บทที่ 227
หนี้บุญคุณสามครั้ง
เมื่อลั่วเสี่ยนหยุนเห็นว่าลั่วอู๋ปรากฏตัวขึ้นแล้ว แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโล่งใจ แต่ใบหน้าของเขายังคงดูดุร้าย
“ลั่วอู๋ เจ้ายอมออกมาที่นี่แล้วสินะ” เสียงของ ลั่วเสี่ยนหยุนดูเย็นชา
ลั่วอู๋กลอกตาของเขา “อย่าพูดอะไรที่นี่ ไปคุยกับข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่สวนด้านหลังสำนักโล่พิทักษ์ ท่านจี๋กุยโปรดตามมาปกป้องข้าด้วย”
จี๋กุยตบที่หน้าอกของเขา “ได้เลย ไม่มีปัญหา”
ภายใต้สายตาอันเป็นกังวลของคนในสำนักโล่พิทักษ์ ลั่วอู๋พาลั่วเสี่ยนหยุนและจี๋กุยไปที่สวนด้านหลังสำนักโล่พิทักษ์
“น้องชายลั่วไม่ต้องห่วง ข้าจะคุ้มครองเจ้าเอง” จี๋กุยกล่าวด้วยเสียงต่ำ
ลั่วอู๋พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณเจ้ามาก”
จากนั้นลั่วอู๋ก็มองไปที่ลั่วเสี่ยนหยุน และพูดอย่างใจเย็น “เจ้าบอกข้ามาได้เลย ว่าเจ้าต้องการอะไรจากข้ากันแน่ ?”
ลั่วเสี่ยนหยุนหายใจเข้าลึก ๆ ท่าทีของเขาดูซับซ้อนและลดศีรษะลง
“ข้าขอโทษ แต่นี่เป็นทางเดียวที่จะได้เจอกับเจ้า” สิ่งแรกที่ลั่วเสี่ยนหยุนพูดคือคำขอโทษ
ดวงตาของจี๋กุยเบิกกว้าง
นี่มันอะไรกัน? ลั่วเสี่ยนหยุนคนเมื่อกี้ที่โกรธจัดไปอยู่ที่ไหนแล้ว
ลั่วอู๋หันไปพูดกับจี๋กุย “รองผู้บัญชาการ ได้โปรดเก็บการสนทนานี้ไว้เป็นความลับด้วย”
“ได้ ๆ ” จี๋กุยพยักหน้าด้วยความงุนงง
“เอาล่ะมาเริ่มคุยกันได้แล้ว” ลั่วอู๋กุมหัวและพูดต่อว่า “ตระกูลลั่วต้องการอะไรกันแน่! เจ้ามีท่าทีที่เสียมารยาทเกินกว่าที่ใครจะรับได้เลยนะรู้ตัวไหม”
ลั่วเสี่ยนหยุนรู้สึกลำบากใจ
เขาเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของลั่วอู๋ แต่ตอนนี้เขากลับต้องมาขอโทษอย่างนอบน้อม หากบอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกอายเลยนั้นคงเป็นเรื่องโกหก
ลั่วเสี่ยนหยุนกล่าว “ถ้าอย่างนั้น ข้าพูดเข้าประเด็นเลยก็แล้วกัน ทางตระกูลหวังที่จะกำจัดความบาดหมางในอดีตกับเจ้า และหวังว่าเจ้าจะกลับไปที่ตระกูล”
“ทำไมล่ะ?” ลั่วอู๋ไม่เข้าใจ “ครึ่งปีที่แล้ว พวกเขาส่งคนมาล้อมสำนักโล่พิทักษ์ของข้า หมายจะฆ่าข้าทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงเปลี่ยนสีกลับทิศทางซะ 180 องศาแบบนี้”
ลั่วเสี่ยนหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว “ครึ่งปีที่แล้ว คำสั่งที่ให้ส่งคนไปล้อมสำนักโล่พิทักษ์ นั่นเป็นคำสั่งของนายหญิง ภรรยาของอดีตผู้นำตระกูลคนก่อน ซึ่งไม่ได้เป็นตัวแทนของตระกูลลั่ว”
“ภรรยา ผู้นำตระกูลคนก่อน?” ลั่วอู๋สงสัย
ลั่วเสี่ยนหยุนถอนหายใจ “ใช่แล้ว เพราะคำสั่งนั้น ทั้งนางและผู้นำตระกูลคนก่อนจึงถูกไล่ออกไปจากตระกูล ตอนนี้ผู้นำของตระกูลลั่วคือลั่วฮันเชียง ไม่ใช่ลั่วฮั่นฮั๊วอีกต่อไปแล้ว”
ลั่วอู๋ตะลึง
เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในตระกูลลั่ว
ภรรยาของผู้นำตระกูลคนก่อน
เขาไปยุ่งกับนางตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมนางถึงต้องสั่งให้คนมาฆ่าเขาด้วย นางเป็นคนที่ทำลายสะพานแห่งพันธสัญญาของเขารึยังไงกัน?
