พอฟังคำพูดของเนี่ยจิงเสิน จักรพรรดิเอกภพกำเนิดก็ขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม
เขาใคร่ครวญพลางกล่าวว่า “หากยึดตามคำพูดของท่าน หรือว่าช่วงนี้พ่อลูกตระกูลเยี่ยนจะมีความรุดหน้าขึ้น แต่ถ้าข้าจำไม่ผิด ยังห่างจากตอนที่พวกเขาเลื่อนระดับพลังฝึกปรือก่อนหน้านี้แค่สี่ห้าปีเองกระมัง”
สายตาของจักรพรรดิเอกภพฉายแววประหลาดใจ
“ครั้งนั้นในพิธีเปิดสำนักของเขากว่างเฉิง ศิษย์น้องเยี่ยนเคยพูดว่า จะมีวันหนึ่งที่ถึงแม้เขาจะไม่ได้ผลักเปิดประตูเซียน แต่เมื่อออกห่างจากทะเลหวงเจียและลายมือแห่งแผ่นดิน จักรพรรดิเอกภพท่านก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้ และวันนั้นก็อยู่ไม่ไกลแล้ว” เนี่ยจิงเสินยิ้มเล็กน้อย “ครั้งนั้นแม้จะฟังดูโอหัง แต่ว่าความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่มีทางกล่าวลอยๆ ในเรื่องที่จริงจัง ตอนนี้เวลาที่จะกลายเป็นจริงเหลืออีกแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น”
จักรพรรดิเอกภพกำเนิดได้ยิน จิตใจหนักอึ้งเล็กน้อย
เขาหันไปมองทิศทางของเขตมหานภากลาง มองดูเส้นขอบฟ้า เนิ่นนานไม่กล่าววาจา
…
ในขณะนี้เอง มิติบนเขตสุราลัยบูรพาพลันแยกออก กอปรกันเป็นบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่มีลำแสงพรั่งพรูสายหนึ่ง
บุรุษสองคนเดินออกมาจากด้านใน คนหนึ่งสวมอาภรณ์สีม่วง อีกคนสวมอาภรณ์สีขาว
บุรุษอาภรณ์ม่วงสีหน้าเกียจคร้านเล็กน้อย แต่ดวงตาฉายแววสนอกสนใจ ส่วนบุรุษอาภรณ์ขาวสีหน้าจนปัญญา ในความขุ่นเคืองแทรกไว้ด้วยความเสียดาย
ย่อมเป็นประมุขทิศบนเฉินเฉียนหัวและคุณชายดินเฉินคุนหัวสองพี่น้อง
“พี่ใหญ่ ไฉนท่านต้องลำบากมาด้วย แม้อาการบาดเจ็บจะทุเลาแล้ว แต่เวลาที่เข้าฌานฝึกฝนก่อนหน้าล้วนสูญเปล่าหมดสิ้น”
เฉินคุนหัวที่สวมอาภรณ์สีขาวกล่าวอย่างจนปัญญา “ต่อให้ต้องการมา ก็สมควรรอให้ผากิเลนขอให้ท่านลงมือหลายๆ ครั้งก่อนจึงค่อยว่ากล่าว แบบนั้นบางทีอาจมีโอกาสได้คัมภีร์เบิกนภามา”
“นั่นไม่สำคัญ” เฉินเฉียนหัวมองซ้ายมองขวา “ข้าค้นพบว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเกียจคร้านเกินไปแล้ว บางทีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายรออยู่ตรงหน้า แต่ข้ากลับมองข้ามไป อย่างเช่น ขนาดข้าลงมือช่วยอำพรางความลับฟ้า กระเรียนหิมะนั่นก็ยังสามารถสัมผัสได้ จึงหนีไปได้ก่อนครึ่งก้าว”
“นอกจากผังเหอถูครึ่งหนึ่งนั่นแล้ว ระดับด้านมรรคาการทำนายก่อนกำเนิดของคนผู้นี้ก็สูงส่งมากเช่นกัน นี่ช่างทำให้ผู้คนประหลาดใจจริงๆ” เฉินคุนหัวยิ้มขึ้น “จะว่าไปนางก็เหมือนกับเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูก ดั่งคำโบราญที่ว่า ไม่ใช่คนบ้านเดียวกันไม่เข้าประตูเดียวกัน”
เฉินคุนหัวมีสีหน้าจนปัญญา “ท่านพี่ ตอนนั้นถ้าหากท่านลงมือ กระเรียนหิมะนั่นก็ยังไม่มีระดับพลังฝึกปรือสูงเท่าวันนี้ คงตามหาได้ง่ายดายยิ่ง”
