ตอนที่ 434 นักแต่งเพลงมือทอง
บรรยากาศยามค่ำคืนของเซียงเจียง เป็นโลกที่เต็มไปด้วยแสงไฟสีทองส่องสว่างไปทั่ว
ในโลกใบนี้ มีงานสังคมถูกจัดขึ้นนับไม่ถ้วน หญิงสาวในชุดราตรีสวยงามผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามงานสังคมต่างๆ สวมหน้ากากหลอกลวงพร้อมกับเอ่ยคำพูดที่ไม่จริงใจ แต่กลับพูดกันอย่างสนุกสนาน
ทุกวันยังมีการสร้างข่าวต่างๆ นับไม่ถ้วน
คืนนี้เลยเวลาสองทุ่มไปแล้ว งานกาล่าดินเนอร์การกุศลที่จัดโดยซูจิ้งได้ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ งานประมูลครั้งนี้ได้รับเงินบริจาคเกินกว่าสิบล้านหยวน หลักๆ เพื่อช่วยเหลือแม่และเด็กที่ยากจนในเซียงเจียง
คนรวยในเซียงเจียงมีมาก แต่ละรายมีทรัพย์สมบัติมหาศาลนับไม่ถ้วน มีหลายคนที่มีทั้งเกียรติยศ ชื่อเสียง และเงินทอง แต่ในประชากรสิบสามล้านกว่าคน ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มคนจน
ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูงหรือสื่อที่อยู่ในมือของชนชั้นสูง มีน้อยคนมากที่สนใจคนในสังคมชั้นล่าง ชนชั้นรากหญ้านับไม่ถ้วนที่ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ เทียบกับคนที่รวยล้นฟ้า พวกเขาไม่ต่างอะไรกับมดตัวหนึ่งที่ไม่อาจทนรับคลื่นพายุได้เลยสักนิด
หลายสิบปีที่กลับคืนสู่จีน เศรษฐกิจของเซียงเจียงรุ่งเรืองถึงขีดสุด แต่ความขัดแย้งทางสังคมกลับปะทุขึ้น คนที่มีปัญญารับรู้ว่าปัญหาทางสังคมที่ใหญ่ที่สุดของเซียงเจียงอยู่ตรงไหน ถึงได้ออกมาเรียกร้องให้มีการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชากรชั้นล่าง
ซูจิ้งเป็นหนึ่งในนั้น เมื่อนานมาแล้วเธอเริ่มสนใจกลุ่มคนจนในเซียงเจียง หลังจากแต่งงานเข้าสู่ตระกูลใหญ่ก็ก่อตั้งมูลนิธิการกุศลขึ้น ใช้อิทธิพลและเส้นสายของตัวเองไปช่วยเหลือคนที่ต้องการเหล่านั้น
ยืนหยัดมาได้สิบกว่าปี แม้ชื่อเสียงในวงการบันเทิงของเธอจะไม่สู้เมื่อก่อน แต่ทั้งตำแหน่งและความศรัทธาในตัวเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าดาราซูเปอร์สตาร์เลย คืนนี้ยอดเงินระดมทุนจึงบรรลุเป้าหมายไปได้อย่างราบรื่น
“ลู่เฉิน ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณมาก!”
หลังจากเสร็จงานแล้ว ซูจิ้งส่งแขกแต่ละคนกลับ ให้ผู้ช่วยรั้งลู่เฉินให้อยู่ต่อก่อน
“ไปดื่มกาแฟด้วยกันสักแก้วเป็นไง?”
