ตอนที่ 746 ขยะ คิดว่าคู่ควรเหรอ
แอ๊กเคานท์ระดับดับเบิลเอสของเว็บดับบลิว นับรวมกันยังไม่ถึงสิบ
คนที่ใช้แอ๊กเคานท์ระดับดับเบิลเอสเหล่านี้คือใคร พวกชาวเมืองต่างก็รู้
ไม่มีใครปลอมแปลงได้
ก่อนลูเอลจะหายตัวไปได้มอบแอ๊กเคานท์ให้ซู่เวิ่น
พอซู่เวิ่นฟื้นขึ้นมาก็ได้ให้คนสนิทช่วยเก็บรักษาไว้
ตอนนี้ถูกนำมาใช้แล้ว
[?]
[อิ๋งจื่อจินแซ่อิ๋งไม่ใช่เหรอ เกี่ยวอะไรกับตระกูลเรนเกลด้วย!]
[ฉันไม่เชื่อ!]
เพียงชั่วพริบตายอดแชร์ก็พุ่งไปถึงหนึ่งแสน
เจ้าของโพสต์เดิมก็นึกไม่ถึง เขาแค่โพสต์ข้อความโดยมีเจตนาไม่ดี แต่กลับถูกตระกูลเรนเกลจับตาดูเข้าให้แล้ว
เขาจ้องประโยค ‘ขอแนะนำหน่อยนะครับ นี่คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเรา’ เหงื่อเริ่มผุดเต็มหน้าผาก
ตระกูลเรนเกลจงใจแน่นอน
ประโยคนี้เหมือนเป็นการตบหน้า ลอยมาตบเขากลางอากาศ
เจ็บปวดแสบร้อน
แต่เขาก็ยังไม่ยอม ใช้วาจาเสียดสีต่อ
[หึๆ อิ๋งจื่อจินเก่งเหลือเกินนะ คงไม่ใช่เคยหลับนอนกับคนระดับสูงของตระกูลเรนเกลหรอกใช่ไหม
งั้นพวกคุณอธิบายมาสิว่า เธอออกไปนอกเมืองทำไม แล้วความลับของคณะวิศวะทำไมถึงไปอยู่ในหอพักของเธอได้]
หลังจากข้อความนี้ออกไป กระแสก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
แอทตระกูลเรนเกล : [เสียงนกเสียงกา นักเลงคีย์บอร์ด อธิบายเหรอ ขยะ คิดว่าคู่ควรเหรอ]
แอทตระกูลเรนเกล : [อ่อ ในเมื่อสร้างข่าวลือใส่ร้ายคุณหนูใหญ่ของพวกเรา งั้นก็เตรียมไปขึ้นศาลตัดสินพร้อมคุณเทียนเยียนได้เลยนะครับ(ยิ้ม)]
ไม่ถึงสองวินาที เจ้าของแอ๊กเคานท์นี้ก็ปิดหนีไปแล้ว
แต่ด้วยความสามารถของตระกูลเรนเกล การลากตัวของเขาออกมาไม่ใช่ปัญหา
ชื่อแอ๊กเคานท์สีทองปรากฏเด่นหรา แสดงถึงอำนาจขั้นเด็ดขาด
การออกโรงครั้งแรกของแอ๊กเคานท์ระดับดับเบิลเอสตระกูลเรนเกลได้เล่นงานชาวเน็ตกลุ่มใหญ่
ไม่แคร์อะไรแม้แต่น้อย เพียงเพื่อปกป้องอิ๋งจื่อจิน
ก่อนหน้านี้เรื่องโปรเจ็กต์ยานอวกาศ บิลก็ถูกชาวเน็ตรุมด่าอยู่ไม่น้อย มีแต่คำพูดแย่ๆ
แต่อย่าว่าแต่ตระกูลเรนเกลจะไม่ออกหน้าเอาคืนให้ กลับไม่มีท่าทีอะไรเลยด้วยซ้ำ
ใครสถานะสูงกว่ากันแน่ แค่นี้ก็รู้แล้ว
“…”
เยี่ยซือชิงตะลึงงัน พูดตะกุกตะกัก “ระ รุ่นน้องอิ๋งคือคุณหนูใหญ่ตระกูลเรนเกลเหรอ!”
