ตอนที่ 747 หน้าแตก ผู้วิเศษจักรพรรดินี
คนคุ้มกันของตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเรนเกลจะมีชุดเครื่องแบบที่สั่งตัดเฉพาะ
บิลแยกออกทันทีตั้งแต่แรกเห็น
ในตระกูลมีคนคุ้มกันอยู่เยอะมาก บิลไม่มีอารมณ์สนใจพวกคนระดับล่างเหล่านี้
แต่หัวหน้าคนคุ้มกันมีอยู่ไม่กี่คน
ส่วนคนคุ้มกันที่มาส่งอิ๋งจื่อจินเป็นหัวหน้าคนคุ้มกันที่ฝีมืออันดับหนึ่ง
ฟังคำสั่งแค่หัวหน้าตระกูล สมาชิกคนอื่นไม่สามารถออกคำสั่งได้
สายตาของบิลจับจ้องไปที่อิ๋งจื่อจิน
หัวหน้าตระกูลกับคุณนายใหญ่เท่านั้นที่จะสั่งหัวหน้าคนคุ้มกันได้ ทำไมถึงตามอิ๋งจื่อจินเข้ามาได้!
ชั่วขณะนั้นความคิดเหลือเชื่อได้ปรากฏในสมองเธอ
บิลมือสั่น เห็นข่าวที่เว็บดับบลิวนำเสนอแล้ว
พาดหัวข่าวที่สะดุดตาที่สุดก็คือ ‘อิ๋งจื่อจิน คุณหนูใหญ่ตระกูลเรนเกล’
ส่วนข้อความสเตตัสของแอคเคาท์ระดับดับเบิลเอสนั้นก็เขียนว่า ‘ยินดีต้อนรับคุณหนูใหญ่กลับบ้าน’
“ตูม” สมองบิลระเบิดเกิดความว่างเปล่า
เหลือเพียงคำว่า ‘คุณหนูใหญ่’ ที่วนเวียนไม่หายไปไหน
อิ๋งจื่อจินก็คือลูกสาวที่ซู่เวิ่นตามหาจนเจอเหรอ!
ล้อเล่นอะไรน่ะ
ราวกับมีมดหมื่นตัวกัดกินหัวใจเธอ บิลไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น
ในเวลานี้เอง ชิงจิ่วก็ได้เล่าให้ฟัง
เล่าจบเธอก็พูดอย่างอ้อมๆ “นักศึกษาอิ๋งเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเรนเกล เธอไม่มีความจำเป็นต้องขโมยความลับทางวิศวกรรมที่ธรรมดาๆ ไปหรอก”
แม้ความลับทางวิศวกรรมที่ว่านี้เมื่อแพร่ไปที่นอกเมืองจะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีได้มากก็ตาม
แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเทียบเท่าสิ่งประดิษฐ์ระดับกลางของสำนักวิจัยด้วยซ้ำ
มั่วเฟิงก็รู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “เธอน่ะเหรอ คุณหนูใหญ่ตระกูลเรนเกล”
เป็นไปได้ยังไง
ชาวเมืองธรรมดาๆ กลายเป็นคุณหนูใหญ่ในชั่วพริบตางั้นเหรอ
มั่วเฟิงรับไม่ได้
มุมปากของเขาขยับ ผุดรอยยิ้มที่ดูแย่มาก “ตระกูลเรนเกลเข้าใจผิดหรือเปล่า”
ถ้าอิ๋งจื่อจินเป็นคุณหนูใหญ่ งั้นเขาสนใจแค่บิลจะมีความหมายอะไร
“อาจารย์มั่วเฟิง ผมขอเตือนนะ” คณบดีนอร์แมนดันแว่นตา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณอยู่สำนักวิจัยมาหลายปีขนาดนี้ย่อมได้ติดต่อกับพวกคนระดับสูงอยู่บ่อยๆ”
“คุณน่าจะรู้ว่าสำหรับตระกูลใหญ่ คุณหนูใหญ่หมายถึงอะไร”
มั่วเฟิงได้ฟังก็ตกใจ เหงื่อไหลจากหน้าผาก “ท่านคณบดี…”
ในคนรุ่นเดียวกัน คุณหนูใหญ่กับคุณชายใหญ่มีสถานะสูงที่สุด
เรียกได้ว่าอิ๋งจื่อจินมีอำนาจชี้เป็นชี้ตายบิลได้
ทั้งสองคนถือว่าอยู่กันคนละระดับ
“อาจารย์มั่วเฟิง ผลประโยชน์สำคัญก็จริง แต่ตอนนี้จะดูแค่ผลประโยชน์ไม่ได้แล้วนะ” คณบดีนอร์แมนพูด “ผมเห็นคุณอารมณ์ไม่ค่อยดี ไปพักสักหน่อยดีกว่า”
