เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกขอบคุณเนี่ยจิงเสินเป็นล้นพ้น คิดเกลี้ยกล่อมให้เขาเลือกแดนอุดมสมบูรณ์ที่มีสภาพแวดล้อมดีกว่า
“ไม่เป็นไร ข้าไม่คิดจะอยู่ที่นี่อยู่แล้ว” เนี่ยจิงเสินกลับปลอบเยี่ยนจ้าวเกอแทน
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็ไม่เกลี้ยกล่อมอีก พลันนึกอะไรขึ้นได้ กล่าวเตือนว่า “จริงด้วยศิษย์พี่เนี่ย ตอนนี้แม้เฉินเฉียนหัวจะต้องเร้นกายรักษาตัวเพราะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็จำเป็นต้องระวัง เขาอาจจะจ้องหาเรื่องท่านโดยเฉพาะ”
“ให้เขามาเถอะ” เนี่ยจิงเสินเอ่ยอย่างเฉยชา “พูดจากใจ ตอนนี้หากข้าสู้กับเขา แพ้ชนะห้าสิบห้าสิบ แม้ไม่มีโอกาสชนะมากพอ ทว่าคู่ต่อสู้เช่นนี้กลับส่งผลดีต่อฝึกฝนมรรคากระบี่ของข้า”
“ไม่ ศิษย์พี่เนี่ย ท่านเข้าใจผิดแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอแยกเขี้ยว “ความหมายของข้าคือ ไม่ใช่เฉินเฉียนหัวมาแก้แค้นท่าน แต่มาหาเรื่องท่านเพื่อหาความบันเทิงให้แก่ความเหลวไหลของตัวเขาเอง”
เฉินเฉียนหัวครอบครองคัมภีร์เกิดนภา ทั้งยังมีระดับความสามารถล้ำลึก นี่ทำให้เขาแทบจะทราบถึงอดีตและอนาคตของคนส่วนใหญ่ในโลกหล้า
แน่นอนว่าเขาไม่อาจเก็บรวบรวมข่าวสาร หรือรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้เอง จำเป็นต้องยืนยันเป้าหมายก่อนค่อยไปตรวจสอบอนุมาน mว่าขอแค่เขาต้องการ คนที่มีระดับพลังฝึกปรือต่ำกว่าหรือเท่ากับเขาย่อมไม่มีความลับให้เอ่ยถึง
ในสถานการณ์เช่นนี้ การดำรงอยู่ของข้อยกเว้นทั้งหลายย่อมสะกิดความสนใจของเฉินเฉียนหัว
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ต้องพูดถึงมากความ เยี่ยนตี๋เป็นเพราะมีเมฆแปลงกำเนิดคุ้มครองกาย ดังนั้นคัมภีร์เกิดนภาจึงไม่อาจอนุมาน
ปัจจุบัน ยังเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง นั่นก็คือเนี่ยจิงเสินที่ครองครองบรรพครรภ์ก่อนกำเนิด
เนี่ยจิงเสินทำลายแผนการรับตำแหน่งประมุขทักษิณของเฉินเฉียนหัว อาจทำให้เฉินเฉียนหัวรู้สึกไม่พอใจ
แต่หากบอกว่าเขาต้องการแก้แค้นเนี่ยจิงเสินเพราะสาเหตุนี้ กลับไม่แน่นัก
อาจเป็นเพราะว่าเนี่ยจิงเสินครอบครองบรรพครรภ์ก่อนกำเนิด ทำให้เขามองไม่ออก จึงดึงดูดความสนใจของเฉินเฉียนหัวยิ่งกว่าเดิม
นี่ถ้าหากว่าเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง เยี่ยนจ้าวเกอย่อมยินดีผลักภาระให้ ทว่าเนี่ยจิงเสินเป็นคนกันเอง เขาจำเป็นต้องเตือน
“หมายความว่าเขาจะทำผ่านวิธีการอื่นๆ ไม่ใช้การเปรียบวรยุทธ์มาแก้แค้นข้าหรือ” เนี่ยจิงเสินเข้าใจ
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “คนเช่นเฉินเฉียนหัวชมชอบต่อสู้กับผู้คน มีความยินดีไร้สิ้นสุด แน่นอนว่าหมายถึงคนที่ทำให้เขาสนใจ ทว่าขณะที่เขาต่อสู้ เขากลับไม่ได้เก่งกาจมาก แม้นเขาจะมีความสามารถล้ำเลิศ แต่ว่าในการลงมือออกกระบวนท่ากับผู้คน เป็นแค่วิธีหาความบันเทิงของเขา แต่ในด้านการต่อสู้ เขาไม่ค่อยถนัดนัก”
พอได้ฟังคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ เนี่ยจิงเสินก็เหมือนนึกอะไรได้ “มิน่าถึงรู้สึกว่าเขาต่างจากจอมยุทธ์ทั่วไป”
สองคนคุยกันพักหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอค่อยพูดถึงเรื่องธงพฤหัสบดี ฝ่ายเนี่ยจิงเสินส่ายหน้า “เฉินทิศบนไปได้ของวิเศษชิ้นนี้มาจากใคร ข้าเองก็ไม่ทราบ”
เขาพลันนึกอะไรออก รีบกล่าว “จริงด้วย กระบี่พระศุกร์ยังอยู่”
กระบี่พระศุกร์เป็นศาสตราที่ราชันพระศุกร์เยี่ยนซิงถางหลอมสร้างขึ้นเพื่อให้สมชื่อกับเก้านพเคราะห์ เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งในมรรคากระบี่ของโลกซ้อนโลกโดยที่ไม่มีผู้ใดโต้แย้ง เทียบเท่ากับของวิเศษอย่างตราประทับพระอาทิตย์ มงกุฎจันทรา และธงพฤหัสบดี
ต่อมาเยี่ยนซิงถางได้ส่งกระบี่นี้ให้แก่ลูกศิษย์ ซึ่งก็คือกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยในปัจจุบัน
การฝึกปรือของเยว่เจิ้งเป่ยไม่ต้องใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว แต่เพราะคิดถึงอาจารย์ผู้มีพระคุณ กระบี่เล่มนี้จึงถูกเยว่เจิ้นเป้ยพกติดตัวมาโดยตลอด ไม่เคยห่างแม้สักชุ่นเดียว
“กระบี่พระพุทธจะต้องมอบให้อาจารย์อาเยี่ยนแน่นอน แต่ว่าอาจารย์อาเยี่ยนไม่ได้ใช้กระบี่ สุดท้ายกระบี่เล่มนี้คงมอบให้แก่เจ้า” เนี่ยจิงเสินว่า “กระนั้นต้องรอท่าอาจารย์กลับมาจากมิติต่างแดนเสียก่อน”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง “ในเมื่อท่านปู่มอบให้แก่อาจารย์ลุงเยว่ ก็สมควรมอบให้ผู้สืบทอดของเขานครหยกจะวิเศษกว่า จะว่าไปคนที่เหมาะสมที่สุดเป็นศิษย์พี่เนี่ยท่านแล้ว”
“ข้าไม่จำเป็นแล้ว” เนี่ยจิงเสินส่ายหน้า “ตั้งแต่ข้าเริ่มร่ำเรียนกระบี่กับท่านอาจารย์ ข้าก็หลอมกระบี่เอง ถึงกระบี่พระศุกร์จะยอดเยี่ยม แต่ข้ายังชอบกระบี่ที่ข้าเซ่นหลอมขึ้นมาเองมากกว่า”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่กลับเหมือนยอดฝีมือมรรคากระบี่อีกคนหนึ่งที่ข้ารู้จัก”
เนี่ยจิงเสินได้ยินก็มองมา
“บุตรคนที่สามของกษัตริย์ลี้ลับและจักรพรรดิน้ำพุแห่งมรกตท่องฟ้า อาจารย์ลุงหลง หลงเสวี่ยจี้” เยี่ยนจ้าวเกอให้คำตอบ “ท่านอาจจะคุ้นกับอีกชื่อของเขา เฉียนเสวี่ยจี้ อดีตเทพกระบี่น้อย”
เนี่ยจิงเสินพยักหน้า “หวังว่าจะมีสักวันที่มีโอกาสไปมรกตท่องฟ้า”
เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้ว
ควรกล่าวว่าต้องมีโอกาสที่เหมาะสมถึงจะถูก
ครั้งกระโน้นในยุคที่เยี่ยนซิงถางและหลงซิงเฉวียนสองพี่น้องใช้กระบี่สะกดฟ้าท่องมกรต ความสัมพันธ์ของโลกซ้อนโลกกับมรกตท่องฟ้ายังไม่เลวนัก ดังนั้นเมื่อสองฝ่ายสู้กัน โดยลักษณะแล้วสมควรเป็นการแลกเปลี่ยนกระบวนท่า
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ตึงเครียดยิ่ง ต่างมองกันเป็นศัตรู ถ้าเนี่ยจิงเสินคิดเลียนแบบการกระทำของอาจารย์ปู่เยี่ยนซิงถาง ก็ไม่ต่างอะไรกับการยั่วยุประกาศสงคราม
เสมือนดึงเส้นผมเส้นเดียวสะเทือนทั้งร่าง สะเก็ดไฟเพียงจุดเดียวอาจจะจุดถังดินประสิวขนาดใหญ่ทั้งสองให้ระเบิด
มีแต่พ่อลูกตระกูลเยี่ยนเท่านั้นที่สามารถไปยังมรกตท่องฟ้าได้โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาอะไร
หลังจากพูดคุยกับเนี่ยจิงเสินเสร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็ออกจากเขตเพลิงทักษิณ มาถึงเขตมหานภากลางอย่างเป็นทางการ
เขาไม่ได้กลับเขาคุนหลุนในทันที มุ่งหน้าไปทางตะวันออก ถึงเทือกเขาเมฆาเชื่อมซึ่งอยู่บริเวณตะวันออกของเขตมหานภากลาง
จวนวายุอัสนีตั้งอยู่ที่นี่
พอเห็นเยี่ยนจ้าวเกอมาถึง เหิงเซียนต๋า ผู้ปกครองจวนวายุอัสนีก็มาต้อนรับด้วยตัวเอง
หลังจากต้อนรับเยี่ยนจ้าวเกอเข้าจวนแล้ว เหิงเซียนต๋าก็บอกว่า “ท่านเยี่ยน เป็นไปตามความต้องการของท่าน ข่าวได้ถูกกระจายออกไปแล้ว เขตมหานภากลางต่างรู้จักชื่อของตึกความลับฟ้า อีกแปดเขตที่เหลือก็ได้รับข่าวแล้วเช่นกัน”
ตึกความลับฟ้า เป็นชื่อที่เยี่ยนจ้าวเกอกำหนด ก่อนหน้าได้แจ้งจวนวายุอัสนี ใช้จวนวายุอัสนีสร้างสภาวะขึ้นมาผ่านช่องทางที่มีอยู่แต่เดิม
ที่ตั้งก็ได้กำหนดไว้ตั้งแต่แรกแล้วเช่นกัน ทั้งยังขุดดินเริ่มก่อสร้าง จนถึงตอนนี้ก็เกือบจะเสร็จแล้ว
แน่นนอว่า การเลือกที่อยู่ไม่มีทางเลือกเทือกเขาเมฆาเชื่อม ถ้าหากอยู่รวมกับจวนวายุอัสนี ออกจะเบียดเสียดเกินไป
“รบกวนผู้ปกครองจวนผู้อาวุโสเหิงแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ก่อนหน้ามีเรื่องราวที่ต้องจัดการมากไป ทำให้เสียเวลาไปบ้าง แต่อีกเดี๋ยวจะได้เห็นของวิเศษชุดแรกแล้ว”
เขารู้ว่าจอมยุทธ์จวนวายุอัสนีเช่นพวกเหิงเซียนต๋าต้องการสายฟ้าเทวราชมากที่สุด
สาเหตุที่กระตือรือร้น พยายามสุดกำลังขนาดนี้ เป็นเพราะอยากได้สายฟ้าเทวราชจำนวนมากจากมือเยี่ยนจ้าวเกอ
สำหรับจวนวายุอัสนีที่ถนัดการหลอมอุปกรณ์ ไม่ขาดแคลนอาวุธ ทว่าการฝึกปรือวรยุทธ์ของตัวเองเกือบจะแตะถึงคอขวด นี่จึงเป็นสิ่งของที่พวกเขาถวิลหา
“หากท่านเยี่ยนมีธุระสามารถจัดการได้อย่างเต็มที่ ภารกิจในตอนนี้ข้าจะตั้งใจดูแล ไม่ให้เกิดรูรั่วใดๆ” เหิงเซียนต๋ายิ้มกว้างจนหุบปากไม่ได้ กล่าว “เพียงแต่ไม่ทราบว่ามีการกำหนดข้อบังคับอย่างเป็นรูปธรรมหรือไม่ จะประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการเมื่อใด”
เยี่ยนจ้าวเกอคำนวนในใจครู่หนึ่ง ค่อยตอบว่า “อย่างน้อยครึ่งปี อย่างมากหนึ่งปี”
“อืม ท่านเยี่ยน นี่ออกจะ…” เหิงเซียนต๋ากล่าวอ้อมๆ “หากเวลานานเกินไป ผู้คนอาจจะไม่สนใจเท่าตอนนี้แล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ดูจากสถานการณ์ที่พวกท่านเล่าในตอนนี้ ปัจจุบันความสนใจของผู้คนยังไม่ได้พุ่งสู่จุดสูงสุด ยังคงดำเนินต่อไปได้ แน่นอนว่าความกังวลของผู้ปกครองจวนอาวุโสก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล ข้าผู้แซ่เยี่ยนมีความคิดของตัวเอง ผ่านไปอีกสักพักจะทำการเคลื่อนไหว ทำให้ความนิยมไม่หายไป”
เหิงเซียนต๋าพยักหน้า “ท่านเยี่ยนย่อมมีแผนอยู่แต่แรก เช่นนั้นข้าไม่ขอกล่าวมากความแล้ว เชื่อว่าวันนั้นจะเกิดเส้นทางใหม่ขึ้น”
“เกิดเส้นทางใหม่หรือ” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ
มีเส้นทางใหม่อยู่จริงๆ มิหนำซ้ำยังเป็นเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่พวกเหิงเซียนต๋าคาดไม่ถึงในตอนนี้ด้วย
………………..