“ข้ายังไม่เข้าใจเท่าไหร่” ลั่วอู๋พูดอย่างสับสน “เพราะพวกเขาสั่งฆ่าข้า ดังนั้นแม้แต่ผู้นำตระกูลเองก็ยังถูกเนรเทศ ตระกูลลั่วให้ความสนใจข้ามากขนาดนี้เมื่อไหร่กัน ?”
ใบหน้าของลั่วเสี่ยนหยุน แสดงถึงอาการตกใจ “เจ้าไม่รู้ได้อย่างไรกัน?”
“ข้าควรรู้อะไรล่ะ”
“จู่ ๆ ท่านบรรพบุรุษ ก็เดินทางกลับมา เพื่อตามหาทายาทที่มีความสามารถในฐานะลูกหลาน ให้เป็นผู้สืบทอดวิชา” ลั่วเสี่ยนหยุนกล่าว
ลั่วอู๋งง “แล้วนั้นมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”
“พวกข้าก็อยากรู้เหมือนกัน” ลั่วเสี่ยนหยุนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลพิเศษบางประการบรรพบุรุษของตระกูลลั่วกำลังตามหาเจ้า”
ลั่วอู๋กำลังสับสนงุนงง
ข้าไม่ได้อยู่ในตระกูลลั่ว แล้วบรรพบุรุษของตระกูลลั่ว สามารถสังเกตเห็นข้าได้ยังไงกัน?
ข้าโด่งดังถึงขั้นนั้นแล้วงั้นเหรอ?
“เขามีหน้าตาเป็นยังไง ข้าเคยพบเขาไหม ?” ลั่วอู๋สงสัย
ลั่วเสี่ยนหยุนกลอกตาของเขา “แน่นอนสิ ในตอนที่เจ้าแห่งอินทรีตามล่าเจ้าอยู่ เจ้าได้พบกับชายชราในชุดขาวรึเปล่า?”
ชายชราในชุดขาว
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “โอ้ !! นั่นคือบรรพบุรุษของตระกูลลั่วงั้นเหรอ ? ไม่น่าแปลกใจเลยที่ความแข็งแกร่งนั้นแข็งแกร่งถึงขนาดที่แม้แต่เจ้าแห่งอินทรีก็ยังไม่กล้าหือ เขาบอกว่าเขาต้องการให้ข้ามาเป็นผู้สืบทอดของเขา แต่น่าเสียดาย ตอนนั้นคิดได้แต่เรื่องที่จะหนีจนไม่ได้สนใจเขา…”
ลั่วเสี่ยนหยุน รู้สึกว่าหัวใจเล็ก ๆ ของเขากำลังจะแตกสลาย
ไม่ได้สนใจเขา?
เจ้าไม่สนใจคำขอร้องจากท่านบรรพบุรุษ
เจ้ามันช่างไม่คู่ควร!
แน่นอน ลั่วเสี่ยนหยุนนั้นได้แต่คิดอยู่ในใจเท่านั้น เพราะถ้ากหากท้ายที่สุดอีกฝ่ายกลายเป็นผู้สืบทอดวิชาของท่านบรรพบุรุษจริง ๆ ละก็ เขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีอำนาจในฐานะผู้อาวุโสเหลืออยู่ไหม
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กลับมากับข้าซะสิ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านบรรพบุรุษที่ไม่ยอมให้เปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ทางตระกูลลั่วคงต้อนรับเจ้ากลับด้วยราชรถขนาดใหญ่เป็นขบวนไปแล้ว” ลั่วเสี่ยนหยุนกล่าว
ลั่วอู๋เกาหัวอย่างไร้เดียงสา “ข้าไม่สนใจที่จะเป็นผู้สืบทอดของท่านบรรพบุรุษตระกูลลั่วเลย”
“เจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหมเนี่ย ? เจ้ารู้ไหมว่าท่านบรรพบุรุษเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับเซียน นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของผู้ปรับแต่งทั้งหมดเลยนะ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นได้ขนาดไหน หากเจ้าได้รับการสั่งสอนจากท่านบรรพบุรุษ” หัวใจของลั่วเสี่ยนหยุนรู้สึกเจ็บปวด
มันเป็นโอกาสที่ดี
ถ้าพลาดไปมันคงจะน่าเสียดายมาก
แต่ลั่วอู๋นั้นคิดจนพอใจแล้ว “ไม่ ๆ มันไม่น่าสนใจเท่าไหร่เลย”
ความสามารถในการปรับแต่งของเขา ไม่ใช่สิ่งที่คนนอกจะช่วยฝึกฝนให้เขาได้
และเขาไม่ต้องการกลับไปที่ตระกูลลั่วจริง ๆ