พักที่ว่านี้ก็คือพักงาน
มั่วเฟิงเดินออกจากห้องทำงานคณบดีด้วยอาการเหม่อลอย รู้สึกเท้าหนักอึ้ง
สมองของเขายังคงงงอยู่
อิ๋งจื่อจินกลายเป็นคุณหนูใหญ่ได้ยังไง
บิลตามออกมา เธออ้าปากเรียก “อาจารย์คะ…”
เสียงนี้ทำมั่วเฟิงได้สติกลับมา
เขามองบิล ทันใดนั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่าน่าเอ็นดูแบบเมื่อก่อนแล้ว
“คณบดีพักงานอาจารย์ ตอนนี้คงดูแลเธอไม่ได้แล้ว” มั่วเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ “เธอเตรียมตัวสำหรับโปรเจ็กต์ในอีกสองวันเอาเองนะ”
พูดจบเขาก็รีบร้อนออกไป เหมือนกลัวจะถูกรั้งไว้
บิลหน้าเสีย กำมือแน่น
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่มั่วเฟิงทำเย็นชาใส่เธอ
พอสถานะเปลี่ยน ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
พวกเห็นแก่ผลประโยชน์!
บิลเม้มริมฝีปาก กอดคอมพิวเตอร์เดินออกไป
พวกนักศึกษาของสำนักวิจัยจับกลุ่มคุยกัน สีหน้าต่างตื่นเต้น
“มองไม่ออกเลยจริงๆ นะ ว่านักศึกษาอิ๋งจะเป็นถึงคุณหนูใหญ่ เก็บซ่อนตัวตนเก่งจริงๆ”
“ได้ยินว่าเธอตามคุณนายซู่เวิ่นออกจากเมืองไปจับคนร้าย ก็คนที่ถูกตัดสินเมื่อเช้านั่นแหละ”
“ขำเป็นบ้า ยัยโง่เทียนเยียนเพิ่งสร้างข่าวลือ ต่อมาตระกูลเรนเกลก็ไปบุกจับถึงที่ พาไปส่งที่ศาลตัดสินฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าหลังจากที่ยัยนั่นรู้ว่านักศึกษาอิ๋งคือคุณหนูใหญ่ ยังจะเลียแข้งเลียขาบิลอีกไหม”
เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่อิ๋งจื่อจินเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเรนเกลได้ลือไปทั่วสำนักวิจัยแล้ว
พอบิลออกมาก็เจอกับสายตามองสำรวจจำนวนมาก
เธอรู้สึกแย่เหมือนมีหนามทิ่มแทงด้านหลัง
ในเวลานี้เองพวกคนคุ้มกันได้มาส่งอิ๋งจื่อจินถึงหน้าอาคารห้องทดลองแล้ว
ส่วนทางเธอเหลือตัวคนเดียว แม้แต่มั่วเฟิงก็ไปแล้ว
เจอเปรียบเทียบแบบนี้ ในที่สุดบิลก็ทนไม่ไหว
เธอก้าวเข้าไป มองด้วยสายตาเย็นชา “เธอคงรู้อยู่ก่อนแล้วใช่ไหมล่ะ แสร้งทำเป็นไม่รู้มาตลอด สนุกมากใช่ไหม”
เท้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก
ตี้อู่เย่ว์เบรกไม่อยู่ ศีรษะชนหลังอิ๋งจื่อจิน เจ็บจนร้องซี้ด มองบิลที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟด้วยความสงสัย “นี่ใครกัน”
“คนที่ไม่เกี่ยวข้อง” อิ๋งจื่อจินจับตี้อู่เย่ว์ไว้ พูดด้วยความจนปัญญา “เวลาเดินอย่าคิดเรื่องเงิน มองทางด้วย”
ตี้อู่เย่ว์เกาหัวแกรกๆ
เธอกำลังคิดเรื่องเงินจริงๆ ทำยังไงถึงจะแงะทองขนกลับบ้านได้
หรือไม่ก็ยกไปทั้งเตียงเลย
“คุณหนูบิลครับ กรุณาระวังคำพูดด้วยครับ” หัวหน้าคนคุ้มกันสีหน้าเย็นชา “นี่คือคุณหนูใหญ่ คุณต้องทำความเคารพนะครับ!”
