บทที่ 138 บททดสอบสุดท้าย
เฉินซังเทียนมอบหินวิญญาณ 3 แสนให้ไป
ซึ่งลั่วอู๋ก็รับเงินนั้นมา เขาเริ่มบ่นพึมพำออกมาในใจ ว่าคนพวกนี้มาจากไหนกัน? พวกเขานั้นรวยมาก
“รอบสุดท้าย พวกเจ้าอยากทดสอบอะไรข้าอีกงั้นหรือ?” ลั่วอู๋ยิ้ม
เฉินหมิงหยู่ฝืนยิ้มออกมาจนเห็นฟัน
ตอนนี้นางก็เข้าใจแล้วว่าระดับของเด็กหนุ่มคนนี้นั้นสูงกว่านางมาก ไม่เช่นนั้นเขาจะผ่านการทดสอบสองรอบมาได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร
ตำแหน่งของนางในฐานะผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับสูงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์จะถูกปลดรึเปล่า?
ไม่ ไม่ ไม่เลย สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ไม่ใช่ชื่อเสียง
หัวใจของเฉินหมิงหยู่ เริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ ถ้านางแพ้ นางจะต้องยอมรับเขาเป็นอาจารย์
ล้อกันเล่นน่า
นางชื่อเฉินหมิงหยู่ นางไม่มีทางยอมให้เด็กหนุ่มอายุ 18 ปี มาเป็นอาจารย์ของนางแน่ นางจะพบปะผู้คนภายนอกได้อย่างไร หากข่าวนี้ถูกแพร่กระจายออกไป
นางจะปล่อยให้เหล่าน้องสาวในเมืองหลวงหัวเราะเยาะนางทุกวันได้อย่างไร ?
ไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นแน่
ถึงจะเก่งไม่เท่า แต่นางก็จะแพ้ไม่ได้
นางจะแพ้ไม่ได้!
ลั่วอู๋กระตุ้น “เจ้าได้คิดไว้แล้วรึยัง ?”
“ทำไมงั้นเหรอ ? เจ้ามีเรื่องให้เร่งรีบหรือยังไง?” เฉินหมิงหยู่เริ่มหายใจติด ๆ ขัด ๆ
“ใช่ ข้าจะเข้านอนหลังจากการทดสอบจบลง”
เฉินหมิงหยู่ไม่ได้สนใจเขา แต่มองไปที่เฉินซังเทียนด้วยสีหน้าที่ดูน่าสงสาร “ท่านปู่ถ้าเขาผ่านการทดสอบจริงๆ ท่านอยากจะให้ข้าบูชาเขาในฐานะอาจารย์จริง ๆ หรือ?”
“แน่นอนสิ” เฉินซังเทียนกล่าวอย่างหนักแน่น
มีรอยยิ้มอยู่ในดวงตาของเขา เป็นการดีที่จะใช้ชายหนุ่มคนนี้ เพื่อทำลายความเย่อหยิ่งของเฉินหมิงหยู่ ตอนนี้อย่างน้อย ๆ นางก็ควรรู้ว่ามีคนที่เก่งกว่านางอยู่ข้างนอกนั่น และนางจะต้องไม่โกรธเกรี้ยวพาลไปทั่วแบบนี้อีกในอนาคต
“ท่านปู่ … ” เฉินหมิงหยู่ดึงแขนเสื้อของเฉินซังเทียนและเริ่มหยอกล้อ “ถ้าหลานสาวของท่านยอมรับคนอื่นในฐานะอาจารย์ ท่านจะเสียหน้าเอานะ”
เฉินซังเทียนหัวเราะเบา ๆ “เป็นอะไรไปหรือ ? เจ้าไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้งั้นหรือ?”
เฉินหมิงหยู่พยักหน้าอย่างเขินอาย
“เจ้าหลานโง่ วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการแข่งขันคือการโจมตีศัตรูด้วยจุดแข็งของเจ้า” เฉินซังเทียนกล่าว
เฉินหมิงหยู่งงงวย “แต่ข้าได้ทำสิ่งนั้นไปแล้ว ไม่ใช่ว่าเอกลักษณ์ของตระกูลเฉินคือการปรับแต่งให้สัตว์วิญญาณก้าวข้ามขีดจำกัดทางด้านแก่นวิญญาณหรอกเหรอ?”