ลั่วเสี่ยนหยุนแข็งทื่อไปในทันที จากนั้นเขาก็พูดอย่างเจ็บปวดว่า “อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นไป ข้ารู้ว่าเจ้าเจ็บปวดมากกับเรื่องในอดีตของเจ้า แต่เจ้าต้องคิดถึงอนาคตของตัวเจ้าเองด้วย”
“ไม่ เจ้าควรกลับไปดีกว่า ข้าไม่สนใจที่จะเป็นผู้สืบทอดบรรพบุรุษตระกูลลั่วของเจ้า” ลั่วอู๋กล่าว
ลั่วเสี่ยนหยุนถอนหายใจในใจ
อีกฝ่ายยังคงไม่นับว่าตัวเองเป็นคนของตระกูลลั่ว
“ยังไงก็ได้ โปรดกลับไปหน่อยเถอะ อย่างน้อยมันก็เคยเป็นบ้านของเจ้า” ลั่วเสี่ยนหยุนวิงวอน
ลั่วอู๋ตกอยู่ในภวังค์
เมื่อกลับไปบ้าน
เขาก็ต้องกลับไปเจอความเป็นจริงเดิม ๆ
ตระกูลใหญ่ ๆ มักจะไม่มีความรู้สึกอันจริงใจ ถ้าบรรพบุรุษของตระกูลลั่วไม่เห็นคุณค่าของเขา พวกเขาก็จะทำสิ่งเหล่านี้เพื่อผลประโยชน์ของตระกูลลั่ว และพวกเขาคงจะเกลียดลั่วอู๋อย่างสุดซึ้ง พวกเขาจะไปห่วงใยสมาชิกในตระกูลที่เคยถูกเนรเทศได้อย่างไร
ยิ่งตระกูลใหญ่มากเท่าไหร่
ผู้คนก็ยิ่งไร้ความเมตตา
“ข้าไม่มีทางกลับไปที่นั่นแน่ และตอนนี้ข้าไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” ลั่วอู๋พูดอย่างใจเย็น
ลั่วเสี่ยนหยุนขมวดคิ้ว “ไม่ ไม่ ไม่ เจ้าต้องรีบกลับไปกับข้า ในวันนี้ถ้าเจ้าไม่ยอมข้าจะระเบิดตัวเองต่อหน้าเจ้าแน่”
ลั่วอู๋หัวเราะ
“ตระกูลลั่วไม่ได้ขอให้เจ้าเชิญข้าเช่นนี้ ไม่ใช่เหรอ ?”
“มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เมื่อเจ้ากลับไปข้าจะยอมรับโทษจากท่านบรรพบุรุษเอง” ลั่วเสี่ยนหยุน กัดฟันของเขาและพูดขู่ว่า “เจ้าจะยอมตามข้ามาไหม ?”
ลั่วอู๋ไม่ได้รู้สึกโกรธ เขาแค่ขำ “แน่ใจนะว่าเจ้าจะขู่ข้าแบบนี้ ?”
“ถูกต้อง!” ลั่วเสี่ยนหยุนโยนตรรกะออกไปจนหมด
ลั่วอู๋หันไปมองที่จี๋กุย “ท่านรองผู้บัญชาการจี๋กุย ช่วยข้าด้วยข้าถูกคุกคาม แต่เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม ได้โปรดกลับไปขอให้ท่านผู้บัญชาการหลิงหลงมาที่นี่ที”
“ได้เลย” จี๋กุยมองไปที่ลั่วเสี่ยนหยุน “ท่านผู้บัญชาการคงไม่รังเกียจที่จะไปถึงคฤหาสน์ตระกูลลั่วของพวกเจ้าด้วยตัวเอง”
ลั่วเสี่ยนหยุนมองใบหน้าของเขาอย่างหงุดหงิด “อะไรนะ! ผู้บัญชาการหลิงหลง จะไปที่คฤหาสน์ของตระกูลลั่วด้วยตัวเอง อย่ามาล้อเล่นน่า กับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เนี่ยนะ”
ผู้บัญชาการหลิงหลงเป็นผู้พิทักษ์ที่มีชื่อเสียง นางมีวิสัยทัศน์ที่ดีและแข็งแกร่ง นอกจากคำสั่งของจักรพรรดิแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางยอมจำนนได้
นางผู้นั้นไม่ควรถูกยั่วยุด้วยเรื่องแค่นี้
“มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย” จี๋กุยกล่าว “ท่านผู้บัญชาการติดหนี้บุญคุณลั่วอู๋ถึงสามครั้ง ถ้าลั่วอู๋ เต็มใจที่จะให้ท่านชดใช้ด้วยวิธีนี้สักครั้งท่านก็คนจะดีใจมาก …”
ไม่จำเป็นต้องพูดเบื้องหลังทั้งหมด ลั่วเสี่ยนหยุนก็เข้าใจได้ในทันที
เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณ ผู้บัญชาการหลิงหลง คงไม่คิดแค่จะไปดื่มชาที่คฤหาสน์ของตระกูลลั่วแน่ ๆ
หนี้บุญคุณ 3 ครั้ง
ลั่วเสี่ยนหยุนเสียสติไปชั่วขณะ
นี่มันต้องล้อกันเล่นแน่ ๆ
จะมีใครในโลกที่สามารถทำให้ผู้บัญชาการหลิงหลงติดหนี้บุญคุณได้ถึงสามครั้งกัน?
แต่นั่นคือสิ่งที่ลั่วอู๋ได้ทำไปแล้วจริง ๆ