บิลอึดอัดใจ เกือบระเบิดออกไปแล้ว
แต่ก็จำต้องก้มหน้า “สวัสดีค่ะพี่”
“เรียกแก่ไปแล้ว” ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็เงยหน้าขึ้น “ฉันเด็กกว่าคุณ”
บิลหน้าเสียขึ้นมาทันที
“ใช่ๆๆ อาจารย์ของฉันเด็กกว่าคุณ สวยกว่า ผิวก็ดีกว่าด้วย” ตี้อู่เย่ว์ชักสนุก เริ่มคุยโว “และที่สำคัญที่สุดคือ รวยโคตร!”
นี่มันชีวิตในฝันของเธอชัดๆ
บิลปั้นหน้าไม่ไหวอีกต่อไป แม้แต่สีหน้าที่สง่างามก็ทนทำต่อไม่ได้
“ยัยต่อแหล เสแสร้งไม่ไหวแล้วใช่ไหมล่ะ” ตี้อู่เย่ว์ทำเสียงหึ ไม่มองบิลอีก เดินตามอิ๋งจื่อจินไปอย่างอารมณ์ดี “เอ๊ะ อาจารย์ รอด้วย”
“อาจารย์ ช่วยแนะนำคนที่นอนบนเตียงทองคำให้ฉันรู้จักตอนนี้เลยได้หรือเปล่า ฉันอยากจับเงินแล้ว”
พวกคนคุ้มกันก็ไม่สนใจบิล เดินตามอิ๋งจื่อจินอยู่ด้านหลัง
พวกนักศึกษาแถวนั้นเห็นเหตุการณ์กันหมด ต่างมองหน้ากัน
บางคนก็สะใจ
“คราวนี้บิลเอาชาติกำเนิดกับสถานะมาข่มอิ๋งจื่อจินไม่ได้แล้ว พออิ๋งจื่อจินกลับมา ตระกูลเรนเกลก็ไม่สนใจเธออีกต่อไป”
“นั่นสิ วันๆ พูดติดปากเรื่องชนชั้น เมื่อก่อนเซ่าอิ่งเป็นคนของตระกูลอวี้ ตอนนี้กลายเป็นคนของตระกูลเรนเกล แต่ไม่เห็นเขาจะอวดดีเหมือนบิลเลย”
มีนักศึกษาหลายคนที่เคยประจบบิล ตอนนี้นึกเสียใจกันแล้ว
บิลทำตัวหยิ่งยโสมาตลอด เอาใจยาก
ถึงแม้อิ๋งจื่อจินจะดูเย็นชา แต่ขอแค่จริงใจกับเธอก็จะพบว่าเธออัธยาศัยดี
พวกเขาล่วงเกินอิ๋งจื่อจินเพื่อบิล หน้ามืดตามัวชัดๆ
บิลย่อมมองออกว่านักศึกษาเหล่านี้คิดอะไรอยู่
เธอกำมือแน่น มองตามหลังอิ๋งจื่อจิน
แววตาขรึมลง แสยะยิ้ม “ทำอวดดีไปเถอะ อีกไม่กี่วันก็หัวเราะไม่ออกแล้ว”
ถ้าไม่ติดขัดอะไร เดือนหน้าสำนักผู้วิเศษก็จะมีคำสั่งให้เลือกหัวหน้าตระกูลคนใหม่
พอถึงตอนนั้นซู่เวิ่นกับอิ๋งจื่อจินก็จะถูกยึดอำนาจไป
เธอแค่อดทนรออีกสักระยะเท่านั้น
คุณนายรองพูดถูก เธอห้ามใจร้อน