ลู่เฉินยิ้ม “ดื่มกาแฟตอนกลางคืนไม่ดีมั้งครับ แต่ในเมื่อพี่จิ้งออกปาก ผมก็จะไปเป็นเพื่อน”
ซูจิ้งยิ้มละมุน “ราตรีแห่งเซียงเจียงยังไม่ทันเริ่มต้นด้วยซ้ำ”
ซูจิ้งเชิญลู่เฉินไปที่ร้านกาแฟข้างโรงแรมแชงกรีลา ว่ากันว่าที่นี่เป็นร้านกาแฟที่ขึ้นชื่อที่สุดของเซียงเจียง ถ้าไม่จองก่อนล่วงหน้าคงจะไม่มีที่ว่างให้นั่ง
ที่นั่งที่ซูจิ้งจองไว้นั้นดีมาก อยู่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่จรดพื้น หันออกไปมอง ก็จะเห็นวิวยามค่ำคืนของอ่าววิคตอเรียอันสวยงามไกลสุดลูกตา
ลิ้มรสกาแฟบดด้วยมือรสเข้ม ฟังเสียงเปียโนบรรเลงภายในร้าน เบื้องหน้าเป็นสาวสวยพราวเสน่ห์คนหนึ่ง ทำให้ลู่เฉินรู้สึกว่าการมาเซียงเจียงครั้งนี้ไม่เสียเที่ยว
แน่นอนว่าแค่ชื่นชมคนงามเท่านั้น ไม่มีความคิดอื่น
บางทีอาจเป็นเพราะความเรียบง่ายของลู่เฉินทำให้ซูจิ้งรู้สึกดีด้วย เธอมองสำรวจเขาอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ยอมรับว่า “เฟยเอ๋อร์หาแฟนได้ดีจริงๆ ฉันเป็นเพื่อนสนิทของเธอก็อดดีใจไปด้วยไม่ได้”
แม้จะชมตัวเอง แต่ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ ลู่เฉินยิ้มแหย “พี่จิ้งครับ พี่พูดแบบนี้ผมเขินแย่เลย”
ซูจิ้งเม้มปากยิ้ม “เขินอะไรกัน สายตาของเฟยเอ๋อร์ดีกว่าฉันอยู่แล้ว ตอนแรกเธอเตือนไม่ให้ฉันแต่งเข้าตระกูลใหญ่ คิดว่าผู้หญิงควรจะมีชีวิตของตัวเอง จนฉันเกือบจะเลิกคบเธอไปเลย”
เธอหุบยิ้ม ลดเสียงต่ำ “ตอนนี้คิดแล้ว ที่เธอพูดน่ะถูกที่สุด”
ลู่เฉินเงียบงัน
ต่อให้เป็นการพบกันครั้งแรก แต่เขาดูออกว่าภายใต้ความงามที่เจิดจรัสของเธอนั้นแอบซ่อนความขมขื่นที่ไม่อยากให้ใครรู้เอาไว้อยู่
หากไตร่ตรองดูก็จะเข้าใจ เธอผู้ซึ่งเคยเป็นอดีตราชินีตัวน้อยกลับเข้าสู่วงการบันเทิงใหม่อีกครั้งไม่ได้โด่งดังเท่าเดิม แม้มูลนิธิการกุศลจะสั่งสมชื่อเสียงดีงามเอาไว้ในแวดวงไฮโซ แต่หน้าตานั้นคนอื่นเป็นฝ่ายให้ ความโดดเด่นและเกียรติยศเหมือนกับปราสาททราย แค่คลื่นพัดมากระทบก็พังทลายลงทันที
หากต้องการสร้างฐานอันมั่นคงในเซียงเจียง ต้องอาศัยความสามารถของตัวเองล้วนๆ!
“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว…”
ซูจิ้งตั้งหลักขึ้นใหม่อีกครั้ง ใบหน้าเผยยิ้ม “คุณกับคุณนายจินคุยอะไรกันนานขนาดนั้น ถูกใจลูกสาวบุญธรรมของเธอทั้งสองคนใช่ไหม ตอนจากมายังอาลัยอาวรณ์อยู่เลย”
รอยยิ้มของเธอเจือปนด้วยการหยอกเย้า เป็นการหยอกเย้าตามแบบฉบับของเพื่อนฝูง
“พี่จิ้งอย่าใส่ร้ายผมสิครับ…”
ลู่เฉินรีบยอมแพ้ “ผมแค่รับปากจะทำเพลงเดบิวต์ให้กับพวกเธอสองคนเท่านั้น”
“สองเพลง?”
