บทที่ 149 ผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะ
ลั่วอู๋ออกมาจากมิติไห
เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่ามีชายคนหนึ่งยืนอยู่ในห้องของเขา
ลั่วอู๋เห็นดังนั้นก็เหงื่อตกในทันที
นั่นมันน่ากลัวมาก
ลั่วอู๋เรียกโล่สองชั้นออกมาอย่างรวดเร็วและใช้มันปกป้องตัวเขา เขาหันมองไปข้างหน้าอีกครั้งและได้เห็นใบหน้าของชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ชายคนนั้นคือหลงเซี่ย
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ลั่วอู๋พูดอย่างใจเย็น
“เป็นโล่ที่ดีเลยนะ” หลงเซี่ยมองไปที่โล่สองชั้น ชื่นชมมัน จากนั้นเขาก็พูดอย่างใจเย็นว่า
“อย่ากลัวไปเลย ถ้าข้าต้องการจะทำอันตรายเจ้า ข้าคงทำมันไปแล้ว อีกอย่างถ้าข้าต้องการฆ่าเจ้า แม้แต่โล่นี้ก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้หรอก”
ลั่วอู๋ขมวดคิ้วเขาได้แต่ปล่อยวางอย่างไม่เต็มใจนัก
หากอีกฝ่ายต้องการจะฆ่าจริง ๆ เขาคงทำไปแล้วในตอนที่ลั่วอู๋เข้าสู่มิติไหและหมดสติอยู่ ตอนที่สติไม่อยู่กับร่าง
ลั่วอู๋วางโล่สองชั้นลงแล้วมองไปที่หลงเซี่ย “เจ้าต้องการทำอะไร?”
หลงเซี่ยขว้างคันธนูใส่หน้าลั่วอู๋ “นี่สำหรับเจ้า”
คันธนูนี้ดูหนักมากและเสียงตอนที่มันกระทบกับพื้นก็ดังสนั่น สายธนูมีความหนาเล็กน้อยและมีสีเหลืองเหมือนยางรัดผมบางชนิด ส่วนโค้งของตัวคันธนูนั้นเรียบและชั้นนอกของมันหุ้มด้วยโลหะชั้นดีเข้ามุม ส่วนบนและล่างของคันธนูโค้งเล็กน้อย มันมีภาพรวมคล้ายกับธนูเจียวหลง
“นี่มัน … ” ลั่วอู๋แปลกใจ
หลงเซี่ยกล่าวว่า “นี่คือธนูเจียวหลง”
พูดจบหลงเซี่ยก็หันหลังจากไปโดยไม่เสียเวลาแม้แต่ครึ่งนาที
“เอ่อ สวัสดี” ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและร้องไห้ “ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงเอามันมาให้ข้าล่ะ ข้ารู้สึกหงุดหงิดจริง ๆ เลยนะ เวลาที่จู่ ๆ เจ้าก็หายไปแบบนี้”
อย่างไรก็ตามหลงเซี่ยได้ออกไปแล้วจึงไม่มีใครตอบคำถามของเขาได้
ลั่วอู๋หยิบคันธนูเจียวหลงขึ้นมาแล้วใช้นิ้วถูดู ดูเหมือนว่าธนูเจียวหลง นี่จะถูกทำขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ถึงคันธนูจะมีกลิ่นแบบโบราณและบางจุดก็มีคราบเลือดเก่า ๆ จึงไม่ยากที่จะสรุปว่าธนูนี้ได้ผ่านสนามรบมาแล้วอย่างแน่นอน
“ ข้าจะไม่สนและรับเอาไว้ก็แล้วกัน” ลั่วอู๋เข้าไปในมิติไหพร้อมกับธนู
เขามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้
……
……
สองสามวันนี้พื้นที่หวงชายังคงสงบสุขอยู่ เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่มีข่าวใด ๆ มาจากพรรคหวงชา
แต่ลั่วอู๋ก็รู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ความสงบก่อนพายุ
ในมิติไห ลั่วอู๋ประสบความสำเร็จในการยกระดับมิติวิญญาณ ตอนนี้เขาได้กลายเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน มิติ 2 แม้ว่าเขาจะยังไม่พัฒนามากขึ้นนัก แต่เขาก็ขึ้นมาจากขั้นต่ำสุดของระดับเงินแล้ว