บิลค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าแล้วเดินออกจากสำนักวิจัย
…
คืนนี้เมืองแห่งโลกสั่นสะเทือนไปหมด
แต่สำนักผู้วิเศษยังคงเงียบสงบ
ภายในห้องที่อยู่ชั้นบนสุด
ซาโรห์ปิดหนังสือ “ฉันจำได้แล้ว อิ๋งจื่อจินคนนี้ก็คือม้ามืดตัวนั้นของคณะวิศวะใช่ไหม”
เธอเอามือจับมงกุฎ ก้มมองรูปถ่ายของอิ๋งจื่อจิน หรี่ตาเล็กน้อย
“ใช่ครับท่านจักรพรรดินี” คนดูแลตอบอย่างนอบน้อม “จากข้อมูลที่พวกเราสืบได้ อันที่จริงตระกูลเรนเกลเจอตัวเธอนานแล้ว แค่ปิดบังตัวตนไว้ ส่งเธอเข้าสำนักวิจัยก่อนครับ”
“พอล่าตัวคนร้ายมาได้ครบถึงเปิดเผยสถานะของเธอครับ”
นี่เป็นข้อมูลปลอมที่ซู่เวิ่นแต่งขึ้นในภายหลัง
“อืม ก็พอดี ฉันจะได้เจอเธอตอนเดือนกันยา” ซาโรห์พูด “ไหนว่ามีสมาชิกในตระกูลพวกเขาอยากพบฉัน พาเข้ามาตอนนี้ได้เลย”
คนดูแลถอยออกไปอย่างนอบน้อม
ด้านนอกสำนักผู้วิเศษ
โมเชี่ยนไม่มีอารมณ์สนใจข่าวในเว็บดับบลิว
เขาจุดบุหรี่ กระวนกระวายใจ
นับตั้งแต่ได้รับอนุญาตจากผู้วิเศษจักรพรรดินี เขาก็รออยู่ที่นอกสำนักผู้วิเศษอยู่ตลอด
ตระกูลเรนเกลเป็นตระกูลชั้นยอดที่สุดของเมืองแห่งโลก อันนี้ไม่เถียง
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสำนักผู้วิเศษก็ไม่ต่างอะไรจากพลเมืองทั่วไป
ขอเข้าพบผู้วิเศษยากมาก บางคนรอคิวมาสิบกว่าปีก็ใช่ว่าจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสำนักผู้วิเศษ
โมเชี่ยนก็เลยแปลกใจอยู่บ้างที่เขารอคิวแค่สี่วันก็ได้เข้าพบผู้วิเศษจักรพรรดินีแล้ว
“ติ๊ง” มีลิฟต์เคลื่อนลงมาตรงทางเข้าที่พวกอัศวินเฝ้าไว้
ประตูเปิด คนดูแลเดินออกมา “คุณโมเชี่ยน ท่านจักรพรรดินีเชิญครับ”
“ท่านจักรพรรดินียุ่งมาก มีเวลาให้คุณแค่นาทีเดียวครับ”
โมเชี่ยนเดินตามคนดูแลเข้าลิฟต์ เขาตอบ “พอแล้วครับ นาทีเดียวก็พอแล้ว”
ก็แค่มารายงานเรื่องกรุ๊ปเลือดของอิ๋งจื่อจินให้สำนักผู้วิเศษรู้