บทที่ 384 การแสดงอันห่วยแตกของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต!
“หากมีคนโปรดสัตว์บุตรทั้งเก้าของข้าสำเร็จ เช่นนั้นทุกอย่างบนเกาะมหานทีรวมถึงมรดกและเตาหลอมเทพสุริยะของข้า ข้าก็จะมอบให้ด้วยความยินดี”
มหาจักรพรรดิอีกาทองเอ่ยราบเรียบ แต่กลับแน่วแน่ยิ่ง “แน่นอน หากทุกคนไม่มีกลยุทธ์รับมือ ข้าก็จะไม่บังคับ เวทีประลองทั้งเก้านี้เป็นที่ฝึกฝนของนักรบใต้สังกัดข้า แฝงไว้ด้วยท่วงทำนองมรรคจำนวนมาก หากทุกท่านตั้งใจตระหนักก็อาจจะตระหนักรู้ได้ นี่ถือว่าเป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ข้าให้กับทุกท่านแล้วกัน”
“สิ้นคำพูดตรงนี้ ทุกท่านเชิญเถอะ!”
เพิ่งเอ่ยจบ ร่างเงาจักรพรรดิยิ่งใหญ่ก็จมหายไปในเตาหลอมเทพสุริยะอีกครั้ง
เหลือเพียงผู้อริยะและผู้สูงศักดิ์สวรรค์จากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ที่มองหน้ากัน เวลานี้ไม่รู้ว่าควรจะเลือกอย่างไร
พวกเขาสัมผัสได้ว่าเวทีประลองทั้งเก้าใต้เท้าไม่ธรรมดามาก อีกทั้งกฎเกณฑ์ต่างๆ บนเวทีประลองยังมีระดับความชัดเจนมากกว่าโลกภายนอกสิบเท่า ยามที่ตระหนักมรรคจะได้ผลดีเป็นเท่าตัว
หากตกตะกอนอยู่ในห้วงตระหนักมรรคอย่างแท้จริง กระทั่งอาจจะได้เห็นการประลองระหว่างขุนศึกที่แกร่งที่สุดใต้สังกัดมหาจักรพรรดิอีกาทองยุคโบราณ
การประลองเช่นนี้มีประโยชน์กับชนรุ่นหลังมาก สามารถดูดซับประสบการณ์การต่อสู้อันล้ำค่า ถึงขั้นได้ตระหนักทักษะการจู่โจมและวิชาลับสูงสุดของผู้แข็งแกร่งยุคโบราณ
แน่นอนว่าถ้าเทียบกับประลองกันบนเวทีเทพสงครามในหอคอยเทพสงครามแล้ว เจ้านี่ด้อยกว่าเล็กน้อย
ถึงอย่างไรหอคอยเทพสงครามก็อยู่โลกเซียน และยังเป็นสมบัติสุดยอดล้ำค่ายิ่ง
แต่เขาก็ไม่ได้ให้ใช้เปล่าๆ
สิ่งใดในโลกนี้ที่ดีงามที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นของให้เปล่า!
ดังนั้นต่อให้เป็นพวกศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ตอนนี้ก็ยังมองเวทีประลองทั้งเก้าด้วยดวงตาเร่าร้อนมาก
เวลานี้ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ที่ประเมินตัวเองได้ว่าไม่อาจรับมือกับวิญญาณอาฆาตอีกาทองได้จึงนั่งบนเวทีประลองกันอย่างว่าง่าย เริ่มตระหนักตราประทับกฎเกณฑ์ที่อยู่บนเวทีประลอง
ส่วนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองเสิ่นเทียน ประกายเซียนกระเพื่อม “เทียนเอ๋อร์ เจ้ามั่นใจว่าจะโปรดสัตว์วิญญาณอาฆาตอีกาทองนี่ได้หรือไม่”
เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนพูดอย่างจนปัญญา “หากมีเพียงแค่ตัวเดียว ศิษย์ก็ลองโปรดสัตว์ได้ แต่อีกาทองสองตัวร่วมมือกัน ศิษย์รับมือได้ยากยิ่ง จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงโปรดสัตว์”
ถึงอย่างไรข้าก็เป็นเพียงเด็กระดับกายทองเท่านั้น!