นักศึกษาชายก็ตะลึงตาค้าง “นั่นสิ พวกเราทำโปรเจ็กต์ร่วมกับคุณหนูใหญ่มานานขนาดนี้เลย”
นี่มันเรื่องแฟนตาซีอะไรกัน
คุณหนูใหญ่อยู่ข้างกายพวกเราเองเหรอ
ชาร์ตอันดับคำค้นในเว็บดับบลิวร้อนแรงขั้นสุด
สิบอันดับแรกเกี่ยวข้องกับตระกูลเรนเกลและอิ๋งจื่อจิน
#อิ๋งจื่อจิน ตระกูลเรนเกล#
#ตัวตนของอิ๋งจื่อจิน#
#คุณหนูใหญ่#
#ขยะ คิดว่าคู่ควรเหรอ#
[ขำเป็นบ้า พวกคนที่บอกว่าเด็กบ้านนอกแหกตาดูให้ดีๆ ครั้งก่อนใครนะที่ชนะคุณหนูบิลของพวกเธอ]
[ขอให้ความรู้หน่อยนะ ในตระกูลจะมีคุณหนูใหญ่ได้แค่คนเดียว
อำนาจของคุณหนูใหญ่มีมากกว่าสมาชิกสายตรงคนอื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตระกูลเรนเกลเป็นตระกูลชั้นแนวหน้าระดับนี้]
[ฉันอยู่สำนักวิจัย เพราะบิลกับนักศึกษาอิ๋งมีเรื่องขัดแย้งระหว่างกันเลยมีหลายคนที่ช่วยด่านักศึกษาอิ๋งเพื่อเอาใจบิล
ฮ่าๆๆ ตอนนี้นักศึกษาอิ๋งต่างหากที่เป็นคุณหนูใหญ่ พวกโง่ทั้งหลาย นึกไม่ถึงกันล่ะสิ]
[เงียบฉี่ รอชมสภาพคนหน้าจ๋อย (ยิ้ม)]
อย่าว่าแต่พวกนักศึกษาจะนึกไม่ถึง แม้แต่คณบดีกับพวกอาจารย์ของคณะพันธุศาสตร์ก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน
เดิมทีคณบดีนอร์แมนเพิ่งถือปืนเลเซอร์มาระเบิดประตูห้องทำงานของคณบดี เขาก็ได้เห็นที่ตระกูลเรนเกลออกมาโพสต์ข้อความ
รู้สึกสะใจขั้นสุดขึ้นมาทันที
เขาแสยะยิ้มใส่คณบดีคณะพันธุศาสตร์ “เจ้าโง่เอ๊ย แกซวยแน่!”
คณบดีคณะพันธุศาสตร์ยันโต๊ะ “นอร์แมน แกมันบ้า!”
“แกอยากจับนักศึกษาอิ๋งส่งศาลตัดสินไม่ใช่เหรอ” ขณะที่คณบดีนอร์แมนพูดก็ได้โยนโทรศัพท์มือถือลงตรงหน้าคณบดีคณะพันธุศาสตร์พร้อมแสยะยิ้มอีกรอบ “เอาสิ จัดไป”
หลังจากที่เห็นคำว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเรนเกล คราวนี้คณบดีคณะพันธุศาสตร์ก็นั่งไม่ติดจริงๆ แล้ว ทรุดลงไปกองบนพื้น
เขารู้สึกเหลือเชื่อ “เป็นไปได้ยังไง!”
“บนโลกนี้ไม่มีเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” คณบดีนอร์แมนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “คนเรามองกันแค่ภายนอกไม่ได้หรอก ต่อให้เธอเป็นเพียงชาวเมืองธรรมดาๆ แกอยากรังแกเธอก็ต้องเตรียมตัวสูญเสียไว้ด้วยเหมือนกัน”
พูดจบเขาก็ออกจากห้องทำงานโดยไม่หันกลับไปมองอีก
ทิ้งคณบดีคณะพันธุศาสตร์ให้ตัวสั่นเหงื่อแตกอยู่คนเดียว
นี่เขากล้าเล่นงานคุณหนูใหญ่ตระกูลเรนเกลเลยเหรอ
ซวยแล้วไง!