ซูจิ้งตะลึง “ประมูลแค่เพียงเดียวไม่ใช่เหรอ”
ลู่เฉินอธิบาย “ความจริงก็เพลงเดียวครับ เพราะผมแนะนำให้เธอทั้งสองคนจับคู่กันเดบิวต์ คุณนายจินเห็นด้วย ชื่อวงทวินส์”
“ทวินส์?”
ซูจิ้งตาวาวถามว่า “วงคู่หูดูโอเหรอ ดูเหมือนตอนนี้ไม่มีวงไหนดังในวงการ ชื่อนี้ไม่เลว คุณตั้งให้ใช่ไหม”
ลู่เฉินพยักหน้า
ซูจิ้งถอนใจ “เด็กสองคนนี้โชคดีที่ได้เจอคุณ ฉันคาดว่าวงทวินส์จะประสบความสำเร็จตั้งแต่เดบิวต์แน่นอน เพราะคุณเขียนเพลงให้พวกเธอ!”
ลู่เฉินยิ้มพลางส่ายหน้า “พี่จิ้ง พี่หาเรื่องให้ผมอีกแล้วนะครับ”
“ไม่ได้หาเรื่อง…”
ซูจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ฉันได้ยินว่าคุณมีฉายาว่า ‘นักแต่งเพลงมือทอง’ มือของคุณมีพลังวิเศษเปลี่ยนหินให้เป็นทองคำได้ นักร้องคนไหนที่คุณเขียนเพลงให้ จะต้องดังแน่นอน!”
ลู่เฉินเหงื่อตก “ผมไม่รู้ว่าผมมีฉายาอย่างนั้นด้วย เกินจริงไปนะครับ”
ซูจิ้งยิ้มเล็กน้อย “เกินจริงไปรึเปล่า ต่อไปถึงจะได้รู้ ตอนนี้ฉันกำลังรวบรวมผลงานเพลงเตรียมจะออกอัลบั้มใหม่ก่อนปลายปี ฉันเลยอยากได้ ‘นักแต่งเพลงมือทอง’ มาช่วยเขียนเพลงให้ฉันสักสองเพลงเป็นไง”
ลู่เฉินรับปากแบบไม่ลังเล “ไม่มีปัญหาครับ”
เขาตกลงอย่างง่ายดายทำให้ซูจิ้งอึ้ง “คุณไม่ถามเงื่อนไขก่อนเหรอ ถ้าฉันจะให้เขียนเพลงฟรีล่ะ”
ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มหยอกล้อผุดขึ้นอีกครั้ง
ลู่เฉินตอบว่า “คุณเป็นเพื่อนกับเฟยเอ๋อร์ ก็เหมือนเป็นเพื่อนของผม ระหว่างเพื่อนไม่ต้องมีเงื่อนไขมากมาย ทำให้ฟรีได้ไม่มีปัญหา”
ลู่เฉินไม่ได้พูดตามมารยาทหรือพูดส่งๆ ไป เขาจะตั้งกิจการภาพยนตร์ของตัวเองในเซียงเจียง ต้องการการสนับสนุนช่วยเหลือในด้านต่างๆ คนอย่างซูจิ้งที่มีอิทธิพลในวงการ เขียนเพลงให้เธอสักสองเพลงจะเป็นไรไป?
อีกอย่างเธอเป็นเพื่อนของเฟยเอ๋อร์ แล้วยังช่วยให้เขารู้จักผู้บริหารระดับสูงหลายคนในวงการด้วย
ซูจิ้งกลับรู้สึกซาบซึ้งประทับใจ
เธอที่ผ่านประสบการณ์ความรุ่งโรจน์และร่วงโรยมาแล้ว ไม่เคยรู้สึกประทับใจใครง่ายๆ มาก่อน แต่ความจริงใจและเปิดเผยของลู่เฉินทำให้เธอได้รู้จักกับผู้ชายที่แตกต่างไปอีกแบบ
เฉินเฟยเอ๋อร์ช่างโชคดีเหลือเกิน!
……………………………………