จริง ๆ ด้วยเวลาฝึกเพียงแค่หนึ่งปี สถานะปัจจุบันของเขาก็ถือว่าค่อนข้างดีแล้ว
ขณะเดียวกัน ในที่สุดดักแด้ก็เริ่มขยับ
เวลาภายในกับภายนอกมิติไหแตกต่างกัน หลังจากการรดน้ำด้วยเลือดของนกอมตะมาร่วมสิบวันในที่สุดสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กก็ถือกำเนิดขึ้น
ดักแด้เริ่มเปิดออกอย่างเงียบ ๆ มันมีปีกของผีเสื้อปีกมายา ขนาดลำตัวเท่าฝ่ามือ และตัวของมันนั้นใสราวกับคริสตัลแกะสลัก ที่แม้แต่เส้นขนที่ละเอียดก็ยังโปร่งใส
สัตว์วิญญาณประเภทแมลงมักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าน่ารังเกียจเกินไป ผู้ใช้พลังวิญญาณผู้หญิงจำนวนมากจึงค่อนข้างจะรังเกียจสัตว์วิญญาณจำพวกแมลง
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วอู๋ได้เห็นสัตว์วิญญาณแมลงที่สวยงามเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้นส่วนที่โดดเด่นที่สุดของผีเสื้อตัวนี้ก็คือปีกทั้งคู่ของมัน
ปีกปกติของผีเสื้อปีกมายานั้นมักจะมีสีชมพูอ่อนหรือสีขาว แต่นี่เป็นผีเสื้อปีกมายาปีกสองสีที่หาได้ยากยิ่ง
ปีกข้างหนึ่งมีสีดำราวกับหมึก ที่ดูบริสุทธิ์และน่าหดหู่ ปีกอีกข้างหนึ่งเป็นสีแดงเพลิงเร่าร้อนและสดใส
ไม่เพียงเท่านั้นรูปร่างและลวดลายของปีกทั้งสองข้างก็ยังแตกต่างกันออกไป
ปีกสีดำมีที่จับหางและลวดลายบนปีกนั้นดูวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ เช่นเดียวกับศิลปะที่ไม่มีเหตุผล
ส่วนปีกสีแดงไม่มีที่จับหาง ลวดลายบนปีกสีแดงมีความหนาราวกับเปลวไฟ ร่างเส้นหนาแสดงลวดลายที่ดูศักดิ์สิทธิ์และลึกลับ
แต่ไม่ว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไรพวกมันต่างก็มีความสามารถในการหลอนประสาทที่ผีเสื้อควรมี ใครก็ตามหากจ้องมองรูปแบบเหล่านี้สักพักพวกเขาจะรู้สึกเวียนหัวและอยากจะอาเจียน
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ สิ่งนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
เขารีบตรวจสอบข้อมูลของผีเสื้อตัวน้อย
เผ่าพันธุ์: ผีเสื้อเพลิงอมตะ
ระดับ: ระดับทอง
มิติ: ระดับทองแดง มิติที่ 1
ทักษะ: มิติเวทย์มนตร์ (ระดับ SS) นกอมตะเริงระบำ (ระดับ A) คืนชีพจากนิพพานจำลอง (ระดับ A)
พื้นเพ: หลังจากรดด้วยเลือดของนกอมตะสิ่งมีชีวิตที่มีสายเลือดที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าพันธุ์ ผีเสื้อปีกมายาที่ได้ทำการดูดซับไอวิญญาณอันชั่วร้ายมากเกินไปในกระบวนการผสมพันธุ์ จึงได้วิวัฒนาการเป็นสายพันธุ์ใหม่ (ยังคงมีศักยภาพสูง ที่ยังไม่ได้เปิดเผย)
มิติเวทย์มนตร์ ทักษะ(ระดับ SS) : สร้างมิติภาพลวงตาขนาดใหญ่กระตุ้นอารมณ์เชิงลบของศัตรูและทำให้พวกมันเกิดการพังทลายทางจิตใจ
นกอมตะเริงระบำ: ควบคุมเพลิงของนกอมตะในรูปแบบที่ยังอ่อนแอ
คืนชีพจากนิพพานจำลอง: มีโอกาสเกิดใหม่หลังความตาย
ทักษะคืนชีพจากนิพพานของแท้เป็นทักษะระดับ SS ตราบใดที่ยังไม่ถูกทำลายแก่นวิญญาณก็สามารถเกิดใหม่ได้เรื่อย ๆ จนกว่าพลังวิญญาณจะหมด
อย่างไรก็ตามคืนชีพจากนิพพานจำลองนั้นเป็นเพียงระดับ A ซึ่งสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต
แต่สิ่งนี้ดีมากเพราะ มันเทียบเท่ากับการมีชีวิตที่สอง แน่นอนว่าไม่ควรเป็นอะไรที่หวือหวาอยู่แล้วเพราะมันเป็นเพียงแค่ผีเสื้อแรกเกิดเท่านั้น
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
เขาไม่ได้คาดหวังว่าผีเสื้อตัวน้อยตัวนี้จะมีพลังมากมายได้ขนาดนี้
นอกจากนี้มันยังมีศักยภาพที่ยังไม่ได้เปิดเผย
มีเพียงแค่การ “ได้ทำการดูดซับไอวิญญาณอันชั่วร้ายมากเกินไป” ที่ทำให้ลั่วอู๋สับสน เขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่
แต่ต่อให้ลืมไปก็คงไม่เป็นไร
เพราะสิ่งแรกที่มันได้เห็นคือลั่วอู๋ เห็นได้ชัดว่าผีเสื้อตัวน้อยผูกพันธุ์กับลั่วอู๋มาก มันกระพือปีกอันบอบบางของมัน มันพยายามที่กระพือปีกบิน จากนั้นมันก็สะดุดล้มลงบนฝ่ามือของลั่วอู๋
“ดีมาก ๆ ” ลั่วอู๋ลูบปีกของผีเสื้อตัวน้อยเบา ๆ
“ทำพันธสัญญากับข้าสิ”
สัตว์วิญญาณตัวนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสัตว์วิญญาณตัวที่สองอย่างแน่นอน ลั่วอู๋ปลดปล่อยพลังแห่งพันธสัญญาและส่งพลังวิญญาณไปยังร่างของผีเสื้อตัวน้อยอย่างอ่อนโยน
สะพานพันธสัญญาถูกสร้างขึ้นในทันที
ผีเสื้อตัวน้อยดูเหมือนจะยังสับสน ปีกเล็ก ๆ สองข้างของมันโบกสะบัดเบา ๆ
“ ไม่ต้องกลัวไป” ลั่วอู๋พูดเบา ๆ “เพียงแค่เจ้ารับพลังวิญญาณนี้เข้าสู่ร่างกายก็สำเร็จแล้ว”
ด้วยคำแนะนำของลั่วอู๋พันธสัญญาก็สำเร็จลงได้อย่างง่ายดาย
ลั่วอู๋ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับสัตว์วิญญาณตัวที่สองเร็วขนาดนี้
แม้ว่าความแข็งแรงของผีเสื้อตัวน้อยจะยังค่อนข้างอ่อนแอ แต่เมื่อมันโตขึ้นมันก็น่าจะช่วยได้มาก
หลังจากทำพันธะสัญญาเสร็จ ลั่วอู๋ก็สามารถสัมผัสถึงอารมณ์ของผีเสื้อตัวน้อยได้อย่างชัดเจน
มันมีความสุข แต่ก็ยังสับสน
“ชีวิตของเจ้าเกิดขึ้นมาได้โดยการสังเวยของผีเสื้อปีกมายาทั้งกลุ่ม ดังนั้นเจ้าจะถูกเรียกว่าผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะ ไม่ใช่แค่ผีเสื้อเพลิงอมตะ”
ลั่วอู๋ตั้งชื่อใหม่ให้ผีเสื้อตัวน้อย
ผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะ มีคำย่อของผีเสื้อปีกมายาหลายตัวที่หายไปกับสายลม
ผีเสื้อตัวน้อยนั้นปรับตัวได้อย่างรวดเร็วมันบินไปรอบ ๆ บ้านอย่างมีความสุข เมื่อต้าหวงได้กลิ่นของพันธสัญญาในผีเสื้อตัวน้อย มันก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
“ โฮ่ง!” ต้าหวง ไล่ล่าผีเสื้อตัวน้อยอย่างตื่นเต้น
แน่นอนมันเป็นเพียงแค่เพื่อความสนุกสนาน
“ปึก ปึก ปึก”
ในโลกแห่งความเป็นจริงมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ลั่วอู๋ตื่นขึ้นมาในทันที “มีอะไรงั้นเหรอ ?”
ด้านนอกประตูเขาได้ยินเสียงของเจ้าของร้านคนเก่า “นายน้อยมีคนมาจากพรรคหวงชา แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้มาที่นี่เพื่อสมัครงาน พวกเขาดูหยิ่งผยองและเป็นผู้มาเยือนที่ไม่ค่อยดีนัก”
“ไปพบพวกเขากันเถอะ”
ลั่วอู๋ที่ฝึกฝนเสร็จแล้วเดินไปที่ห้องโถงใหญ่