมอร์วินแล้วหยุดลง
นี่เป็นเหรียญที่ระลึกของเมืองแห่งโลกที่ผลิตเมื่อปีที่แล้ว
มูลค่าไม่สูง แค่หยวนเดียว
ในยุคสมัยที่ธนบัตรหายไปหมดแล้ว แต่กลับมีคนจำนวนไม่น้อยซื้อมาเก็บสะสมไว้
เมอร์วินมองเหรียญที่อยู่บนพื้นอย่างอึ้งๆ สมองคิดตามไม่ทันชั่วขณะ
ฟู่อวิ๋นเซินยืนขึ้น ปัดเสื้อเชิ้ต “หยวนเดียว ขอชีวิตนาย”
เป็นการหยามเหยียดอย่างสิ้นเชิง
เมอร์วินรู้สึกเพียงเลือดลมในกายพลุ่งพล่าน ครั้งนี้โมโหมากกว่ากลัว
“แกกล้าเหรอ ฉันเป็นคนของคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ ท่านนักมายากลยังให้คณบดีดูแลฉันด้วยตัวเองเลยนะ!”
ในอนาคตเขาจะได้เข้าสำนักผู้วิเศษ ได้รับการบ่มเพาะเป็นอย่างดีจากผู้วิเศษนักมายากล
ต่อให้เป็นตระกูลสูงศักดิ์ก็เทียบเขาไม่ได้
ใครกล้าเป็นศัตรูกับผู้วิเศษกัน
“นักมายากลเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินเดินขึ้นหน้า ใช้มือข้างหนึ่งหิ้วเมอร์วินขึ้นมา
“ฉันจะพานายไปพบเขา นายกล้าพูดต่อหน้าเขาไหม”
เขาหันมายิ้ม สายตาเย็นชา ดุจปีศาจที่คืบคลานขึ้นมาจากขุมนรก