ตอนที่ 728 สายเลือดของตระกูลเรนเกล!
พอคำพูดนี้ออกมา แม้แต่ผู้พิพากษาก็ยังอึ้ง
ต่อมาเขาก็ดึงสติ สั่งเสียงขรึม “เอามาดู”
เจ้าหน้าที่กดปุ่มเปิดข้อมูล ใช้รูปแบบแสดงข้อมูลบนหน้าจอ
[ดำเนินการพิสูจน์ดีเอ็นเอตามกฎของเมนเดลและการประยุกต์ใช้ต่างๆ อัตราความเป็นไปได้ที่เป็นบิดาคือ 0.99999999989
จากการพิสูจน์ข้างต้น อวี้เซ่าอิ่งกับอวี้เซ่าอวิ๋นไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด]
บนหน้าจอยังมีเปรียบเทียบลักษณะภายนอกของอวี้เซ่าอิ่งกับอวี้เซ่าอวิ๋น
ผู้พิพากษาแทบหยุดหายใจ “ไม่ใช่คนตระกูลอวี้เหรอ”
กล้าหลอกลวงเรื่องลูกในตระกูลชนชั้นสูง จูซาจะใจกล้าเกินไปแล้ว
ด้านหนึ่งปิดบังสำนักผู้วิเศษ อีกด้านก็หลอกลวงตระกูลอวี้
ไม่มีใครจับได้ยี่สิบปี เก็บซ่อนดีมากจริงๆ
เจ้าหน้าที่เกาหัว “แต่ผู้พิพากษาครับ พวกเราเองก็ได้ตรวจดีเอ็นเอของอวี้เซ่าอิ่งกับเธอด้วยครับ
ขณะพูดเขาก็ได้เปิดเอกสารอีกฉบับหนึ่ง
[จากการพิสูจน์ข้างต้น อวี้เซ่าอิ่งกับจูซาไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด]
ไม่ใช่ทั้งนั้นเหรอ!
ผู้พิพากษาช็อกจนพูดไม่ออก ผ่านไปสักพักถึงเปล่งเสียงออกมาได้ “เช็กกับคลังพันธุกรรมแล้วหรือยัง”
“เช็กแล้วครับ ไม่มีของใครที่สอดคล้องกันเลยครับ” เจ้าหน้าที่เม้มริมฝีปาก “ถ้าไม่ใช่ตระกูลชั้นยอดก็คงเป็นพวกทาสหรือพลเมืองชั้นสามที่ไม่มีคุณสมบัติเข้าคลังพันธุกรรมครับ”
“คราวนี้เรื่องใหญ่แล้ว” ผู้พิพากษาเช็ดเหงื่อ “เอาตัวเธอไปขึ้นศาลตัดสิน ทำตามขั้นตอน!”