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา อาจารย์ลุงจะช่วยเจ้าลากออกไปตัวหนึ่ง อาจารย์เจ้าตรึงไว้สองตัวไม่ใช่ปัญหา
หรือก็คือขอแค่ไม่ซวยเจออีกาทองโผล่มาพร้อมกันสี่ตัว เราพี่น้องสามคนช่วยกันโจมตี ค่อยๆ โปรดสัตว์ไปก็ไม่ยาก แต่ว่าน้องชายต้องคำนวณบัญชีให้ชัดเจน ถึงตอนนั้นโปรดสัตว์อีกาทองเก้าตัวหมดแล้ว มหาจักรพรรดิอีกาทองต้องมอบผลประโยชน์ให้แน่ ค่าตอบแทนตรงนี้จะแบ่งกันอย่างไร
ศิษย์น้อง ศิษย์หลานน้อย พวกเจ้าจะกินส่วนของอาจารย์ลุงไม่ได้นะ”
พี่น้องสามคน~
เสิ่นเทียนปาดเหงื่อ นี่มันการแบ่งรุ่นอะไรกัน!
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตอย่างเฉยชา “เทียนเอ๋อร์ตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันถึงระดับสูงสุด รวมเป็นปรากฏการณ์สิบตะวันค้ำฟ้า เดิมทีมีคุณสมบัติสืบทอดมรดกของมหาจักรพรรดิอีกาทองอยู่แล้ว
ข้าจะช่วยเทียนเอ๋อร์กำราบอีกาทองพวกนั้น ช่วยเทียนเอ๋อร์โปรดสัตว์พวกเขาโดยไม่รับสิ่งใดตอบแทนเอง ศิษย์พี่ไม่จำเป็นต้องลำบาก ตระหนักมรรคอยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถอะ!”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตงุนงง
ตระหนักมรรครึ
นี่เจ้าจะแอบเนียนไปโปรดสัตว์วิญญาณอาฆาตอีกาทองกับศิษย์ และถือโอกาสปล้นสมบัติ ให้ศิษย์พี่ตระหนักมรรคอยู่ในที่คร่ำครึเช่นนี้รึ
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตแสดงออกเลยว่าข้าไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นคนฉลาด!
เรื่องกอดต้นขานี่ ข้าก็ต้องเอาด้วยเช่นกัน
จากที่มหาจักรพรรดิอีกาทองกล่าวมา สุสานจักรพรรดิแห่งนี้ผนึกอีกาทองเก้าตัวได้นานสุดสามเดือน ภายในสามเดือนนี้ อีกาทองพวกนั้นจะทลายผนึกออกมาทีละตัว
เพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาด หนึ่งเดือนจากนี้เกาะมหานทีจะเผาทำลายตัวเอง
ไม่ว่าจะโปรดสัตว์วิญญาณอาฆาตอีกาทองได้หรือไม่ เวลาหนึ่งเดือนที่เหลือนี้ ไม่ควรจะมาเสียไปกับเวทีประลอง
ต้องรู้ว่าในสุสานจักรพรรดิมีแต่สมบัติล้ำค่า
ด้วยศักยภาพของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต ขอแค่ไม่โดนอีกาทองสามตัวขึ้นไปปิดล้อม ต่อให้สู้ไม่ได้ อย่างน้อยก็หนีออกมาได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การปล้นสมบัติไปทั่วทุกแห่งหนต่างหากคือราชธรรม
อีกทั้งตอนปล้นสุสาน ตามใครจะดีกว่า แน่นอนว่าต้องตามสิ่งมงคลอย่างเทียนเอ๋อร์!