“ถูกต้อง” เฉินเฉียนหัวกระจ่างแจ้ง “นี่ไม่นับว่าข้าไม่คิดปักกิ่งหลิวหรอกหรือ ไม่เลวๆ เช่นนี้ชีวิตจึงค่อยมีสีสัน ดูเหมือนต่อจากนี้เรื่องที่ข้าจะเจอสมควรคอยดูอยู่เฉยๆ รอผ่านไปสักหลายปี ไม่แน่ว่าจะยิ่งน่าประหลาดใจกว่าเดิม”
“แต่ว่าวันนี้กระเรียนหิมะจบสิ้นเท่านี้แล้ว” เขาคล้ายเสียดาย และเหมือนไม่รู้สึกอะไร เงยหน้ามองท้องฟ้า
เฉินเฉียนหัวตาเป็นประกาย บนท้องฟ้าถึงกับมีลำแสงสีเขียวมรกตที่เดิมทีไร้รูปร่างหลายสายโผล่ขึ้นมาเคลื่อนไหวในอากาศ
ประสิทธิภาพที่สามารถแสดงออกมาได้ระหว่างการมอบยันต์อาคมให้คนอื่นใช้ และการลงมือด้วยตัวเองย่อมแตกต่างกันมหาศาล
เฉินเฉียนหัวกลับโลกซ้อนโลก สายตาสอดส่ายไปทั่ว ลำแสงสีเขียวมรกตกว้างใหญ่ตัดสลับกัน
เนิ่นนานให้หลัง แสงสว่างก็จางลงอีกครั้ง ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยเงียบๆ
“เอาละ ตอนนี้พวกประมุขปฐวีไม่ต้องเปลืองสมาธิหาคนแล้ว สะกดรอยตามไปก็พอแล้ว เพียงแต่ต้องใช้แรงกายเท่านั้น” เฉินเฉียนหัวกล่าวยิ้มๆ
เฉินคุนหัวน้องชายของเขาเพิ่งคิดจะพูดอะไร สีหน้าก็พลันแปรเปลี่ยน หยิบยันต์อาคมใบหนึ่งขึ้นแล้วจุดไฟเผา
ยันต์กระดาษลุกไหม้ เกิดเป็นควันสีเขียวหลายสายลอยขึ้น ผนึกกันกลายเป็นตัวหนังสือกลางอากาศ
เฉินเฉียนหัวไม่สนใจ กลับคืนสู่ท่าทางเกียจคร้านอีกครั้ง
เฉินคุนหัวมองเนื้อหาตัวหนังสือ กลับแตกตื่นตะลึงลาน “เป็นไปได้อย่างไร?!”
“หือ?” คนหนุ่มอาภรณ์ม่วงค่อยรู้สึกสนใจขึ้นมา หันหน้าไปอ่านดู
เนื้อหาตัวหนังสือมาจากประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิง กลับขอให้ครั้งนี้เฉินเฉียนหัวลงมือด้วยตัวเอง เพราะว่าพลังความสามารถของเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกอยู่เหนือความคาดหมาย!
ข่าวที่ได้จากตึกความลับฟ้าในเมืองหยวนโจวนั้น คือระดับพลังฝึกปรือของยี่ยนจ้าวเกอถึงกับก้าวหน้าขึ้นอีกขั้นในเวลาแค่ไม่กี่ปี เลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ เยี่ยนจ้าวเกอในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าสามารถใช้พลังสะกดจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำได้
ถึงจะยังไม่ได้ยืนยันพลังในปัจจุบันของเยี่ยนตี๋ แต่เมื่อเชื่อมโยงความรุดหน้าอันแปลกประหลาดของเยี่ยนจ้าวเกอ กับความเร็วในการเพิ่มระดับชนิดพุ่งทะยานของเยี่ยนตี๋แล้ว หวังเจิ้งเฉิงก็พบว่าจำเป็นต้องปรับแผนการก่อนหน้า
สองฝ่ายเมื่อเทียบพลังกัน ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ หากเฉินเฉียนหัวไม่ลงมือด้วยตัวเอง ครั้งนี้ไม่มีทางประสบความสำเร็จ
“โอ้? มีเรื่องน่าประลาดใจจริงๆ หรือนี่” เฉินเฉียนหัวตาเป็นประกาย
“แต่ว่าไฉนจึงเร็วถึงเพียงนี้” เฉินคุนหัวอ้าปากตาค้าง “ถ้าข้าจำไม่ผิด เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดในนพยมโลกเมื่อสี่กว่าปีก่อนกระมัง อืม…รอเดี๋ยว!”