จูซาเป็นเพียงอดีตผู้บัญชาการหน่วยอัศวิน ไม่มีทางเทียบกับผู้บัญชาการหน่วยอัศวินทั้งสี่คนของปัจจุบันได้
สำนักผู้วิเศษก็มีข่าวสายใน
ใครก็ปกป้องไม่ได้
…
ในเวลาเดียวกัน สำนักผู้วิเศษ
ผู้วิเศษผู้พิพากษาก็ไม่ได้ปรากฏตัวนานแล้ว แต่ศาลตัดสินขึ้นตรงกับเขา ยังคงมีอำนาจและสถานะที่สูงมาก
ไม่ว่าจะซาโรห์หรือหลุยส์ต่างไม่มีทางเข้าแทรกแซงเรื่องของศาลตัดสิน
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ อีกทั้งตัวต้นเรื่องยังเคยรับใช้สำนักผู้วิเศษ ซาโรห์ไม่อยากรับรู้ก็คงยาก
คนดูแลถามด้วยความนอบน้อม “ท่านจักรพรรดินีครับ เรื่องจูซา…”
“มีเรื่องอะไร” ซาโรห์ก้มหน้าอ่านหนังสือ “ฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ กรรมตามสนอง ไม่ได้เรื่อง”
เรื่องที่จูซาทำ ปิดบังทุกคนได้ แต่ปิดบังซาโรห์ไม่ได้
ซาโรห์เห็นทุกอย่างในสายตา ก็แค่ไม่ทำอะไร
ในแต่ละวันมีเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งโลกมากมาย คนดีมีเยอะ แต่คนเลวก็มีอยู่ไม่น้อย
ทุกอย่างถูกลิขิตไว้ ปล่อยไปตามธรรมชาติ ซาโรห์ย่อมไม่มีทางยุ่ง
คนดูแลเข้าใจ “เข้าใจแล้วครับท่านจักรพรรดินี”
“ส่วนฟู่อวิ๋นเซิน…”สายตาของซาโรห์จับจ้อง สักพักถึงกลับมาปกติ เธอหันไปสั่ง “ไปที่ศาลตัดสินแล้วอ้างชื่อฉัน แสดงท่าทีของสำนักผู้วิเศษว่าทางเราไม่มีทางลำเอียง ทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการตัดสิน”
คนดูแลถอยออกไป “ครับท่านจักรพรรดินี”
…
ศาลตัดสิน
ภายในศาลมีคนนั่งอยู่เต็ม
จูซาถูกใส่กุญแจมือไฟฟ้า ยืนอยู่ตรงกลางสุด
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เธอ เจือด้วยความรังเกียจ
ราวกับหนามที่ทิ่มแทงด้านหลัง ร่างกายของเธอสั่นไม่หยุด สีหน้าที่แต่ไหนแต่ไรเสแสร้งได้อย่างแนบเนียนก็เริ่มซีดลง
คนเราล้วนมีศักดิ์ศรี
แม้แต่ตอนนั้นฟู่หลิวอิ๋งที่ถูกคนรุมประณามก็ยังไม่เคยประสบเหตุการณ์ที่ถูกตัดสินต่อหน้าคนทั้งเมืองแบบนี้
จูซารู้สึกอับอายและไร้เกียรติแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ซาโรห์ไม่มีท่าทีจะปกป้องเธอเลยสักนิด
ตามคาด คนธรรมดาเป็นเพียงแขกที่ไม่มีค่าในสายตาของผู้ที่อายุยืน
“ป้าก็ยื่นคำร้องไปที่ศาลตัดสินแล้ว ห้ามปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปเด็ดขาด” ซู่เวิ่นถอนหายใจเบาๆ “ลำบากเธอแล้วจริงๆ”
ถ้าไม่มีจูซาวางแผนขัดขวาง เดิมก็ไม่มีทางเกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้
“เพิ่งชำระแค้นไปได้ครึ่งเดียว” ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าเล็กน้อย “ยังเหลือส่วนที่สำคัญที่สุด”
เขารอมานานขนาดนี้ก็เพื่อวันนี้
อิ๋งจื่อจินจับมือเขา “อีกไม่นานหรอก”
เมื่อเทียบกับสัญลักษณ์หัวกะโหลกสีดำ ความฉลาดอวดดีของจูซาเล็กน้อยมาก
“จะว่าไปพอเห็นผู้หญิงคนนั้นตอนนี้ ป้ากลับนึกอะไรออก” ซู่เวิ่นพูด “เป้าหมายแรกของเธอน่าจะเป็นลูเอล”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “พอจะเดาได้ค่ะ”