“เจ้าไม่มีข้อดีอย่างอื่นเลยหรือ?” เฉินซังเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฉินหมิงหยู่รู้สึกสับสนในตอนแรก จากนั้นดวงตาของนางก็ค่อย ๆ สว่างขึ้น
เฉินซังเทียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ดูเหมือนว่าหลานสาวของเขาจะทั้งฉลาดและมีพรสวรรค์
สั่งสอนกันเพียงเล็กน้อยก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้นางบูชาเด็กหนุ่มในวัยเดียวเป็นอาจารย์ ถ้าปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ดังนั้น เฉินซังเทียนจึงบอกใบ้นางเล็กน้อย
ลั่วอู๋เริ่มใจร้อน “พวกเจ้าคุยกันเสร็จรึยัง พวกเจ้าแอบคุยกันมานานแล้ว รู้รึยังว่าจะทดสอบอะไรข้าในรอบที่สาม”
“ อืม ทำไมเจ้ารีบจัง” เฉินหมิงหยู่ยกคอขาวอันบอบบางของนางขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าคิดได้แล้วว่า ข้าต้องการจะทดสอบเจ้าด้วยอะไร”
“ด้วยอะไรล่ะ?”
“ที่ข้าต้องการจะทดสอบในคราวนี้…”
เฉินหมิงหยู่กล่าวต่อด้วยท่าทางจริงจัง “ในฐานะผู้ปรับแต่งที่ยอดเยี่ยม เจ้าควรจะอ่านหนังสือหลากหลายประเภท มีความรู้ที่หลากหลายและสามารถรวบรวมจุดแข็งของสำนักกว่าร้อยแห่งเข้าด้วยกันได้ หากเจ้าไม่เข้าใจว่าสัตว์วิญญาณที่เจ้าต้องการปรับแต่งควรทำด้วยวิธีไหน ต้องลงรายละเอียดการปรับแต่งแบบไหนและมีลักษณะอย่างไร เจ้าจะช่วยให้สัตว์วิญญาณตัวนั้นแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร ”
“ช่วยเจาะจงได้ไหมว่าเจ้าจะทดสอบข้ายังไง ?” ลั่วอู๋สงสัย
เฉินหมิงหยู่ตะคอก “ข้าต้องการทดสอบความรู้ความเข้าใจของเจ้า เกี่ยวกับสัตว์วิญญาณ ต่อไปข้าจะแสดงสัตว์วิญญาณหลายประเภท เพื่อให้เจ้าสามารถระบุประเภทของมันและบอกข้อมูลของสัตว์วิญญาณเหล่านั้น”
เหล่าผู้คนที่รับชมอยู่ต่างก็ผิดหวัง
นี่มันเป็นการทดสอบแบบไหนกัน
ลั่วอู๋มีสีหน้าที่แปลก ๆ ไป ดูเหมือนเขาจะอยากหัวเราะและพยายามอย่างยิ่งที่จะอดกลั้นเอาไว้ “เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการทดสอบข้าด้วยวิธีนี้ ?”
“แน่นอน” เฉินหมิงหยู่กล่าว
“ ทำไมไม่เพิ่มการทดสอบอีกสักขั้นล่ะ” ลั่วอู๋เกาหัวของเขา “นี่มันง่ายเกินไปนะ”
เฉินหมิงหยู่เย้ยหยัน “อย่าเพิ่งมั่นใจไป ท่านปู่และข้าได้เดินทางไปทั่ว 36 หกมณฑลของอาณาจักรมังกรเร้นกาย พวกเราได้พบกับสถานที่ลี้ลับและอันตรายทุกรูปแบบ พวกเราได้พบกับสัตว์วิญญาณนับไม่ถ้วน ซึ่งหลายชนิดไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ในหนังสือ”
เฉินซังเทียนที่อยู่ทางด้านข้างพยักหน้าเล็กน้อย
ทุก ๆ ปีเขามักจะพาหลานสาวคนนี้เดินทางไปทั่ว เพื่อค้นหาสัตว์วิญญาณหายากทุกชนิดและเพิ่มพูนความรู้ของนาง
ซึ่งตอนนี้ก็ได้เดินทางไปทั่วทั้ง 36 มณฑลแล้ว
และเฉินหมิงหยู่ก็ได้รวบรวมข้อมูลเหล่านั้นลงหนังสือเพื่อบันทึกเกี่ยวกับสัตว์วิญญาณที่ไม่ค่อยมีคนได้รู้จัก ความเข้าใจนี้เป็นข้อได้เปรียบอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเฉินหมิงหยู่
ลั่วอู๋ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ถูก “ถ้าเจ้าต้องการทดสอบตามนั้น ข้าก็ไม่ขัด”
“อืม เจ้าเตรียมใจไว้ได้เลย”
เฉินหมิงหยู่เอาแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ใหม่เอี่ยมออกมาจากรถม้า มันล้อมรอบด้วยลวดทอง สลักอักษรว่าหมิงหยู่อยู่ตรงกลาง พร้อมด้วยแสงสว่างเรืองแสงที่ดูล้ำหน้ามาก
“ แหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ระดับจักรพรรดิ!” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
พื้นที่ของแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ อาจมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับสนามเด็กเล่น ซึ่งสามารถทำให้สัตว์วิญญาณใช้ชีวิตอยู่ในนั้นได้นานมากขึ้น
แหวนดังกล่าวมีมูลค่าหลายล้านหินวิญญาณ
แน่นอนว่ามันก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับไหปีศาจของเขาที่มีโลกใบเล็กอยู่ในนั้นทั้งใบ
เฉินหมิงหยู่เปิดใช้งานแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์
แสงสีฟ้าสว่างวาบออกมา
สัตว์วิญญาณที่ปรากฏตัวออกมาเป็นนกที่ดูลึกลับ ขนาดของมันไม่ใหญ่มาก มันใหญ่พอ ๆ กับแร้งทราย มันเป็นดูคล้ายกับนกฟีนิกซ์ในตำนาน มันสง่างามมาก
ที่สำคัญที่สุดคือสัตว์วิญญาณตัวนี้โปร่งใสราวกับว่าร่างกายทำจากแก้วและจะมีสีสันเมื่ออยู่ภายใต้แสงแดด
ผู้คนมองไปที่นกตัวนี้ด้วยความประหลาดใจ
มันช่างน่าทะนุถนอมอะไรปานนี้
ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
ผู้คนที่เคยผิดหวังในการทดสอบ เปลี่ยนใจในทันที
ตามหลักแล้วก็ตามคำกล่าวในอดีตว่า “แม้นไม่เคยได้กินหมู แต่ก็เคยเห็นหมูวิ่ง” เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครคิดว่าความรู้ของเขาตื้นเขิน
ตอนนี้ดูเหมือนการทดสอบครั้งนี้จะยากกว่าที่คิดเสียแล้ว ใครจะไปรู้ว่าในโลกนี้จะมีสัตว์วิญญาณที่ประหลาดแบบนี้อยู่
เฉินหมิงหยู่กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “สัตว์วิญญาณตัวนี้ถูกพบในแหล่งตกปลาซึ่งถูกทิ้งร้างใน มณฑลพิงฮี, เขตเจียงซี หลังจากที่ได้ค้นคว้าจากบันทึกโบราณแล้ว ข้าก็พบว่ามันถูกบันทึกไว้เพียงไม่กี่ที่เท่านั้น ซึ่งเป็นอะไรที่หาได้ยากมาก”
เมื่อมองไปที่นกที่โปร่งใสลั่วอู๋ก็มีความรู้สึกบางอย่างอยู่ในใจ
โลกใบนี้นั้นช่างกว้างใหญ่
“เอาล่ะ ตอนนี้การทดสอบก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว บอกข้ามาหน่อยสิ ว่าสัตว์วิญญาณตัวนี้คือตัวอะไร” เฉินหมิงหยู่หัวเราะ
ตอนนี้นางค่อนข้างมั่นใจมาก
ในการทดสอบแบบนี้การปรับแต่งระดับสูงของเจ้าจะช่วยอะไรได้ล่ะ? เจ้าจะไปมีความรู้มากกว่าข้าที่เดินทางไปทั่วอาณาจักรของราชวงศ์มังกรเร้นกายได้ยังไง
นี่คือสัตว์วิญญาณ ที่แม้แต่ท่านปู่ของข้าก็ไม่เคยรู้จักมันในครั้งแรกที่ได้เห็น
ลั่วอู๋เกาหัวของเขา “ได้เลย ข้าจะบอกเจ้า”
“สัตว์วิญญาณตัวนี้เรียกว่าชิงเฟิงซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณระดับทอง ความแข็งแกร่งของชิงเฟิงตัวนี้น่าจะอยู่ที่ระดับทองมิติ 2 “
“มันเป็นสัตว์วิญญาณในตำนาน ที่เรียกกันอีกชื่อว่าคือวิหคกระจกเงาอมตะ พวกมันหลงเหลืออยู่บนแผ่นดินใหญ่ไม่มาก มันหายากและมีความสามารถแบบเดียวกับนกฟีนิกซ์บางชนิด”
“ แต่มันมีความสามารถชนิดหนึ่งที่นกฟีนิกซ์ชนิดอื่น ๆ ไม่มี นั่นคือล่องหน เมื่อใช้ความสามารถนี้มันจะสามารถใช้ปิดกั้นการรับรู้ในตัวตนของมันจากสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ได้”
“ทักษะของชิงเฟิง คือ ล่องหนที่เป็นทักษะระดับ SS”
“ทักษะระดับ SS: คืนชีพจากนิพพาน”
“ทักษะระดับ A: พระอาทิตย์ทรงกลด”
“ทักษะระดับ s: ลมปราณแห่งเพลิงและวายุ”
“แม้ว่าจะมีเพียงสี่ทักษะ แต่ทุกทักษะก็แข็งแกร่งมาก สามารถเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังที่สุดในสัตว์วิญญาณระดับทอง”
รอยยิ้มของเฉินหมิงหยู่แข็งไปอีกครั้ง