…
เรื่องที่อิ๋งจื่อจินเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเรนเกลได้สร้างความฮือฮาไปทั่วเมืองแห่งโลก
อิ๋งจื่อจินพาตี้อู่เย่ว์มาที่เมืองแห่งโลกก่อนเพื่อที่จะหาเบาะแสของลูเอลให้เร็วขึ้น
แตกต่างกับตอนเข้าเมืองครั้งแรก หลังจากที่พวกคนคุ้มกันรอมานาน พอเห็นอิ๋งจื่อจินก็เรียงแถวคุกเข่าข้างเดียว กำมือคารวะ
“คารวะคุณหนูใหญ่!”
“พวกเราได้รับคำสั่งให้มารับคุณหนูใหญ่กลับบ้านครับ!”
บรรยากาศจริงจัง สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
ตี้อู่เย่ว์ตะลึงมาก “อะ อาจารย์?”
โอ้โห อาจารย์ของเธอสูงส่งระดับไหนเนี่ย
ทำไมไม่ว่าไปที่ไหนก็ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้
“ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินตบบ่าตี้อู่เย่ว์แล้วหันไปพยักหน้าข้างหน้า “ลุกขึ้นเถอะ ยังไม่กลับบ้าน ฉันต้องไปที่สำนักวิจัยก่อน”
พวกคนคุ้มกันลุกขึ้น ตอบอย่างนอบน้อม “แล้วแต่คุณหนูใหญ่เลยครับ เชิญทางนี้ครับคุณหนูใหญ่”
ตี้อู่เย่ว์ตามอยู่ด้านหลัง สมองสับสนไปหมด
เธอเองก็ฟังเรื่องราวของเมืองแห่งโลกมาจากซีนาย รู้ว่าตระกูลเรนเกลเป็นตระกูลที่สุดยอดมาก มีทั้งอำนาจและความร่ำรวย
ครั้นแล้วสุดท้ายความคิดทั้งหมดในสมองของตี้อู่เย่ว์ก็สรุปเป็นคำพูดง่ายๆ ได้ว่า
รวยจัง อยากต้มเลยอะ
ตี้อู่เย่ว์พูดด้วยความระมัดระวัง “อาจารย์รวยขนาดนี้ เศรษฐินี ถ้าลูกศิษย์ยาจกอยากหลอกเอาเงินอาจารย์จะถือสาไหม”
เท้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก ตอบอย่างใจเย็น “ลูกศิษย์ เธอไสหัวไปตอนนี้ได้เลยนะ”
ตี้อู่เย่ว์ “…”
กะแล้วเชียว
อิ๋งจื่อจินรู้สึกว่าวิธีเอาพิษล้างพิษที่เธอคิดไว้ก่อนหน้านี้ดีมาก เธอครุ่นคิดพลางพูด “ไว้จะแนะนำให้รู้จักคนนึงแล้วกัน”
“หา?” ตี้อู่เย่ว์เงยหน้า ปฏิเสธจริงจัง “อาจารย์ ฉันยังเด็ก ไม่อยากดูตัว ถ้าอาจารย์อยากอุ้มหลานไปบอกพวกศิษย์พี่เถอะ”
คราวนี้ถึงตาอิ๋งจื่อจิน “…”
ได้
“แนะนำคนที่เธอจะหลอกเอาเงินได้” อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ “แม้แต่เตียงของเขาก็ทำจากทองคำ”
“โอ้โห!” ตี้อู่เย่ว์ดวงตาเป็นประกาย “งั้นฉันเข้าห้องนอนเขาไปแงะทองออกจากเตียงได้ไหม”
นอนอยู่บนทองคำ นี่ต้องรวยขนาดไหนเนี่ย
ถ้าไม่หลอกเอาทองมาสักสองสามตันได้เสียชื่อเธอหมด
“ได้สิ” อิ๋งจื่อจินปรบมือให้ “หมอดูที่เก่งที่สุดในโลก อาจารย์จับตาดูเธออยู่นะ”