หัวหน้าตระกูลเรนเกลคนก่อน หรือก็คือพ่อของลูเอลกับซีนายจากไปเร็ว
ลูเอลเป็นลูกชายคนโต อีกทั้งยังไม่มีใครสู้ความสามารถของเขาได้
เขาขึ้นตำแหน่งหัวตระกูลตั้งแต่อายุยี่สิบ มีอำนาจอย่างสิ้นเชิง
ในตระกูลไม่มีใครครอบงำเขาได้
หากว่าด้วยเรื่องฝีมือการต่อสู้ อวี้เซ่าอวิ๋นย่อมเก่งกว่าลูเอล แต่เขากลับอยู่ในตระกูลอวี้อย่างยากลำบาก
“น่าสงสารกันทั้งนั้น” ซู่เวิ่นถอนหายใจเบาๆ “ถ้าตอนนั้น…”
พอพูดถึงตรงนี้เธอก็ไม่พูดต่อแล้ว
อวี้เซ่าอวิ๋นกับฟู่หลิวอิ๋งเป็นแบบนั้น เธอกับลูเอลก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน
พวกคนคุ้มกันที่ตอนนั้นตามลูเอลออกไปต่างตายหมด ลูเอลก็ไร้ร่องรอย เรื่องราวกลายเป็นปริศนา
พ่อบ้านพาคนออกไปนอกเมืองหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะนำข่าวกลับมา
ซู่เวิ่นสะบัดหน้า สายตากลับไปที่ด้านหน้าอีกครั้ง
แต่เรื่องที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจมากก็คือ คำพูดแรกของผู้พิพากษาไม่ใช่การกล่าวโทษ “คุณชายอวี้เซ่าอิ่งเป็นลูกของใคร!”
“!”
คำถามเดียวเกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
ผู้พิพากษาก็ไม่ให้โอกาสจูซาได้เถียง แสดงผลตรวจดีเอ็นเอสองฉบับให้ดู
[โอโห!]
[ไม่ใช่ลูกของหัวหน้าตระกูลยังพอเข้าใจ ยังไงซะผู้หญิงคนนี้ก็น่าขยะแขยงขนาดนี้ ไม่แน่อาจมีชู้ แต่ก็ไม่ใช่ลูกของเธอด้วยงั้นเหรอ]
จูซาออกอาการลนลานจนกระทั่งใจเย็นลง เธอยิ้ม “ค่ะ ฉันยอมรับ ฉันไม่ได้มีทายาทสืบสกุลให้ตระกูลอวี้ตั้งแต่แรก”
เซ่าอวิ๋นตะลึง
แม้จะยุ่งเรื่องในตระกูล รังเกียจจูซา แต่เขาก็เอาใจใส่อวี้เซ่าอิ่งพอสมควร
แต่ไหนแต่ไรอวี้เซ่าอิ่งไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า ในที่สุดสีหน้าก็เริ่มเปลี่ยน
มิน่าเขาถึงรู้สึกได้ถึงความห่างเหินที่มาจากส่วนลึกของจูซา ความอ่อนโยนผิวเผินก็แสร้งกลบไม่มิด
ที่แท้เขาก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ
อวี้เซ่าอิ่งละสายตา
ไม่เป็นไร
เขาคนเดียวก็พอแล้ว
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกใคร” น้ำเสียงของจูซาเย็นชาไร้เยื่อใย “เขาเป็นลูกของทาสที่ฉันเก็บได้ข้างถนน ฉันทำให้เขามีชีวิตกินดีอยู่ดีมาสิบแปดปี ยังไม่พออีกเหรอ”
ศาลตัดสินไม่มีเวลาไปหาดีเอ็นเอของคนที่ไม่ได้มีบันทึกในคลังพันธุกรรมมาไล่เทียบทีละคน
ผู้พิพากษาหยุดเล็กน้อย “ต่อไป…”
มีเสียงพูดขัดจังหวะดังมาจากนอกศาล “ขอให้ผู้พิพากษาช่วยตรวจดีเอ็นเอของฉันกับเขาด้วยค่ะ”
จูซาหันไปมองทันที สีหน้าเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีแม้แต่เวลาแต่งหน้าจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ผมเผ้ายังยุ่งเหยิง แต่ก็ไม่อาจบดบังใบหน้าที่งดงามของเธอ
เธอรีบก้าวขึ้นหน้าแล้วคุกเข่า พูดขึ้นอีกครั้ง “ลูน่า เรนเกล ขอให้ผู้พิพากษาช่วยตรวจดีเอ็นเอตอนนี้เลยค่ะ!”