ไม่ได้ยินเจ้าเด็กโง่ฟางฉางนั่นบอกรึ
พวกเขาตามเจ้าหนูเสิ่นเทียนไปเจอสวนสมุนไพรของมหาจักรพรรดิอีกาทอง
ตรงนั้นมีแต่โอสถล้ำค่าหมื่นปี อย่างแย่สุดก็โอสถวิญญาณระดับสูงสุด
ทำเอาผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตอิจฉาจนตาร้อนผ่าว!
ไม่ได้การ ไม่ว่าจะโปรดสัตว์เดรัจฉานพวกนี้ได้หรือไม่ ก็จะปล่อยศิษย์หลานไปอีกไม่ได้เด็ดขาด
สมบัติในสุสานจักรพรรดิแห่งนี้ ข้าจะต้องได้แบ่งน้ำแกงถ้วยหนึ่ง!
……
สุดท้าย เสิ่นเทียนก็ยังตามเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ออกจากเขตใจกลาง เตรียมเดินทางไปโปรดสัตว์วิญญาณอาฆาตอีกาทองทุกที่
ส่วนนักพรตชราบางคน บอกว่าในสุสานจักรพรรดิอันตรายเกินไปอย่างหน้าไม่อาย ถ้ามีแค่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ปกป้อง เขาไม่วางใจความปลอดภัยของเสิ่นเทียน จึงตามไปด้วย
ส่วนในใจจะคิดอย่างไรกันนั้น มีเพียงเขาที่รู้แก่ใจดี
หลังจากผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่ถูกเคลื่อนย้ายมาถึงเขตแกนกลางแล้ว ในสุสานจักรพรรดิอีกาทองอันกว้างใหญ่ก็เงียบขึ้นมาก
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กลายเป็นแสงสีทองพุ่งทะยานไปในเส้นทาง ความเร็วถึงขีดสุด ไม่ด้อยไปกว่าย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตของเสิ่นเทียนเลย
แน่นอนว่านั่นมีปัจจัยในด้านระดับพลังสูงส่งของเขาด้วย
หากพลังบำเพ็ญของเสิ่นเทียนถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์เช่นกัน นั่นจะเป็นบุรุษที่เร็วที่สุดในห้าดินแดนอย่างแน่นอน
“สุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองใหญ่จริงๆ อีกทั้งวิญญาณอาฆาตอีกาทองพวกนี้ยังถูกผนึกในสุสานมาหลายหมื่นปี คงจะมีระดับความเข้าใจในสุสานจักรพรรดิเหนือกว่าพวกเรามาก”
เสิ่นเทียนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้น “อาจารย์ ท่านกับอาจารย์ลุงแผ่กลิ่นอายพลังแข็งแกร่งเช่นนี้ ทั้งยังเคยทำให้พวกมันเสียเปรียบหนัก เกรงว่าพวกมันคงจะเลี่ยงพวกท่านแล้ว”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ครุ่นคิดก่อนจะพูดอย่างเฉยชา “เทียนเอ๋อร์เจ้าหมายความเช่นนี้รึ”
เพิ่งเอ่ยจบ กลิ่นอายพลังรอบตัวเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นทีละนิด อ่อนกำลังลง กลิ่นอายพลังยามพุ่งทะยานไปก็มีความตื่นตระหนกรีบร้อนขึ้นมาก เหมือนบาดเจ็บสาหัส
ถ้าไม่ใช่เพราะเสิ่นเทียนกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตอยู่ข้างกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตลอด ตอนนี้ยังไม่มั่นใจเลยว่าบาดเจ็บจริงหรือปลอมกันแน่
‘เจ้าเล่ห์ เจ้าเล่ห์จริงๆ!’
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตมุมปากกระตุกเล็กน้อย แอบพูดแขวะในใจ
ศิษย์น้องคนนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตลอดพันกว่าปีมานี้ โดยเฉพาะลืมความรู้สึก
ลืมความรู้สึก แต่ไม่ลืมความละโมบ ลืมความเจ้าเล่ห์ ลืมความสูญเสียต่างๆ นี่จะล่อนกออกจากถ้ำมาเชือดถอนรากถอนโคนชัดๆ!