“ตอนเยี่ยนตี๋บิดาของเขาเลื่อนจากระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดเป็นขั้นเก้า คล้ายกับใช้เวลาสั้นยิ่งกว่า เช่นนั้นวันนี้ สมควรไม่…”
เฉินคุนหัวมองพี่ชายของตัวเองอย่างตื่นตระหนก “ต่อให้จะเป็นสถานที่ที่มีปราณวิญญาณเต็มเปี่ยมอย่างเขานครหยก ผากิเลน หรือหุบเขาเซียนเร้นกายก็ไม่น่าจะเร็วขนาดนี้กระมัง ต่อให้เป็นอัจฉริยะล้ำเลิศขนาดไหน ต่อให้มีความได้เปรียบได้สภาพแวดล้อมมากเพียงไร ก็จำเป็นต้องมีเวลาตกผลึก จะประหยัดเวลาอย่างไรก็ประหยัดไม่ได้”
เขาพลันคิดอะไรได้ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “หรือว่าเขากว่างเฉิงนี้จะครอบครองวิชาอภิวิญญาณรวมกำเนิดเหมือนกับพวกเรา ไม่น่าใช่กระมัง โลกซ้อนโลกไม่น่าจะมีวัตถุดิบพื้นฐานที่เอาไว้กางวิชาอภิวิญญารวมกำเนิดชุดที่สองแล้ว”
“ผู้ใดจะรู้เล่า” เฉินเฉียนหัวว่า “วิชาอภิวิญญาณรวมกำเนิด บันไดสู่เซียน พิธีเจ็ดแก่นโคจร เทพมารกรอกศีรษะ…ไปๆ มาๆ มีเพียงไม่กี่วิชา จะไปสนในทำไม ข้าเพียงทราบว่าเรื่องราวยิ่งมายิ่งน่าสนใจแล้ว ฮ่าๆ!”
ในเสียงหัวเราะ ร่างของเฉินเฉียนหัวลอยขึ้น หายไปจากที่เดิม
…
ขณะเดียวกัน มีอีกคนหนึ่งเดินออกมาจากบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์แห่งหนึ่ง กลับจากมิติต่างแดนมายังโลกซ้อนโลก
คนผู้นี้ภายนอกดูมีอายุราวๆ สามสี่สิบปี จอนผมสองข้างเป็นสีขาวประปราย สายตาคมกริบดุร้าย
เป็นเยี่ยนตี๋นั่นเอง
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาออกจากเขากว่างเฉิงไปยังมิติไร้สิ้นสุดนอกโลกซ้อนโลก บุกเบิกมิติต่างแดนที่เพิ่งค้นพบแห่งหนึ่ง
ปัจจุบันพอได้รับข่าวจากเยี่ยนจ้าวเกอ เขาก็กลับมาด้วยความเร็วสูงสุด
ดวงตาของเยี่ยนตี๋เป็นประกายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ก็เย็นเยียบเช่นเดียวกัน
เขาก้มมองเข็มทิศอันหนึ่งในมือ เข็มบนเข็มทิศเห็นได้ชัดว่าเป็นปิ่นหยกอันหนึ่ง บนยอดปิ่นเป็นกระเรียนหิมะตัวหนึ่ง
เข็มส่ายเบาๆ เยี่ยนตี๋พุ่งไปตามการชี้ทางของมัน
ครั้งนี้ด้านบนพลันมีแสงสีเขียวมรกตหลายสายโผล่ขึ้น
เยี่ยนตี๋สายตากลายเป็นคมกริบ เห็นเข็มในเข็มทิศที่ตอนแรกส่ายไปมา พลันชี้ไปที่ทิศทางหนึ่งอย่างมั่นคง
เขาสูดหายใจลึก เพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้ง เคลื่อนไหวด้วยความเร็วทั้งหมด
ไม่ทันไร เยี่ยนตี๋ก็มาถึงเขาใบชาหมอกที่อยู่ใกล้ๆ เขตสุราลัยบูรพากับเขตมหานภากลาง
ตำแหน่งของเข็มแสดงให้เห็นว่าเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าขึ้นเหนือต่อ
แต่ว่าตรงหน้าพลันมีประกายแสงสีเหลืองตุ่นที่ขมุกขมัวบังเกิดขึ้น ครอบคลุมท้องฟ้าและผืนดิน ประกอบกันเป็นกลุ่มแสงทรงไข่
………………..