ซู่เวิ่นก็เพิ่งได้สติ เธอตกใจมาก “น้องสี่?”
ในความทรงจำของเธอ ลูน่ายังคงเป็นหญิงสาวที่งดงามเสมอ
ยี่สิบปีผ่านไป ลูน่าก็แก่ลงไปมาก
ทั้งๆ ที่เพิ่งอายุสี่สิบต้นๆ แต่ผมขาวทั้งหัวแล้ว ดูแก่กว่าคนวัยเดียวกันมาก
พอเธอฟื้นขึ้นมา ได้ยินว่าหลังจากเธอหมดสติไปหนึ่งปีลูกของลูน่าก็หายไป
พอค้นหากลับมาได้อีกครั้งก็ถูกสัตว์ป่าที่ไม่ทราบชนิดกินไปแล้ว เหลือเพียงกระดูก
เดิมทีด้วยสถานะและอิทธิพลของตระกูลเรนเกลไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้
แต่ตอนนั้นลูเอลหายสาบสูญ เธอหมดสติ ตระกูลเรนเกลกำลังตกอยู่ในอันตรายแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
หรือว่า…
“พี่สะใภ้ใหญ่” ลูน่าเงยหน้า พูดทั้งน้ำตา “ฉันยอมรับว่าบุ่มบ่าม แต่ฉันก็อยากลองดู”
ขณะพูดเธอก็หันไปคำนับด้านหน้าอีกครั้ง “ขอความกรุณาท่านผู้พิพากษาด้วยค่ะ”
“คุณลูน่า ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ครับ” ผู้พิพากษารีบให้คนเข้าไปประคองลูน่าลุกขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “พวกเราทำตามคำขอของคุณได้อยู่แล้วครับ”
ลูน่าดึงผมเส้นหนึ่งยื่นให้แล้วถึงยืนขึ้น “ขอบคุณท่านผู้พิพากษาค่ะ”
มือของจูซาเริ่มกำแน่นขึ้น หลับตาลง ร่างกายสั่นเล็กน้อย
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาลง เห็นทุกสีหน้าของจูซา
อวี้เซ่าอิ่งเงยหน้าทันที เขามองลูน่าที่ดูแก่กว่าจูซามากด้วยสีหน้าอึ้งๆ
ทั้งๆ ที่เขาไม่มีความคล้ายลูน่าเลยสักนิด
พอคำพูดนี้ออกมาก็ทำให้ชาวเมืองที่ไม่ว่าจะอยู่ในศาลหรือรับชมถ่ายทอดสดในเน็ตต่างก็ตะลึง
[อื้อหือ ไม่มั้งๆ ไม่น่าเลวขนาดนั้นมั้ง]
[รอชมข่าวเด็ด]
[ถ้าเป็นจริง จูซาก็น่าขยะแขยงแบบสุดๆ เลยนะ ทำลายสองตระกูลเลย]
ในเวลาห้านาทีผลตรวจดีเอ็นเอก็ออกมา
ผู้พิพากษาหันไปสั่ง “เอาขึ้นจอ”
จากนั้นก็มีข้อความปรากฏขึ้น
[ดำเนินการพิสูจน์ดีเอ็นเอตามกฎของเมนเดลและการประยุกต์ใช้ต่างๆ จาก STR เก้าตำแหน่ง เช่น DBS1179 ซึ่งเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่สืบทอดกันมาของมนุษย์ อัตราความเป็นไปได้ที่ไม่ใช่มารดาคือ 0.99999999989
จากการพิสูจน์ข้างต้น อวี้เซ่าอิ่งเป็นลูกชายในสายเลือดของลูน่า เรนเกล]
สายเลือดของตระกูลเรนเกล!