แต่ถึงจะใช้วิธีการที่ชั่วร้าย แต่พอนึกดูดีๆ แล้วก็เป็นกลยุทธ์ที่ไม่เลว
อืม ข้าก็เอาด้วยแล้วกัน!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็ตบหน้าอกตนเองเบาๆ กลิ่นอายพลังรอบตัวพลันปั่นป่วนอย่างยิ่ง กระทั่งพ่นโลหิตมาจากปาก
“โอย ข้าบาดเจ็บสาหัสแล้ว ไม่ไหวๆ จะตายแล้ว กระดูกซี่โครงหักไปร้อยแปดสิบท่อน จบแล้ว บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ในสุสานจักรพรรดิที่อันตรายเช่นนี้ แค่สุนัขแมวมาลอบโจมตีข้า ข้าก็จบเห่แล้ว!”
……
เมื่อเห็นการแสดงอันห่วยแตกของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตแล้ว เสิ่นเทียนมีเหงื่อเย็นๆ หยดลงมาจากหน้าผาก
เกินไป แสดงได้เกินไปจริงๆ!
แซ่เสิ่นแค่อยากบอกว่า ข้าฝึกคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันถึงระดับแปรเปลี่ยน สามารถสัมผัสทิศทางของวิญญาณอาฆาตอีกาทองพวกนั้นได้
เพียงแต่กลิ่นอายพลังพวกท่านแกร่งเกินไป เกรงว่ายังไปไม่ถึงมันก็หนีไปแล้ว
ดังนั้นทั้งสองท่านเก็บกลิ่นอายพลังหน่อยได้หรือไม่ พยายามอำพรางตัวไว้อย่าให้พวกมันพบ
ปรากฏว่าดีละ พวกท่านสองคนคิดจะแสร้งบาดเจ็บเพื่อล่อสัตว์ประหลาดรึ
พวกท่านสองคนเป็นผู้อาวุโสตั้งแต่แดนศักดิ์สิทธิ์ตกต่ำจนผงาดขึ้นอีกครั้ง สามสิบหกกลยุทธ์เล่นกันแบบนี้รึ
แต่ดูจากการแสดงอันห่วยแตกของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตแล้ว เสิ่นเทียนสงสัยมากจริงๆ ว่าวิญญาณอาฆาตอีกาทองมาแล้วจะกินเบ็ดจริงๆ หรือ
ดีเลวอย่างไรก็เป็นนกแก่อายุแปดหมื่นปี สติปัญญาไม่ได้ต่ำขนาดนั้นกระมัง!
แต่ความจริงพิสูจน์แล้ว ขนาดนั้นจริงๆ~
เสิ่นเทียนหลับตาลงช้าๆ สัมผัสได้ถึงพลังงานแรงอาฆาตหลายกลุ่มกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว เสิ่นเทียนกำค้อนเทพกำราบสมุทรแน่นโดยไม่รู้ตัว
พวกมัน มาแล้ว!
……
บึ้ม~
เปลวไฟกลุ่มหนึ่งพลันระเบิดตรงมุมโค้งของเส้นทาง ส่องแสงทั้งเส้นทาง
กรรซ์~
ท่ามกลางเสียงนกร้องแหลม ลูกกลมไฟสีแดงเข้มสามลูกมาปรากฏตรงหน้าพวกเสิ่นเทียน แผ่กลิ่นอายร้อนระอุอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะลูกกลมไฟสองลูกในนั้น เห็นได้ชัดว่าพุ่งไปทางเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เหมือนอยากจะสังหารให้เร็วที่สุด
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ซ่อนในลูกกลมไฟสองลูกนี้คือร่างแยกวิญญาณอาฆาตอีกาทองสองตัวนั้นที่ถูกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สังหาร
ตอนนี้ได้รับพลังงานมากพอแล้ว พวกมันจึงรวมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
อีกาทองพวกนี้มาเพื่อแก้แค้น!
………………..