…
ทางด้านสำนักวิจัย
มั่วเฟิงเพิ่งออกจากห้องทดลอง
เขาถอนหายใจโล่งอก ยิ้มพลางพูด “บิล การจำลองในวันนี้ประสบผลสำเร็จดีมาก สุดสัปดาห์ส่งไปทดสอบเธอก็น่าจะได้เลื่อนเป็นนักวิจัยระดับเอสแล้วนะ”
ถ้าบิลเลื่อนเป็นนักวิจัยระดับเอส ตระกูลเรนเกลก็จะมาขอบคุณเขาด้วยตัวเอง
เขาเดิมพันถูกข้างแล้ว
ต่อไปต่อให้เขาเกษียณก็สามารถไปใช้ชีวิตตอนแก่ที่ตระกูลเรนเกลได้
“อาจารย์คะ ยังมีอีกเรื่องค่ะ” บิลพูดอย่างลังเล “เมื่อเช้ามีคนบอกหนูว่าอิ๋งจื่อจินขโมยความลับของคณะวิศวะไปเผยแพร่ที่นอกเมือง”
เทียนเยียนอยากฟื้นความสัมพันธ์กับเธอมาตลอด ย่อมเอาเรื่องนี้มาบอกเธอ
หนึ่งวันผ่านไป ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นไงแล้ว
“ว่าไงนะ” มั่วเฟิงสีหน้าเปลี่ยน “ขโมยความลับของคณะวิศวะเหรอ ต้องลงโทษให้หนัก!”
เขารู้สึกขัดใจอิ๋งจื่อจินมาตลอด และตอนนี้ก็เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ แล้ว
ไม่ควรให้เธอเข้าสำนักวิจัยตั้งแต่แรก!
สีหน้าของมั่วเฟิงดูร้อนใจ “อาจารย์จะไปหาคณบดี ใครก็ปกป้องอิ๋งจื่อจินไม่ได้”
บิลตามอยู่ด้านหลัง ปิดบังรอยยิ้มในดวงตา
ภายในห้องทำงานของคณบดีนอร์แมนมีอาจารย์หลายคนมารวมตัวอยู่ก่อนแล้ว
“คณบดีนอร์แมนครับ คราวก่อนที่ท่านสั่งสอนและลงโทษผม ผมยอมรับ” มั่วเฟิงเดินเข้าไป พูดเสียงเน้นย้ำ “แต่ครั้งนี้ ท่านจะพูดอะไรก็ปกป้องอิ๋งจื่อจินไม่ได้แล้วครับ”
“เธอมีความสามารถ แต่ไร้จรรยาบรรณสิ้นดี!”
คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศในห้องทำงานเงียบสงัด
คณบดีนอร์แมนเงยหน้าขึ้น ดูจากสีหน้าไม่ออกว่าโกรธหรืออารมณ์ดี
มั่วเฟิงถูกมองจนอึดอัด ขมวดคิ้ว “ทำไมพวกคุณมองผมแบบนี้”
สุดท้ายก็เป็นชิงจิ่วที่ทำลายความเงียบ น้ำเสียงยังถือว่านุ่มนวล แต่เย็นชาเล็กน้อย “มั่วเฟิง คุณยังไม่ได้อ่านข่าวล่าสุดในเว็บดับบลิวเหรอ”
“ผมเก็บตัวอยู่ในห้องทดลองทั้งวัน มีเวลาเข้าเน็ตที่ไหนกัน” มั่วเฟิงขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “ทำไม หรือว่าเรื่องไปถึงศาลตัดสินกับสำนักผู้วิเศษแล้วเหรอ”
บิลตามมาอยู่ด้านหลังมั่วเฟิง แอบสงสัย
มีข่าวอะไรในเว็บดับบลิวงั้นเหรอ
เธอล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาพลางเหลือบมองข้างนอกเล็กน้อย
จากนั้นก็เห็นพวกคนคุ้มกันมาส่งอิ๋งจื่อจินที่ด้านนอกสำนักวิจัย